Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
6 ม.ค. เวลา 11:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
130 ปี “Vicks Vaporub” ยาที่เกิดจาก “ความรักของพ่อ” สู่ยาคู่บ้านคนไทย
เคยสงสัยหรือไม่? ทำไมโฆษณา “Vicks Vaporub” ต้องเป็นภาพพ่อแม่กำลังดูแลลูก นั่นเพราะยาตัวนี้เกิดขึ้นจาก “ความรักของพ่อ” คนหนึ่งเมื่อ 130 ปีกว่าก่อน
ในช่วงฤดูหนาวอย่างนี้ หลายคนอาจมีอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล กันได้ง่าย หนึ่งในตัวช่วยที่อยู่คู่บ้านติดกระเป๋าคนไทยมาเนิ่นนาน คือเจ้าของโฆษณาสุดคลาสสิกที่ได้ยินกันมาตั้งแต่ยุคคุณพ่อคุณแม่หรืออาจจะปู่ย่าตายาย
“เมื่อลูกเป็นหวัด วิคส์วาโปรับบรรเทาหวัดให้ลูกได้ อบอุ่นกายคลายหวัด ทาน้ำยาเบาใสของวิคส์วาโปรับที่หน้าอก หลัง และคอ ตัวยาวิคส์วาโปรับจะระเหยเข้าทางลมหายใจ บรรเทาหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล วิคส์วาโปรับ”
Vicks Vaporub มีประวัติยาวนานมากกว่า 130 ปี
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง “วิคส์วาโปรับ” (Vicks Vaporub) ยาทาระเหยผสมการบูร เมนทอล และน้ำมันยูคาลิปตัส ในกระปุกหรือตลับสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์
แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมโฆษณาของวิคส์วาโปรับจะต้องเน้นขายเรื่องของ “ลูก” ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาเมื่อ 40 ปีก่อน หรือโฆษณาในปัจจุบัน
นั่นเป็นเพราะจุดเริ่มต้นของตำรับยาตัวนี้คือเรื่องราวอันอบอุ่นของคุณพ่อท่านหนึ่งที่ต้องการรักษาอาการป่วยของลูกชาย
เภสัชกรผู้เรียนจบด้านภาษาละติน
ชื่อของผู้ให้กำเนิดวิคส์วาโปรับคือ “ลุนส์ฟอร์ด ริชาร์ดสัน” ชาวนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ เขาจบการศึกษาด้านภาษาละตินจากวิทยาลัยเดวิดสันในปี 1875 และประกอบวิชาชีพครูอยู่ช่วงหนึ่ง
ต่อมาเขาได้ไปช่วยพี่เขย ดร.จอห์น วิค (คนละคนกับนักฆ่าจากโรงแรมคอนติเนนทัล!) ซึ่งเปิดร้านขายยาและโรงงานผลิตยารักษาโรค ทำให้เขาเริ่มมีความสนใจในเรื่องยา และด้วยพื้นฐานความรู้ด้านภาษาละติน ลุนส์ฟอร์ดจึงศึกษาและจดจำตัวยา สารเคมี และส่วนประกอบต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
จนในที่สุดลุนส์ฟอร์ดกลายเป็นเภสัชกรเต็มตัว และเริ่มช่วยพี่เขยวิจัยและพัฒนาตัวยาใหม่ ๆ
ในช่วงเวลานี้ ลุนส์ฟอร์ดยังได้พบรักกับ แมรี ลินน์ สมิธ และแต่งงานกัน เมื่อมีครอบครัว สิ่งที่เขาต้องการคือความมั่นคง และกิจการของตัวเอง
ในปี 1890 เขาจึงไปเปิดร้านขายยาที่เมืองกรีนส์โบโร บ้านเกิดของภรรยา ซึ่งกิจการเป็นไปแบบไม่หวือหวาเท่าไรนัก แต่ระหว่างนั้นเขายังคงช่วยพี่เขยพัฒนายาอยู่
มีข้อมูลว่าตลอดชีวิตการเป็นเภสัชกรของเขา ลุนส์ฟอร์ดพัฒนายาใหม่ขึ้นมาถึง 21 ชนิด มีทั้งยาประเภทน้ำมันละหุ่ง ยาขี้ผึ้ง และยาถ่ายพยาธิ แน่นอนว่าหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดคือวิคส์วาโปรับ ยาที่เกิดขึ้นเพื่อรักษาลูกชายของเขาเอง
ลุนส์ฟอร์ด ริชาร์ดสัน ผู้ให้กำเนิด Vicks VapoRub
ยาเพื่อลูกชาย
