5 ม.ค. เวลา 13:25 • หนังสือ

ลิงพาดกลอน

!! Sponsored​ Review ​!!
เล่มที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เลยลากยาวมาเป็นเล่มแรกของปี 2025 คือนิยายสืบสวนฝีมือคนไทย เจ้าของผลงานเรื่อง "กาหลมหรทึก" ที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์มาแล้ว และได้เกิดกระแสจิ้นระหว่าง "หมวดกบี่" และ "หมวดแชน" จนนักเขียนได้ตัดสินใจขยายจักรวาลคู่ชิปนี้ออกมาเป็นเรื่องราวอีกเวอร์ชัน ซึ่งก็คือ #ลิงพาดกลอน ที่พิมพ์ใหม่โดย Shadow Publishing เล่มนี้นี่เอง
"ไตรตรึงษ์" ได้รับข่าวร้ายว่า "เสือโคร่ง" เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์เสียชีวิตกะทันหัน เขาจึงรีบเดินทางกลับบ้านที่ภาคใต้เพื่อไปร่วมงานทันที แต่เนื่องจากไอ้โคร่งตายไปในขณะที่ปลอมตัวอยู่ในคราบของ "แชน" คนงานตลาดปลาที่ไม่มีญาติพี่น้องและคนรู้จัก การปรากฏตัวของเขาจึงดึงดูดสายตาของนักข่าวที่กำลังเฝ้าติดตามคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในพื้นที่บ้านหลาว และเพิ่มน้ำหนักให้กับข่าวลือที่ว่าคดีของนายแชนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนฆาตกรรมครั้งนี้เช่นกัน
ไตรตรึงษ์เองก็สงสัยไม่ต่างกับชาวบ้าน แม้ตำรวจในพื้นที่จะพยายามปฏิเสธ แต่ด้วยความช่วยเหลือที่ดูไม่ค่อยเต็มใจนักจาก "สุริยัน" อริเก่าในวัยเด็กที่เป็นผู้รับชอบคดีนี้ เขาจึงรู้ว่าวิธีการสังหารที่โหดเหี้ยมนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก "โทษ 21 สถานในกฎหมายตราสามดวง" แถมยังเชื่อมโยงกันด้วยตัวเลขและตารางประหลาด ราวกับเป็นการทิ้งคำใบ้ที่ท้าทายให้ตำรวจไขปริศนานี้ให้ทันก่อนมันจะลงมือครั้งต่อไป
สนุกกว่าที่คิดไว้มาก ตอนแรกนึกว่าจะมาแนวเดียวกับกาหลมหรทึก ประมาณว่าหักมุมในรูปแบบคล้ายๆกัน เพราะเนื้อหามีความเหมือนกันอยู่ไม่น้อย ทั้งการทิ้งคำใบ้ที่เป็นสัญลักษณ์แปลกๆไว้ รวมถึงวิธีในการสังหารและจัดแสดงเหยื่อที่น่าขนลุกขนพอง แต่พอได้อ่านจนจบแล้วรู้สึกว่ามีความแตกต่างพอสมควร ประเด็นที่หนังสือตั้งใจยกมาสื่อสารกับผู้อ่านก็เป็นคนละเรื่องกัน แต่อ่านแล้วเจ็บจุกกับความเป็นจริงของสังคมไม่ต่างกัน
ชาวประมงถือว่านกพวกนั้นอพยพมาและขออาศัยชั่วคราว ถ้าไปจับมันกินเข้าคงถูกสาปแช่ง
ในเรื่องจะกล่าวถึงคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า "รากษะ" กลุ่มผู้อพยพที่ถูกไล่ฆ่าจากมาตุภูมิของตนจนต้องหนีเอาชีวิตรอด กลายเป็นคนเร่ร่อน บางส่วนก็ลี้ภัยเข้ามายังประเทศไทย แต่ชีวิตหนหลังที่แสนรันทดนี่ ไม่ได้ทำให้พวกเขาได้รับคะแนนความสงสารจากประชาชนในประเทศที่อพยพเข้าไปเพิ่มขึ้นเลย มิหนำซ้ำยังถูกรังเกียจเหยียดหยาม หรือหนักกว่านั้นคือตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ที่ฉวยโอกาสนี้ในการกอบโกยเม็ดเงินเข้ากระเป๋าตนเอง
คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างกับนกอพยพที่บินมาเกาะพักบนเรือในคำสอนที่ตกทอดกันมาในหมู่ชาวประมง เมื่อคนที่มีเรื่องเดือดร้อนหนักอยู่มาขอพักพิงอาศัยให้มีแรงเดินต่อเพียงชั่วครู่ เจ้าบ้านก็ควรจะตอบสนองคำขอนั้นด้วยความมีน้ำใจ เหมือนชาวประมงที่ปล่อยให้นกเกาะเรือหาปลาของตนได้ แต่หากมีเจ้าบ้านคนไหนที่คิดหักหลัง กระทำซ้ำเติมให้ต้องเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนคนนั้นไร้ซึ่งจิตใจที่เมตตาต่อผู้อื่น วันข้างหน้าก็ย่อมประสบกับเคราะห์กรรมดังที่ตนเคยทำเอาไว้
ประสบการณ์เลวร้ายที่คนทั้งโลกหยิบยื่นให้แก่คนพวกนี้ คือวิธีปลูกสร้างความรุนแรงอย่างดีที่สุด นี่แหละคือบ่อเพาะผู้ก่อการร้ายทุกที่ในโลก
มันเป็นเรื่องง่ายเหลือเกินที่จะด่าทอคนที่ทำเรื่องเลวร้าย แต่หากจะหาคนที่กล้ายอมรับว่าสาเหตุที่คนคนนั้นต้องร้ายมันมาจากตัวเราเอง เห็นทีจะหาไม่ได้สักคน แรงขับเคลื่อนของคนร้ายในเรื่องนี้ก็ที่มาจากความรู้สึกอดสูในโชคชะตาและความยุติธรรมเช่นกัน เมื่อหันหน้าไปทางไหนก็ไร้ที่พึ่ง ทางเดียวที่จะปกป้องตัวเองได้ดีที่สุดก็คงเป็นสองมือสองเท้าของตนนี่แหละ ก็ในเมื่อจะทำเลวหรือไม่ก็ถูกรังเกียจอยู่แล้ว แต่ทำแล้วมีคนเกรงใจและไม่กล้าทำร้ายเหมือนที่เคยโดน มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรไม่ใช่หรือ
ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือเมื่อมองลึกลงไปเราจะพบว่าการก่อร้ายของคนชายขอบเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่เพื่อการเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองอย่างที่พวกเขาเข้าใจเลยสักนิด เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาถูกหยิบมาใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจของคนบางกลุ่มต่างหาก นั่นเพราะคนที่ถูกกดขี่นั้นจะมีเชื้อแห่งความเกลียดชังอยู่ในใจอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าหาด้วยท่าทีที่เห็นอกเห็นใจ ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีคนที่รับฟัง จากนั้นก็พูดหว่านล้อมเพื่อจุดไฟแห่งความแค้นให้ปะทุขึ้นมา
มีกลุ่มก่อการร้ายจำนวนไม่น้อยที่ใช้วิธีนี้ในการปลุกระดม ล้างสมองผู้คนให้ยอมมาเป็นกองกำลังของตนด้วยความสมัครใจ บอกพวกเขาว่านี่จะเป็นการช่วยกันโค่นล้มผู้ที่กดขี่ แต่ความนัยที่ซ่อนอยู่คือการโค่นอำนาจเก่าเพื่อให้อำนาจใหม่ได้เรืองรองขึ้นมา ส่วนพวกเบี้ยหมากทั้งหลายก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตใต้เท้าชนชั้นปกครองตามเดิม
