วิธีคิดหรือหลักการที่ทำให้ VC เจอเพชรในตมแล้วเอามาขัดเกลาได้ตลอดเวลาหลายสิบปี เจอบริษัทที่เรียกได้ว่า home run คือปั้นบริษัทที่สร้างนวัตกรรมใหม่ได้จนเติบใหญ่กลายเป็นยักษ์ ได้กำไรเป็นร้อยๆ เท่าจากเงินลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่องนั้น อาจารย์ได้สรุปบทเรียนสำคัญไว้ดังนี้
หลักการการเดินไปหานี้ก็ตรงกับวิธีการที่คุณหมู ookbie แห่ง shark tank ผู้ตั้งกองทุน VC ประสบความสำเร็จอยู่หลายกอง ล่าสุดก็ทำกองทุน SME คุณหมูก็เดินทางไปดูโรงงานกระเพราที่อุดร ไปนั่งคุยกับเจ้าของกระปุกยาดมที่โรงงานด้วยตัวเอง เป็นหลักการ getting outside four wall ที่เป็นกับดักแห่งความสำเร็จที่บริษัทใหญ่ๆไม่ค่อยจะทำกัน
1
The prepared mind
หลุยส์ ปาสเตอร์ผู้ค้นพบนวัตกรรมทางการแพทย์บ่อยๆเคยพูดคำหนึ่งไว้ว่า “Chance favors only the prepared mind” ถ้าจะค้นพบอะไรใหม่ๆบางอย่างไม่ใช่แค่โชค แต่พอเห็นโชคก็ต้องรู้ด้วยว่านี่คือโชค กลุ่ม VC เหล่านี้จะมี pattern ในหัวเสมอว่าจะถามอะไร อะไรคือหัวใจสำคัญเวลาจะคุยจะดึง insight จากเจ้าของหรือผู้ประกอบการเพื่อจะได้สามารถตัดสินใจได้เร็วมากๆ ก่อนคนอื่นเช่นกัน
Say “NO” 100 times
อาจารย์ Alia พบว่าทุกการลงทุนหนึ่งครั้งของ VC เก่งๆ เขาจะปฏิเสธมาเกินร้อยก่อน พวก VC เหล่านี้จะหูตากว้างไกล ทำงานหนักเพื่อจะได้เห็นโอกาสเยอะๆ แล้วทิ้งโอกาสหลายๆอันที่ยังไม่ชัวร์ไปเยอะมาก โดยใช้เทคนิค fast lane slow lane การที่ลดทางเลือกจาก 100 เหลือ 10 นั้นจะใช้ fast lane และพอเหลือ 100 ลดเหลือ 1 จะใช้ slow lane
ช่วงแรกที่ลดตัวเลือกที่เยอะๆให้เหลือน้อยแบบเร็วๆ คำถามจะต่างออกไป จะเป็นคำถามว่า “why should I not invest in this deal” คือถ้าไม่ดีจริง ตอบไม่ได้พอก็ทิ้งไปเลย อาจารย์บอกว่าพวก VC มือใหม่จะมีปัญหากับการพยายามวิเคราะห์บริษัททีละมากๆซึ่งจะทำให้ช้าและสับสนเกิน
อาจารย์ alia เปรียบเทียบกับการเลือกอะไรๆที่สำคัญในชีวิตด้วยว่า คำถามแรกที่เราควรถามตัวเองคือเรามีทางเลือกที่เยอะพอหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นการหางานใหม่หรือการลงทุนอะไรซักอย่างในชีวิต ถ้ายังน้อยก็ต้องพยายามขยายทางเลือกในมากเพื่อที่จะได้มีโอกาสมีทางเลือกที่ดีที่สุด และเมื่อเรามีทางเลือกเยอะแล้วค่อยใช้ fast lane ลดให้เหลือไม่กี่อัน ก่อนค่อยๆพินิจพิเคราะห์ให้ละเอียดถึงทางเลือกสำคัญไม่กี่อันในที่สุด
VC mindset ของการมองหาแต่ home run ไม่มองว่าการลงทุนที่พลาดเป็นเรื่องใหญ่ การเดินออกไปหาดีลดีๆ จมูกไวและลงมือเร็ว ไม่มัวแต่นั่งอยู่ในออฟฟิศ การเตรียมพร้อมที่มี pattern อยู่ในหัวว่ามองหาอะไร และการพยายามหาทางเลือกให้มากที่สุดในระดับร้อยเพื่อเลือกหนึ่งแล้วรีบลดทางเลือกเพื่อเหลือไม่กี่อันที่จะดูละเอียดก่อนตัดสินใจ
วิธีคิดเหล่านี้ดูจะตรงข้ามกับวิถีของบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำอะไรก็ห้ามพลาด อยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยมของตัวเอง ไม่ได้เตรียมอะไรพร้อม และไม่ได้มีไม่ได้หาช้อยส์อะไรเท่าไหร่ มีไอเดียอยู่น้อยมาก ก็น่าจะบอกได้ดีว่าทำไมการหา home run หรือ s curve ของบริษัทที่มีทรัพยากรที่พร้อมลงทุนจึงไม่ประสบความสำเร็จ
อาจารย์ alia ปิดท้ายด้วยว่าตัวอาจารย์เองก็ลงทุน startup กับโครงการของนักเรียนอยู่หลายตัว มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว อาจารย์ชอบความล้มเหลวที่เรียกว่า contructive failure มาก คือการล้มเหลวที่เราสามารถเอามาเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อในโครงการต่อไปได้ อาจารย์จึงชอบที่จะบอกนักเรียนที่ล้มเหลวว่าถ้ามีโครงการต่อไปให้กลับมาระดมทุนใหม่ได้นะ เป็นทัศนคติที่สำคัญมากๆ ต่อ home run และ strikeout
อาจารย์ปิดจบด้วยว่าให้ลองคิดถึงครั้งสุดท้ายที่ล้มเหลวและลองคิดว่าเรียนรู้อะไรจากมันได้บ้าง.. become a failure champion ซึ่งน่าจะเป็นหัวใจของการหา s curve ของบริษัทใหญ่ๆ ที่ดูจะตันกันไปหมดในช่วงนี้ได้อยู่
และในมุมคนรุ่นใหม่ที่อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต การที่พยายามมองหา Home run ไม่กลัว strike out ลองผิดลองถูก ล้มให้เร็วลุกให้เร็ว การใช้เท้าทำงาน ได้กลิ่นของโอกาสและเตรียมตัวตลอดเวลา การสร้างเครือข่ายหาทางเลือกให้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน การลงทุนหรือแม้แต่การหาคู่ชีวิตแล้วค่อยพินิจพิเคราะห์ทางเลือกที่ดีที่สุดเหล่านี้ก็น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีที่จะหา HOME RUN ในชีวิตได้เช่นกัน….