ลุนส์ฟอร์ดและแมรีมีลูกด้วยกัน 5 คน เป็นลูกชาย 2 คน และลูกสาว 3 คน แต่ลูกชายคนหนึ่งของเขา คือ สมิธ ริชาร์ดสัน ป่วยเรื้อรังด้วยอาการ “ครูป” (Croup) หรือภาวะระบบทางเดินหายใจอักเสบ ปกติพบบ่อยในเด็กเล็ก
อาการของครูปคือมีตั้งแต่เป็นไข้ เจ็บคอเล็กน้อย น้ำมูกไหล ไอเรื้อรัง เสียงแหบ ไอเสียงก้อง อาจหายใจเสียงดัง รวมถึงอาจมีการหายใจลำบากร่วมด้วย
แม้จะเป็นเภสัชกรที่พัฒนายาใหม่มาเป็นสิบชนิด แต่ลุนส์ฟอร์ดพบว่าไม่มียาตัวไหนเลยที่สามารถบรรเทาอาการของลูกชายได้
กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่เขาขายยา “Ben-Gay” ซึ่งเป็นยารักษาโรคข้ออักเสบ โรคเกาต์ และอาการปวดเส้นประสาทที่มีเมนทอลเป็นส่วนผสม ให้กับลูกค้ารายหนึ่ง เขาได้ยินจากลูกค้าว่า ยาตัวนี้ช่วยให้จมูกของพวกเขาโล่งขึ้น
ลุนสฟอร์ดจึงเกิดความคิดผสมเมนทอลเข้ากับปิโตรเลียมเจลลี (อารมณ์เหมือนวาสลีน) โดยในช่วงแรกเรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่า “Richardson's Croup and Pneumonia Cure Salve” (ยาทารักษาอาการคออักเสบและปอดบวมของริชาร์ดสัน) และเริ่มวางจำหน่ายในปี 1894
Richardson's Croup and Pneumonia Cure Salve หรือ Vicks VapoRub รุ่นแรก
นี่คือเวอร์ชันแรกของวิคส์วาโปรับ เท่ากับว่ายาทาระเหยตัวนี้ถูกคิดค้นมาตั้งแต่มากกว่า 130 ปีก่อนแล้วนั่นเอง
ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ขายดีมากจนลุนสฟอร์ดตัดสินใจขายร้ายขายยาทิ้ง และตั้งบริษัท “Vicks Family Remedies Company” ขึ้นมาในปี 1898 โดยใช้ชื่อของ ดร.วิค เป็นชื่อบริษัท เพื่อให้เกียรติพี่เขยที่ทำให้เขาก้าวสู่เส้นทางสายเภสัชกรและสนับสนุนการลงทุนทำธุรกิจของเขามาโดยตลอด
ลุนสฟอร์ดยังเปลี่ยนชื่อยาทาระเหยของเขาเป็น “Vick’s Magic Croup Salve” ในปี 1905 เพื่อให้เข้ากับชื่อบริษัทใหม่ แต่คนมักเรียกกันว่า “Vick’s Salve” (ยาทาของวิค)
ต่อมาสมิธซึ่งชีวิตดีขึ้นจากยาของพ่อ ได้เข้ามาช่วยงานในบริษัทในตำแหน่งฝ่ายขาย โดยก่อนหน้านั้นเขาไปหาประสบการณ์เป็นพนักงานขายให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในมหานครนิวยอร์กก่อน
เมื่อกลับมา สมิธมองว่าชื่อของยาทาระเหยนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่จดจำ จึงเสนอให้เปลี่ยนชื่อเป็น “Vicks VapoRub” ในปี 1911 และเปลี่ยนสีกระปุกเป็นสีน้ำเงิน
คำว่า VapoRub นั้นมาจาก Vapor ที่แปลว่า “ไอระเหย” และ “Rub” ที่แปลว่า “ถู” เป็นการสื่อความหมายว่านี่คือยาที่ทาแล้วจะระเหยเข้าจมูก เป็นการบอกโดยตรงเลยว่า ยานี้ใช้ยังไงและทำอะไร ทำให้ชื่อที่สมิธตั้งกลายเป็นที่ติดหูติดปากคนอย่างรวดเร็ว
ชื่อ Vicks VapoRub เกิดขึ้นในปี 1911 และเปลี่ยนสีกระปุกเป็นสีน้ำเงิน
กลยุทธ์การขายสุดล้ำ
นอกจากนี้ บริษัทยังต้องการให้ผู้คนได้สัมผัสกับ “ความโล่ง” ที่ไม่เหมือนใครนี้มาก จนเกิดแผนการตลาดที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือกลยุทธ์ “จดหมายขยะ”
กลยุทธ์ดังกล่าวเกิดการที่ตั้งแต่ปี 1917 การไปรษณีย์สหรัฐฯ เริ่มอนุญาตให้สามารถส่งจดหมายไปยังที่อยู่ตามชนบทได้โดยไม่ต้องระบุชื่อบุคคลที่จะรับจดหมายหรือพัสดุ