มึงมีสิทธิ์อะไรมาตราหน้าคนที่เขาไม่ช่วยมึง ในเมื่อมึงยังไม่เคยเห็นว่าแต่ละคนเขากำลังเจอปัญหาอะไร แล้วพยายามช่วยตัวเองกันอยู่เท่าไหร่
เราชอบคำพูดนี้มาก เพราะถึงแม้เราจะเห็นใจชาวรากษะหลายคนในเรื่องนี้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง แต่เรารู้สึกว่าการที่คุณจะโกรธเกลียดคนที่เขาไม่ช่วยเหลือคุณไปเสียหมด มันก็ดูเห็นแก่ได้เกินไปหน่อย คนร้ายในเรื่องบอกกับไตรตรึงษ์ว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมที่ตนไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรในชีวิตของตัวเอง แต่กลับลิดรอนสิทธิ์ของคนอื่นด้วยการบีบให้เขาต้องยื่นมือมาช่วยพวกคุณเท่านั้น ถ้าไม่ช่วยก็จะหลายเป็นคนใจดำ ไร้มนุษยธรรม โดยที่หลงลืมไปว่าเขาก็อาจจะมีชีวิตด้านอื่นที่เดือดร้อนเช่นกัน เพียงแค่คุณไม่เห็นมันเท่านั้นเอง
ส่วนตัวเคยเจอคนมาหลากหลายรูปแบบ บางคนเราช่วยแล้วก็จบไป บางคนเคยช่วยไปสักครั้งก็คิดเอาว่าเป็นหน้าที่เราที่ต้องช่วยตลอดไป บางคนช่วยแล้วดีขึ้น บางคนช่วยแล้วไม่คิดที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น บางคนช่วยแล้วพอถึงคราวเราก็ช่วยกลับ บางคนช่วยไปแต่พอเราไปขอร้องบ้างบอกว่าไม่ใช่เรื่องของฉัน เห็นกันชัดสุดๆก็คนที่มาอ้อนวอนขอยืมเงิน แต่ถึงเวลาคืนกลับหนีหนี้แล้วมาด่าเราซ้ำ มันจึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เขาต้องประเมินดูก่อนว่าการที่เขาจะช่วยใครมันจะส่งผลยังไงกับเขาบ้าง
ถ้าสักวันมึงอยู่ในจุดที่ต้องเลือกขึ้นมาระหว่างตัวเองกับคนอื่น นั่นละมึงถึงจะซาบซึ้งว่า คำว่า 'มนุษยธรรม' เหตุผล แล้วก็ปรัชญาที่คนอื่นว่ากัน ที่จริงมันสำคัญ หรือแข็งแรงพอที่จะเอาชนะเหตุผลความต้องการของตัวมึงเองได้ไหม
สิ่งสำคัญในการที่คนคนหนึ่งจะตัดสินใจช่วยเหลือใครสักคน ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาหรือชื่อเสียง แต่คือเรื่องของการที่ช่วยแล้วตัวเองจะต้องไม่เดือดร้อนต่างหาก ลองนึกภาพว่ามีคนเปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้าบ้าน ต้องเจียดเงินที่หามาอย่างยากลำบากของตนมาช่วยค่าใช้จ่ายของคนนี้เพิ่ม มิหนำซ้ำคนคนนั้นก็ไม่ได้สนใจหยิบจับช่วยงานอะไร บางครั้งข้าวของในบ้านก็ถูกขโมย คนในครอบครัวถูกทำร้ายหรือหนักกว่านั้นคือถูกฆ่าตาย คุณคิดว่าคนที่ช่วยคนแปลกหน้าเข้ามาคนนี้เขาเป็น "คนดี" หรือเป็น "คนโง่" กันล่ะ?
การต้องอยู่ในจุดที่มีตัวเลือกเยอะๆ และต้องตัดสินใจเลือก ไม่ได้ง่ายหรือดีไปซะทุกครั้งหรอก
คนบางคนมีชีวิตร่ำรวย เกิดมาบนกองเงินกองทองที่บรรพบุรุษสั่งสมเอาไว้ ชีวิตมีทางเลือกมากมายรออยู่ ฟังดูแล้วน่าอิจฉาไม่น้อยใช่ไหม แต่ในอีกมุมคนกลุ่มนี้ก็มีปัญหาในแบบของเขาที่เราไม่อาจเข้าใจ เช่นเดียวกับที่เขาเองก็คงไม่เข้าใจปัญหาที่เราเผชิญ แล้วทำไมการที่คนรวยตัดสินว่าปัญหาของคนจนเป็นเรื่องไร้สาระ กลับถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่เราสามารถตัดสินเอาว่าปัญหาของคนรวยเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วได้ ปัญหาของใครเขาก็มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ
อย่างตอนท้ายของเรื่องนี้ นักเขียนทำให้เราได้เห็นว่าสิ่งที่ไตรตรึงษ์ต้องเลือก ปัญหาที่คนรวยอย่างเขามีโอกาสจะเลือก มันช่างน่าหนักใจเหลือเกิน สิ่งที่ทำให้การตัดสินใจครั้งนี้มันยากก็เพราะว่าอำนาจที่เขามีนี่แหละ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีทางเลือก หากคนในครอบครัวทำผิดก็ไม่มีเส้นสายไหนที่จะช่วยให้รอดตัวไปได้ แต่สำหรับคนรวยแล้ว พวกเขามีพลังมากพอที่จะปกป้องคนที่ตนรักให้พ้นผิดได้ พลังที่หากคนแบบเราที่คอยด่าประณามพวกคนใช้เส้นมี เราก็คนทำไม่ต่างจากเขา
หลายครั้งที่เราเห็นคนในโซเชียลมักวิจารณ์คนมีเงินว่าไม่รู้จักเห็นใจผู้อื่น เพียงเพราะพวกเขาใช้ชีวิตตามปกติในแบบตัวเอง โดยลืมคิดไปว่าสิ่งที่ตนเห็นอยู่นี้คือภาพในขณะที่เขาใช้เงินที่มีแล้ว แต่ไม่ได้เห็นภาพขณะที่ครอบครัวเขาดิ้นรนหาเงินมาสร้างตัว บางทีเขาอาจจะต้องปากกัดตีนถีบไม่น้อยไปกว่าเราในตอนนี้เลยก็ได้ การที่เราไม่ได้มีเหมือนเขามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมารับผิดชอบเสียหน่อย
ทำไมเราถึงมีสิทธิ์ไปสั่งให้เขาละอายต่อความสะดวกสบายที่ตระกูลของเขาส่งต่อมา และไม่อนุญาตให้เขาเสวยสุขจากทรัพย์สินของตนเองล่ะ ในขณะที่คนรวยที่สอนคนจนกว่าเรื่องการใช้เงินและการเก็บเงินจะถูกมองว่า "ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เงินใครจะใช้ยังไงก็เรื่องของเขา"
เราคิดว่านี่คือคำถามที่บางทีพวกเราต้องลองถามตัวเองดูบ้าง เผื่อจะได้ตระหนักว่าใครกันแน่ที่ไม่รู้จักเห็นใจผู้อื่น จริงอยู่ว่าคนรวยไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกเสมอไป แต่คนทั่วไปแบบเราก็ไม่ต่าง ถ้าคนมีเงินไม่ควรเอาบารมีตนมาคุ้มกะลาหัว คนไม่มีแบบเราก็ไม่ควรเอาความจนมาเป็นโล่เช่นกัน
เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะจุดประกายให้คนในสังคมเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างคำว่า "มนุษยธรรม" ได้ดีมาก และจะไม่แปลกใจเลยหากจะเกิดการถกเถียงทางความคิดกันระหว่างคนที่ได้อ่านเล่มนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วประเด็นนี้ รวมไปถึงประเด็นอื่นๆที่สอดแทรกอยู่ในเรื่องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลทั้งสิ้น
ดังนั้นเราจึงหวังว่าหากมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้น จะไม่ใช่เพียงเพื่อค้นหาว่าความคิดของใครที่ถูก และของใครบ้างที่ผิด แต่ควรเกิดขึ้นเพราะต้องการเรียนรู้ว่าอะไรคือพื้นฐานที่ทำให้แต่ละคนมีความคิดแตกต่างกัน เพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกันได้ด้วยความเคารพ เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แม้ว่าเราจะแตกต่างกัน ไม่ว่าในแง่ใดก็ตาม
ใครชอบสืบสวนสายโหดแฝงประเด็นชวนคิดหนักๆ ไปโดนกันได้เลย https://s.shopee.co.th/7fJweDg8UY
โฆษณา