3 ม.ค. เวลา 00:56 • ประวัติศาสตร์
โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์

Chinatown ที่ไม่ใช่เยาวราช

หากพูดถึงไชน่าทาวน์แล้วหลายคนคงนึกถึงเยาวราชบ้านเราเป็นแน่ โดยย่านนั้นจะมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก ทำให้ลักษณะบ้านเรือน การตกแต่ง อาหาร และวัฒนธรรมจะมีรูปแบบความเป็นจีน ซึ่งมีเอกลักษณ์มากจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงเทพฯ
1
แต่จริงๆ แล้ว Chinatown ยังมีอยู่อีกหลายเมืองทั่วโลก โดยแต่ละที่จะเป็นย่านศูนย์รวมวัฒนธรรมจีน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา สถาปัตยกรรม หรือประเพณีต่างๆ ผสมผสานกับตัวเมืองนั้นๆ อย่างในญี่ปุ่นก็มีย่านโยโกฮามาที่มีไชน่าทาวน์ชื่อดังเช่นกัน และวันนี้ผมจะขอเล่าถึง Yokohama Chinatown ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
2
โยโกฮามา ไชน่าทาวน์ (横浜中華街, Yokohama chūkagai, ภาษาจีน: 橫濱中華街) ตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว ก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมีคนอาศัยประมาณ 3,000 - 4,000 คน
ไชน่าทาวน์แห่งนี้เป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ใหญ่กว่าไชน่าทาวน์ในโกเบและนางาซากิ ภายในย่านนี้จะมีร้านค้าและร้านอาหารที่เป็นของชาวจีนประมาณ 600 ร้าน บนพื้นที่ขนาด 0.2 ตารางกิโลเมตร
3
ที่มาที่ไปของโยโกฮามา ไชน่าทาวน์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1859 เมื่อท่าเรือในโยโกฮามาเปิดดำเนินการ มีผู้อพยพชาวจีนจำนวนมากเดินทางมายังญี่ปุ่นและเริ่มตั้งถิ่นฐาน ในยุคแรกๆ บริษัทการค้าจากอเมริกาและอังกฤษหลายแห่งที่เคยทำการค้ากับจีนได้ขยายธุรกิจมายังโยโกฮามา พร้อมกับตัวแทนชาวจีนที่เข้ามาทำหน้าที่เจรจากับพ่อค้าญี่ปุ่นในการซื้อขายสินค้าสำคัญ เช่น ไหมดิบ และ ชา ซึ่งในเวลานั้นเป็นสินค้าส่งออกหลักของญี่ปุ่น
2
ต่อมา บริการเรือข้ามฟากระหว่างโยโกฮามาไปยังเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงก็เริ่มต้นขึ้น พ่อค้าชาวจีนจำนวนมากเดินทางมายังญี่ปุ่น และได้สร้างโรงเรียนชาวจีน ศูนย์ชุมชนจีน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของไชน่าทาวน์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานั้น รัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดให้ผู้อพยพต้องอยู่อาศัยเฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดสำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น
3
การเติบโตในช่วงแรกของไชน่าทาวน์เกิดขึ้นจากการค้าขายที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและญี่ปุ่นหลังจากสนธิสัญญาการค้าจีน-ญี่ปุ่นในปี 1871 ผู้อพยพชาวจีนจึงเริ่มทำงานหลากหลายอาชีพและรวมตัวกันในพื้นที่เดียวกัน
ในปี 1923 พื้นที่คันโตประสบภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 100,000 คน และประชากรราว 1.9 ล้านคน กลายเป็นคนไร้บ้าน ไชน่าทาวน์ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ชาวจีนจำนวนมากเลือกที่จะกลับไปยังจีนแทนที่จะสร้างชีวิตใหม่ในโยโกฮามา ทั้งนี้มีรายงานว่าชาวจีนเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ทั้งหมดประมาณ 1,541 คน หรือประมาณหนึ่งในสามของประชากรชาวจีน 4,705 คนที่ได้อาศัยอยู่ก่อนเกิดเหตุการณ์