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้วิคส์สามารถส่งตัวอย่างวิคส์วาโปรับหลายล้านชิ้นไปยังตู้ไปรษณีย์ของประชาชนทั่วสหรัฐฯ ได้ โดยป้ายยาไว้ที่ซองจดหมาย ทำให้ผู้คนหลายล้านคนได้ทดลองใช้วิคส์วาโปรับก่อนที่จะซื้อจริง มีข้อมูลว่า วิคส์เคยส่งตัวอย่างไปให้คนทดลองใช้มากถึง 31 ล้านคนในครั้งเดียว
กลยุทธ์ให้ลูกค้าทดลองใช้ Vicks VapoRub ผ่านจดหมาย
ฝ่ายขายของวิคส์ยังมีกลวิธีขายแปลก ๆ อีก เช่น การพกไม้ขีดไฟติดตัวเพื่อพร้อมสาธิตกลิ่นวาโปรับตลอดเวลา โดยจะเทวาโปรับใส่ช้อนแล้วจุดไม้ขีดไฟลนด้านล่าง เพื่อให้ลูกค้าได้ลองดมกลิ่นไอระเหย
ไม่ใช่แค่นั้น วิคส์วาโปรับยังทำการตลาดผ่าน “นิทาน” โดยในปี 1925 ได้ตีพิมพ์หนังสือนิทานเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเอลฟ์ 2 ตนชื่อ “บลิกซ์” และ “บลี” มีจุดประสงค์เพื่อให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูก ๆ ฟังในขณะที่กำลังเป็นหวัด โดยเล่าเรื่องราวที่บลิกซ์และบลีออกเดินทางไปตามเตียงของเด็ก ๆ เพื่อนำกระปุกวิคส์วาโปรับมาให้ใช้บรรเทาอาการ
นั่นทำให้วิคส์วาโปรับกลายเป็นรู้จักอย่างกว้างขวาง กลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน และทำยอดขายได้หลายสิบล้านกระปุกต่อปี
ยาแก้ไอและหวัดยอดขายอันดับ 1 ของโลก
โลกเกิดวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ในปี 1918 จากการระบาดของไข้หวัดสเปน (Spanish Flu) ซึ่งทำให้ยอดขายยาของวิคส์โตขึ้นเกือบ 4 เท่าในเวลาเพียง 1 ปี
แต่น่าเสียดาย ที่ไข้หวัดสเปนยังได้คร่าชีวิตลุนส์ฟอร์ดไปด้วย ทำให้สมิธก้าวขึ้นมาเป็นผ้บริหารแทน
วิคส์ภายใต้การนำของสมิธไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่วาโปรับเท่านั้น แต่ยังพัฒนายาแก้หวัดและแก้ไออื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
ในปี 1931 วิคส์ได้เปิดตัว Vicks Cough Drops ซึ่งเป็นยาบรรเทาอาการไอแบบใช้ภายนอกรุ่นแรก ๆ หรือในปี 1941 บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ Vicks Inhaler หรือ “ยาดมวิคส์” อันโด่งดัง ในฐานะ “ยาดมที่บรรเทาอาการไอได้” และชาวไทยหลายคนเองยังคงจดจำกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์นี้ได้ขึ้นใจ
Vicks Inhaler ยาดมที่บรรเทาอาการไอได้
จากนั้นในปี 1951 วิคส์คิดค้นยาแก้ไอชนิดแรกของแบรนด์ คือ Vicks Cough Syrup ซึ่งในยุคนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ไม่กี่ตัวที่บรรเทาอาการไอได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีส่วนผสมของสารที่มีฤทธิ์เสพติด
ยังมีสเปรย์พ่นจมูก Vicks Sinex ในปี 1959 ซึ่งช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ภายในไม่กี่วินาที
แต่ตัวยาที่เป็นพระเอกที่สุดของวิคส์ถ้าไม่นับวาโปรับ คือ “NyQuil” เปิดตัวในปี 1966 เป็นยาแก้ไอและหวัดที่บรรเทารักษาได้หลายอาการพร้อมกัน ได้รับการยกย่องให้เป็น “ยาตัวเดียวที่คุณควรทานเพื่อบรรเทาอาการหวัด” และเกิดคำพูดที่ว่า “ยา NyQuil รักษาอาการน้ำมูกไหล จาม ไอ ปวดเมื่อย คัดจมูก มีไข้ ทำให้คุณพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ”
NyQuil ยาแก้ไอและหวัดที่บรรเทาได้หลายอาการพร้อมกัน
