5 ม.ค. เวลา 14:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม มาตรา 33 vs มาตรา 39

“ประกันสังคม” ในประเทศไทยมีระบบที่แบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยหลัก ๆ จะมี “มาตรา 33” และ “มาตรา 39” ที่มีความแตกต่างกันในแง่ของสิทธิประโยชน์และกลุ่มผู้ประกันตน มาดูกันว่า “มาตรา 33” และ “มาตรา 39” มีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง และมีความแตกต่างกันอย่างไร
1. “มาตรา 33”: สำหรับผู้ที่ทำงานในภาคเอกชน
“มาตรา 33” เป็นการสมัครเข้าร่วมประกันสังคมสำหรับ ผู้ที่ทำงานในภาคเอกชน โดยการสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมทั้งจาก นายจ้าง และ ลูกจ้าง ซึ่งถือเป็นการช่วยสนับสนุนให้พนักงานได้รับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องการความคุ้มครอง
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรา 33
1. เงินทดแทนรายได้ (กรณีเจ็บป่วย, คลอดบุตร, อุบัติเหตุ)
- หากเกิดการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ผู้ประกันตนสามารถได้รับ “เงินทดแทนรายได้” ระหว่างการลาพักรักษาตัว
- การลาคลอด: ผู้ประกันตนในมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนรายได้ระหว่างการลาคลอดบุตร
- กรณีทุพพลภาพ: หากเกิดทุพพลภาพจะได้รับเงินทดแทนหรือเงินช่วยเหลือในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้
2. เงินบำนาญชราภาพ (กรณีเกษียณ)
- เมื่อผู้ประกันตนมีอายุครบ 55 ปีและมีการสมทบเงินตามเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับ “เงินบำนาญชราภาพ” ที่ช่วยรองรับค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ซึ่งคำนวณจากอายุงาน และจำนวนเงินสมทบ
- การจ่ายเงินบำนาญ จะช่วยให้ผู้เกษียณมีรายได้ประจำในการดำรงชีวิตหลังจากออกจากงาน
3. เงินสงเคราะห์การตาย
- หากผู้ประกันตนเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับ “เงินสงเคราะห์” จากกองทุนประกันสังคมเพื่อช่วยเหลือในกรณีที่เกิดการสูญเสีย
4. สิทธิในการรักษาพยาบาล
- ผู้ประกันตนในมาตรา 33 จะได้รับ “สิทธิในการรักษาพยาบาล” ที่โรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลที่มีการตกลงกับประกันสังคม โดยสามารถรักษาพยาบาลได้ในราคาต่ำกว่าค่ารักษาปกติ
5. กรณีประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน
- หากเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ผู้ประกันตนในมาตรา 33 จะได้รับสิทธิในการได้รับ ค่ารักษาพยาบาล หรือ เงินทดแทนรายได้ ในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้
2. มาตรา 39: สำหรับผู้ที่เคยทำงานในภาครัฐ/เอกชนแล้วออกจากงาน
“มาตรา 39” เป็นการสมัครเข้าร่วมประกันสังคมสำหรับ ผู้ที่เคยทำงานในมาตรา 33 และต้องการคงสิทธิประโยชน์ไว้ต่อไปหลังจากออกจากงาน (เช่น เกษียณ, ลาออก หรือไม่ทำงานแล้ว) โดยผู้ที่เข้าร่วมมาตรา 39 จะต้องสมัครและจ่ายเงินสมทบเองโดยไม่ต้องพึ่งนายจ้าง
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรา 39
1. เงินทดแทนรายได้ (กรณีเจ็บป่วย, ทุพพลภาพ, อุบัติเหตุ)
- แม้จะไม่ทำงานแล้ว แต่ผู้ประกันตนในมาตรา 39 ยังคงสามารถได้รับ “เงินทดแทนรายได้” ในกรณีเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ รวมถึงกรณีทุพพลภาพ
2. เงินบำนาญชราภาพ (กรณีเกษียณ)
- เมื่ออายุครบ 55 ปี ผู้ที่อยู่ในมาตรา 39 และมีการสมทบเงินตามระยะเวลาที่กำหนด ก็สามารถรับ “เงินบำนาญชราภาพ” ได้เหมือนผู้ที่อยู่ในมาตรา 33 หากมีการสมทบเงินตามจำนวนที่กำหนด
3. เงินสงเคราะห์การตาย
- ผู้ประกันตนในมาตรา 39 หากเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทก็สามารถรับ “เงินสงเคราะห์” ได้เช่นเดียวกับผู้ประกันตนในมาตรา 33
4. สิทธิการรักษาพยาบาล
- ผู้ประกันตนในมาตรา 39 ยังคงได้รับ “สิทธิในการรักษาพยาบาล” ที่โรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลที่ตกลงกับประกันสังคม แม้จะไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ยังคงมีสิทธิในการรับการรักษา
สรุป
มาตรา 33 และ มาตรา 39 ของประกันสังคมมีสิทธิประโยชน์คล้ายกันในหลาย ๆ ด้าน เช่น การได้รับ “เงินบำนาญชราภาพ” และ “เงินสงเคราะห์การตาย” รวมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาล แต่ก็มีความแตกต่างในเรื่องของ วิธีการสมทบเงิน และ กลุ่มผู้ประกันตน ที่สามารถเข้าร่วมได้
- มาตรา 33 เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในภาคเอกชนที่มีนายจ้าง
- มาตรา 39 เหมาะสำหรับผู้ที่เคยทำงานในมาตรา 33 แล้วออกจากงาน และต้องการรักษาสิทธิประโยชน์ต่อไป
หากคุณเป็นพนักงานในภาคเอกชนและกำลังวางแผนการเกษียณหรือออกจากงาน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างมาตรา 33 และ 39 จะช่วยให้คุณเลือกใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โฆษณา