3
หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวผ่านไป 4 ปี โครงสร้างสังคมในไชน่าทาวน์ โยโกฮามาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้ชาวต่างชาติมาทำมาค้าขาย ชาวจีนโพ้นทะเลจึงได้เดินทางมาลงหลักปักฐานเพิ่มมากขึ้น โดยประชากรชาวจีนในพื้นที่นี้ครึ่งหนึ่งประกอบอาชีพเป็นช่างตัดผม ช่างตัดเสื้อ และพ่อครัว ทำให้ธุรกิจอาหารจีนจึงเริ่มเติบโตเป็นอย่างมากนับตั้งแต่นั้น
2
ในปี 1937 สงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่นปะทุขึ้น ส่งผลให้การเติบโตของไชน่าทาวน์หยุดชะงัก หลังสงครามสิ้นสุดลง ไชน่าทาวน์เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ในปี 1955 ประตูใหญ่แห่งมิตรภาพได้ถูกสร้างขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกย่านนี้ว่า โยโกฮามา ชูคะไก (Yokohama Chinatown) อย่างเป็นทางการ
3
ในปี 1972 ญี่ปุ่นได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ความสนใจในวัฒนธรรมจีนของคนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไชน่าทาวน์พุ่งสูงขึ้น และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโยโกฮามา
2
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2004 รถไฟสายมินาโตะมิไร (Minatomirai Line) ได้เปิดให้บริการ พร้อมกับสถานี โมโตมาจิ-ชูคะไก (Motomachi-Chūkagai Station) ที่ให้บริการโดยตรงไปยังไชน่าทาวน์
1
จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ไชน่าทาวน์ โยโกฮามา ก็ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองโยโกฮามา ที่ผสมผสานวัฒนธรรมจีนกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของญี่ปุ่นจนได้รูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกับย่านไชน่าทาวน์ที่เมื่องอื่นๆ และสิ่งที่ขึ้นชื่อเมื่อเรามาที่ไชน่าทาวน์ โยโกฮามานี้ก็คือ เรื่องของกิน เพราะมีร้านอาหารเยอะมาก โดยผมได้มีโอกาสลองแวะชิมร้านต่างๆ และอยากแนะนำเพื่อนๆ เผื่อใครมีโอกาสได้ไปลองแวะชิมกันครับ
1
โดยคนที่มาเที่ยวไชน่าทาวน์ โยโกฮามา ส่วนใหญ่จะซื้อแล้วยืนกินหน้าร้านเลย กินเสร็จก็เดินแวะไปชิมร้านอื่นต่อ จะมีแวะไปนั่งในร้านก็เป็นแค่บางร้านที่เป็นร้านใหญ่มีโต๊ะนั่งให้บริการ ซึ่งเพียงเราเดินเข้ามาในพื้นที่ไชน่าทาวน์ เราจะเห็นเมนูอย่างหนึ่งที่มีขายอยู่หลายร้าน มันเปรียบเป็นเมนู ซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เมนูนี้คือ เสี่ยวหลงเปาทอด และผมขอแนะนำเสี่ยวหลงเปาจากร้าน Hotenkaku
3
Hotenkaku ร้านนี้จะเดินเข้ามากลางซอยหน่อยแต่คนจะรอต่อคิวซื้อเยอะมาก ลักษณะหน้าตา เสี่ยวหลงเปาทอดภายนอกมันจะเหมือนเสี่ยวหลงเปาที่เรารู้จักกันดี โดยจะมีให้เลือกทั้งไส้หมู และไส้หมูที่ผสมปูกับกุ้งลงไป ซึ่งตัวไส้จะผสมกับน้ำซุปร้อนๆ ขลุกขลิกอยู่ข้างในแล้วนำไปนึ่ง เมื่อนึ่งได้ที่แล้วก็จะนำไปทอด กลายเป็นเสี่ยวหลงเปาทอดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับของไต้หวัน หรือเซี่ยงไฮ้
2
ซึ่งเมื่อผมได้กินก็ร้องว้าวทันที มันอร่อยมาก ตัวไส้ทั้งหมู ปู กุ้งก็สุกกำลังดี เนื้อหวาน ตัวน้ำซุปก็รสชาติกลมกล่อม แต่ทีเด็ดอยู่ที่แป้งด้านนอก ซึ่งไม่ได้ใช้แป้งที่ทำเสี่ยวหลงเปาเหมือนปกติทั่วไป แต่ใช้แป้งที่ทำซาลาเปามาห่อทำให้มีความหนา เมื่อนำไปทอดจะได้ความกรอบ และเมื่อเรากินแล้วทำให้มีรสสัมผัสที่หลากหลายทั้งความกรอบจากแป้งด้านนอก และความนุ่มจากไส้ด้านใน ทั้งความหวานและความเค็ม เป็นเมนูที่ดัดแปลงผสมผสานออกมาได้ลงตัวมาก หากใครมาไชน่าทาวน์ โยโกฮามาต้องห้ามพลาดเมนูนี้
3
ในตอนที่ผมยืนกินเสี่ยวหลงเปาทอดอยู่นั้นผมก็เห็นร้านตรงข้ามคนต่อแถวยาวเหยียด ร้านเป็นห้องแถวสีแดง หน้าร้านมีรูปลุงซานตาคลอสหน้าตาใจดี เห็นดังนั้นผมจึงเดินเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นร้านโจ๊ก ผมจึงตัดสินใจยืนต่อแถวด้วยเลย ร้านนี้มีโต๊ะให้นั่งซึ่งใช้เวลายืนรอไม่นานผมก็ได้ที่นั่ง
ตัวเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดแนะนำว่าใครอ่านไม่ออกให้ใช้แอพแปลภาษา โดยเฉพาะคนที่ไม่ทานเนื้อวัว เพราะโดยส่วนใหญ่จะมีเมนูที่ใส่เนื้อลงไปหลายรายการเลย
1
ผมสั่งโจ๊กหมู กับผัดตับหมู ซึ่งโจ๊กต้มเม็ดข้าวมาได้ละเอียดเนียน เนื้อหมูจะหั่นเป็นชิ้นเต๋า รสชาติแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าทางร้านไปผสมกับอะไรมาก่อนด้วยไหม ส่วนตับหมูหั่นชิ้นใหญ่มาสุกกำลังดี เนื้อนิ่มหวาน ออกเค็มนิดๆ กินกับโจ๊กแล้วเข้ากัน โดยรวมโจ๊กถือว่าใช้ได้ แต่หากให้เทียบกับโจ๊กร้านดังบ้านเราแล้วยังรู้สึกว่าสู้ไม่ได้เลย หากใครมาลองแวะทานก็ได้ไม่ทานก็ไม่เป็นไร
1
ผมออกจากร้านโจ๊กเดินมาตบท้ายด้วยร้าน Edosei เป็นร้านขายซาลาเปา ร้านนี้เปิดมากนานกว่า 130 ปี โดยภายในไชน่าทาวน์ โยโกฮามาเองจะมีสาขาของร้าน Edosei รวมอยู่ด้วยกันถึง 4 สาขา จัดเป็นร้านที่มาไชน่าทาวน์ โยโกฮามาแล้วต้องแวะชิม
1
ซึ่งเมนูในตำนานของร้านนี้ก็คือ ซาลาเปาหมูสับ ที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ต้องเห็นของจริงมันใหญ่มาก! ตัวแป้งซาลาเปาจะหนา นุ่มมาก ออกรสหวาน ตัวไส้ที่เป็นหมูก็เป็นหมูสับปรุงรสชิ้นโตมีรสเค็มนิดๆ เวลากินทั้งแป้งกับไส้พร้อมกันแล้วจึงเข้ากันมา แต่แนะนำหากใครอยากแวะกินอย่างอื่นต่อ ให้ซื้อชิ้นเดียวแล้วแบ่งกับเพื่อนกินกัน ซึ่งผมดันกินทั้งลูกกินเสร็จแล้วเกมจบเลย อิ่มมาก
2
Yokohama Chinatown ยังมีเมนูให้ได้ลองกินอีกมากนอกจากที่ผมได้เล่ามานี้ หากใครอยากมาลองแนะนำว่าให้เตรียมท้องให้ว่าง เพราะมีของให้เลือกกินมากหน้าหลายตาหลายร้าน ซึ่งผมอิ่มเสียก่อนจึงยังไม่ได้ลองอีกหลายร้านได้แต่เดินๆ ดูเท่านั้น
1
ผมใช้เวลาสอง-สามชั่วโมงในการเดินย่าน Yokoham Chinatown ก็ได้เห็นทั้งประวัติศาสตร์ความเป็นมา ทั้งศิลปะวัฒนธรรม ทั้งสถาปัตยกรรม อาหารการกินที่เป็นการผสมผสานความเป็นจีนกับญี่ปุ่นลงไปจนได้เอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาที่ไม่เหมือนกับไชน่าทาวน์เมืองอื่นๆ จึงนับเป็นสถานที่ที่หากใครมีโอกาสได้มาโยโกฮามาก็ลองแวะสัมผัสดูครับ
1
โฆษณา