5 ม.ค. เวลา 07:59 • ประวัติศาสตร์

เรื่องราวของ “โจเซฟ (Joseph)” และ “แมรี (Mary)” บิดามารดาของ ”พระเยซู (Jesus)”

ใน “พันธสัญญาใหม่ (New Testament)” ซึ่งเป็นภาคที่สองของคัมภีร์ไบเบิ้ล มีการบอกเล่าเรื่องราวของการกำเนิด “พระเยซู (Jesus)” และเป็นจุดเริ่มต้นครั้งแรกของ “วันคริสต์มาส (Christmas)”
ชาวคริสต์เทิดทูนเรื่องราวของ “แมรี (Mary)” “โจเซฟ (Joseph)” และ ”พระเยซู (Jesus)” มาเป็นเวลาหลายร้อยปี และเรื่องราวนี้ก็มีเรื่องราวให้ศึกษาและน่าสนใจ
เหตุการณ์นี้กลายเป็นรากฐานของชาวคริสต์และฉลองมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? โจเซฟและแมรีให้กำเนิดศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ได้อย่างไร?
โจเซฟ (Joseph) แมรี (Mary) และ พระเยซู (Jesus)
วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังครับ
บันทึกในพระคัมภีร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “แมรี (Mary)” ได้ถูกเขียนขึ้นในช่วงระหว่างค.ศ.70-110 (พ.ศ.613-653) โดยว่ากันว่าแมรีเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้างดงงาม เป็นบุตรของ “แอนน์ (Anne)” และ “โจอาคิม (Joachim)” แห่งนาซาเรธ (Nazareth)
แมรีน่าจะมีรูปลักษณ์เหมือนชาวตะวันออกกลาง มีดวงตาและผมสีเข้ม และน่าจะพูดภาษาอาราเมอิค ซึ่งเป็นภาษาหนึ่งของชาวยิว
แมรี (Mary)
แมรีน่าจะสมรสตั้งแต่อายุยังน้อย เช่นเดียวกับหญิงสาวหลายคนในยุคนั้นที่สมรสตั้งแต่อายุยังน้อย โดยในยุคนั้นไม่มีคำว่า “วัยรุ่น” อายุขัยของคนอยู่เพียงแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวสามารถผลิตลูกได้แล้ว ก็จะแต่งงานและมีลูกกันทันที
ครอบครัวของแมรีและโจเซฟน่าจะเป็นผู้จัดการเรื่องราวของหนุ่มสาวทั้งคู่ และก็เป็นไปได้ว่าในเมืองนาซาเรธ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีคนเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ก็เป็นไปได้ที่แมรีจะรู้จักโจเซฟอยู่แล้ว และโจเซฟกับแมรีก็น่าจะหมั้นหมายกัน
หลังจากผ่านการหมั้นหมาย โจเซฟน่าจะจ่ายสินสมรสแก่ครอบครัวของแมรี เท่ากับว่าโจเซฟและแมรีได้สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โจเซฟ (Joseph)
แต่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ตามธรรมเนียม ภรรยาจะยังคงอาศัยอยู่กับบิดามารดาของตนประมาณหนึ่งปี ก่อนจะเข้าสู่พิธีสมรส ซึ่งแมรีก็จะย้ายออกจากบ้านของเธอ
แต่ในช่วงก่อนพิธีสมรส ในช่วงที่แมรีอาศัยอยู่กับบิดามารดา แมรีเกิดตั้งครรภ์
ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หากแต่ตามบันทึกในพระคัมภีร์ “กาเบรียล (Gabriel)” ซึ่งเป็นทูตสวรรค์ ได้มาปรากฎต่อหน้าแมรี แจ้งแมรีว่าแมรีคือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก โดยในพระคัมภีร์กล่าวว่า
“เขามาปรากฎต่อหน้าเธอและกล่าวว่า ”สวัสดี ผู้ที่เป็นที่ทรงโปรด เวลานี้ เจ้าจะตั้งครรภ์บุตรชาย และเจ้าจะตั้งชื่อเขาว่า “เยซู (Jesus)””
กาเบรียลปรากฎต่อแมรี
เหตุการณ์นี้ทำให้แมรีรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก แมรีไม่ทราบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากเธอก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์ทางเพศกับโจเซฟ
ตามพระคัมภีร์ ทูตสวรรค์กาเบรียลอธิบายให้แมรีฟังว่า ถึงแม้ว่าแมรีจะยังเป็นหญิงพรหมจรรย์ แต่เหตุมหัศจรรย์จะเกิดขึ้น
“ดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะมาหาเจ้า และพลังอำนาจสูงสุดจะบดบังเจ้า จากนั้น เด็กที่กำเนิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นบุตรแห่งพระเจ้า“
นี่คือหนึ่งในข้อความในพระคัมภีร์
กาเบรียลปรากฎต่อแมรี
หลังจากโจเซฟทราบว่าแมรีตั้งครรภ์ โจเซฟก็ไม่ได้ยินดีซักนิด และเป็นไปได้ว่าโจเซฟอยากจะยกเลิกงานสมรสอย่างเงียบๆ
ตามบันทึกในพระคัมภีร์ ขณะที่โจเซฟกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี เทวดาก็ได้ปรากฎขึ้นในฝันของโจเซฟ และบอกกับโจเซฟว่า
“อย่าได้กลัวที่จะรับแมรีเป็นภรรยา เนื่องจากบุตรในครรภ์ของนางนั้นมาจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อโจเซฟตื่นขึ้น โจเซฟก็เข้าใจแล้วว่าแมรีไม่ได้นอกใจตน ดังนั้นทั้งคู่จึงยังคงอยู่ด้วยกัน รับแมรีเข้ามาอยู่ด้วย
เทวดาเข้าฝันโจเซฟ
แต่ไม่ว่าการตั้งครรภ์นี้จะเกิดจากพลังงานศักดิ์สิทธิ์หรือพระเจ้าก็ตาม แต่ในสมัยนั้น การตั้งครรภ์นอกสมรสนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก จะถูกมองว่าคบชู้สู่ชายได้
ในสมัยนั้น โทษของการมีชู้คือตายสถานเดียวทั้งชายและหญิงที่คบชู้กัน อีกทั้งชุมชนที่แมรีอาศัยอยู่ก็จะมองแมรีอย่างดูถูก ทำให้ครอบครัวอับอาย
นาซาเรธเป็นชุมชนเล็กๆ ทุกบ้านรู้จักกันดี ดังนั้นสถานการณ์ของหนุ่มสาวทั้งคู่จึงไม่ดีเท่าไรนัก
ในสมัยโบราณ ชาวยิวต้องจ่ายภาษีให้ราชสำนักโรมัน รวมทั้งต้องมอบผลผลิต 1 ใน 10 แก่ทางการ และตามบันทึกในพระคัมภีร์ โจเซฟและแมรีก็ต้องเดินทางไปเมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) เพื่อจ่ายภาษี
โจเซฟและแมรีเดินทางไปเบธเลเฮม
การเดินทางของโจเซฟและแมรีจากนาซาเรธไปเบธเลเฮม น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยทั้งคู่น่าจะมุ่งหน้าไปทางใต้และแวะพักในเมืองเล็กๆ ระหว่างทาง
เมื่อทั้งคู่มาถึงเบธเลเฮม แมรีก็ได้ให้กำเนิดบุตร
แมรีจำเป็นต้องมีที่ที่คลอดบุตร หากแต่โรงเตี๊ยมเล็กๆ ในละแวกนั้นก็ล้วนแต่เต็มหมดแล้ว ไม่มีห้องว่าง ทั้งคู่จึงต้องเข้าไปในถ้ำซึ่งเคยใช้เป็นคอกเลี้ยงสัตว์
พระเยซูถือกำเนิด
ภายในถ้ำน่าจะมืดและชื้น มีกลิ่นเหม็นอับ
เมื่อคลอดพระเยซู พระเยซูน่าจะถูกห่อด้วยผ้าและวางองค์ไว้บนรางหญ้า
และเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์ และเป็นจุดเริ่มต้นของวันคริสต์มาส
โฆษณา