5 ม.ค. เวลา 03:37 • หนังสือ
antiqueline

การตำหนิติเตียนเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ทั้งในครอบครัว องค์กร หรือสังคม

ประโยชน์ของการตำหนิติเตียน:
* กระตุ้นให้ตระหนักถึงข้อผิดพลาด: การตำหนิติเตียนที่ตรงไปตรงมาและชัดเจน ทำให้ผู้ถูกตำหนิได้ตระหนักถึงสิ่งที่ทำผิดพลาดและต้องการปรับปรุงแก้ไข
* เป็นแรงผลักดันให้พัฒนา: เมื่อได้รับคำติชม ผู้คนมักจะพยายามปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตำหนิซ้ำ
* สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง: การอธิบายเหตุผลของการตำหนิติเตียน ทำให้ผู้ถูกตำหนิเข้าใจถึงผลกระทบของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเรียนรู้วิธีการปรับปรุงแก้ไข
* สร้างบรรยากาศการเรียนรู้: การเปิดโอกาสให้ผู้ถูกตำหนิได้อธิบายและโต้แย้ง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกัน
โทษของการตำหนิติเตียน:
* ทำลายความรู้สึก: การตำหนิติเตียนที่รุนแรง หรือใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผู้ถูกตำหนิรู้สึกเสียใจ เศร้า หรือโกรธแค้น
* ลดความมั่นใจ: การถูกตำหนิซ้ำๆ หรือถูกเปรียบเทียบกับผู้อื่น อาจทำให้ผู้ถูกตำหนิรู้สึกด้อยค่าและขาดความมั่นใจในตนเอง
* สร้างความขัดแย้ง: การตำหนิติเตียนที่ไม่สร้างสรรค์ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกัน
* ยับยั้งการพัฒนา: หากการตำหนิติเตียนเน้นแต่ข้อผิดพลาดโดยไม่ให้คำแนะนำในการปรับปรุง อาจทำให้ผู้ถูกตำหนิรู้สึกท้อแท้และไม่กล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ
เคล็ดลับในการตำหนิติเตียนอย่างมีประสิทธิภาพ:
* เลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม: เลือกเวลาที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมที่จะรับฟัง
* ใช้ภาษาที่สุภาพและสุภาพ: หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ดูถูก ดูหมิ่น หรือกล่าวโทษ
* เน้นที่พฤติกรรม ไม่ใช่ตัวบุคคล: ตำหนิที่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่ตัวบุคคล
* ให้คำแนะนำในการปรับปรุง: นอกจากการบอกว่าผิดตรงไหนแล้ว ควรให้คำแนะนำในการแก้ไขด้วย
* แสดงความเข้าใจ: แสดงให้เห็นว่าคุณเข้าใจถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
* ฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย: เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้อธิบายและโต้แย้ง
สรุป:
การตำหนิติเตียนเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้เพื่อพัฒนาตนเองและผู้อื่นได้ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง หากใช้ไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี การตำหนิติเตียนที่สร้างสรรค์ จะช่วยให้ผู้ถูกตำหนิเติบโตและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
โฆษณา