ในยุคหลังเอง วิคส์ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด เช่น Vicks BabyRub เปิดตัวในปี 2004 เป็นยาทาที่มีกลิ่นของยูคาลิปตัส โรสแมรี และลาเวนเดอร์ ช่วยปลอบประโลมและสร้างความผ่อนคลายให้กับเด็ก ๆ
ด้วยการพัฒนายาแก้ไอและหวัดอย่างต่อเนื่องโดยยังคงคุณค่าของการเป็นยาเพื่อทุกครอบครัว ส่งผลให้ในปัจจุบัน วิคส์ครองตำแหน่งแบรนด์ยาแก้ไอและหวัดที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลกตามการจัดอันดับโดย Nicholas Hall's DB6
วิคส์กับคนไทยและการใช้งานนอกเหนือคู่มือ
ไม่ชัดเจนนักว่าวิคส์วาโปรับเข้ามาในไทยตั้งแต่เมื่อใด แต่โฆษณาวิคส์ตัวแรกออกฉายช่วงประมาณปี พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) ประกอบกับในฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า บริษัท โอลิค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย ผลิต และนำเข้า ยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เป็นผู้ขอขึ้นทะเบียนจำหน่ายวิคส์วาโปรับในปี พ.ศ. 2523 พอดีเช่นกัน
จึงคาดว่า วิคส์วาโปรับเข้ามาในประเทศผ่านการนำเข้าของบริษัทดังกล่าวเมื่อราว 40 กว่าปีก่อนนั่นเอง
ทั้งนี้บริษัทวิคส์นั้น ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท Merrell และเปลี่ยนชื่อเป็น Richardson-Merrell ต่อมาในปี 1982 แยกเป็น 2 บริษัท คือ Merrell Dow และ Richardson-Vicks ซึ่งรายหลังได้สิทธิเป็นเจ้าของแบรนด์วิคส์
จากนั้นในปี 1985 พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (Procter & Gamble) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคได้เข้าซื้อกิจการของ Richardson-Vicks และเป็นเจ้าของวิคส์มาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเป็นผู้จดทะเบียนจำหน่ายวิคส์วาโปรับในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 เป็นต้นมา
วิคส์อยู่คู่กับคนไทยมานานในฐานะยาบรรเทาอาการโรคหวัด คัดจมูก ลดอาการไอ แต่ในขณะเดียวกัน มีหลายคนที่ใช้วิคส์นิกเหนือไปจากวิธีการใช้หลัก เช่น ใช้ทาเท้าเพื่อบรรเทาอาการไอช่วงกลางคืน (บางคนบอว่าให้ใส่ถุงเท้าทับด้วย)
วิธีการใช้วิคส์ “แบบทางเลือก” นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ มีทั้งเคสที่ใช้วิคส์วาโปรับรักษาเชื้อราที่เล็บเท้า รักษารังแค รักษารอยยุงกัด รักษาหูด ทาผิวหนังช่วยบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ ทาบริเวณศีรษะบรรเทาอาการปวดศีรษะ ทาบำบัดอาการคันจากแมลงกัดต่อย ทาเสื้อผ้า หรือผิวหนังเพื่อไล่และป้องกันยุงกัด ฯลฯ
แต่ไม่ว่าเราจะใช้วิคส์วาโปรับในรูปแบบไหน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ยาทาระเหยกระปุก/ตลับน้ำเงินแบรนด์คือสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทยและโลกมานานนับร้อยปี ในฐานะ “แบรนด์เพื่อครอบครัวของคุณ”
ประวัติ Vicks VapoRub ยาสามัญประจำบ้านที่อยู่กับคนไทยมาช้านาน
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/239880
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTV Wealth :
https://www.facebook.com/PPTVWealth/
YouTube Wealth :
www.youtube.com/@PPTVWealth
ธุรกิจ
ยา
ยาสามัญประจำบ้าน
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย