4 ม.ค. เวลา 17:49 • หนังสือ

“ทำไมข่าวร้ายถึงดังกว่าข่าวดี: จิตวิทยาเบื้องหลังการแพร่กระจายของความหวาดกลัว”

เคยสังเกตไหมว่าเมื่อมีข่าวร้าย เช่น ภัยพิบัติ เศรษฐกิจถดถอย หรือเหตุการณ์รุนแรง ข่าวเหล่านี้มักจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และดึงดูดความสนใจมากกว่าข่าวดี? ไม่ใช่แค่คุณที่รู้สึกแบบนั้น แต่นี่คือพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีรากฐานอยู่ในจิตวิทยาและวิวัฒนาการ
สมองของเราถูกตั้งโปรแกรมให้ “รักข่าวร้าย”
งานวิจัยจาก Soroka และ McAdams (2015) ชี้ให้เห็นว่าสมองของมนุษย์ตอบสนองต่อข่าวร้ายได้ไวกว่าเนื้อหาที่เป็นบวก โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ความเสี่ยง หรือ ภัยคุกคาม ต่อชีวิต เพราะสมองส่วน Amygdala ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประมวลผลอารมณ์และความกลัว จะทำงานทันทีเมื่อรับรู้ถึงข้อมูลที่อาจเป็นอันตราย
ในยุคโบราณ เมื่อมนุษย์ต้องเอาชีวิตรอดในป่า การรับรู้ถึงข่าวร้าย เช่น เสียงคำรามของเสือ หรือภัยธรรมชาติ มีผลต่อการอยู่รอดโดยตรง เราจึงวิวัฒนาการมาให้ “สนใจข่าวร้าย” มากกว่าข่าวดี
ข่าวร้าย = กระแสไวรัล
งานวิจัยจาก Berger และ Milkman (2012) พบว่าข่าวที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว หรือความเศร้า มีแนวโน้มจะแพร่กระจายบนโลกออนไลน์มากกว่าข่าวที่ทำให้รู้สึกดี เหตุผลคือ:
1. อารมณ์รุนแรงกระตุ้นการแชร์:
เมื่อเราเห็นข่าวร้ายที่ทำให้กลัวหรือโกรธ เรามักต้องการ “เตือน” หรือ “แบ่งปัน” กับคนอื่น เพราะเชื่อว่ามันสำคัญ
2. ข่าวร้ายสร้างการมีส่วนร่วม:
ข่าวร้ายมักกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยหรือถกเถียง เช่น ข่าวอาชญากรรม การเมือง หรือเศรษฐกิจ ทำให้มีส่วนร่วมในระดับสังคมมากขึ้น
3. ความแปลกใหม่ดึงดูดความสนใจ:
ข่าวร้ายมักดู “เร้าใจ” หรือ “ไม่คาดคิด” เช่น ภัยพิบัติ หรือเรื่องอื้อฉาว ซึ่งกระตุ้นความอยากรู้ของคนทั่วไป
“ข่าวดี” ไปไหน?
ข่าวดีไม่ได้หายไป เพียงแต่มันไม่ได้กระตุ้นสมองในลักษณะเดียวกับข่าวร้าย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า “ข่าวดีคือเรื่องปกติ” เช่น การทำความดีของคนธรรมดา หรือการพัฒนาในเชิงบวก ซึ่งอาจไม่ได้ดึงดูดความสนใจเท่ากับข่าวร้ายที่ผิดปกติ
เราจะจัดการกับ “ข่าวร้ายล้นโลก” ได้อย่างไร?
1. บริโภคข่าวอย่างมีสติ:
ไม่ใช่ข่าวทุกชิ้นที่คุณเห็นบนหน้าฟีดจะสำคัญต่อชีวิต พยายามเลือกเสพข่าวที่ให้ประโยชน์และลดข่าวที่กระตุ้นความเครียดเกินจำเป็น
2. ฝึกตัวเองให้มองหาข่าวดี:
มีข่าวดีมากมายที่ถูกละเลย ลองติดตามเพจหรือแหล่งข่าวที่มุ่งเน้นเรื่องราวเชิงบวก
3. จำไว้ว่าข่าวร้ายไม่ใช่ทั้งหมดของโลก:
โลกนี้ยังมีความหวังและความสวยงาม เพียงแต่ข่าวเหล่านั้นอาจไม่ได้อยู่ในกระแสเท่าข่าวร้าย
“ข่าวร้ายแพร่เร็วกว่า แต่ข่าวดีสำคัญไม่แพ้กัน”
การที่ข่าวร้ายดึงดูดความสนใจไม่ได้หมายความว่าโลกกำลังแย่ลงเสมอไป มันสะท้อนเพียงธรรมชาติของมนุษย์ที่ตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ไวกว่า เราในฐานะผู้บริโภคข่าวสารต้องรู้เท่าทัน และเลือกมองโลกอย่างสมดุล เพื่อไม่ให้จมอยู่ในวังวนของความกลัวที่เกินจริง
แล้วคุณล่ะ วันนี้แชร์ข่าวดีให้คนอื่นบ้างหรือยัง?
โฆษณา