4 ชั่วโมงที่แล้ว • หนังสือ

คนยุคนี้ไม่ชอบวิเคราะห์ เชื่อง่าย จึงถูกหลอก ถูกโกงสารพัด

ความจริงชาวพุทธน่าจะเป็นพวกที่ถูกหลอกยาก เพราะพระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องการวิเคราะห์มาแต่สมัยพุทธกาล
ธรรมที่ทรงสอนซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ กาลามสูตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตตนิคม แคว้นโกศล
ดังนั้นมันจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า เกสปุตตสูตร
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ได้อ่านเรื่องนี้มาจากพระไตรปิฎก เพราะข้อความยาวเป็นพรืด จึงขอยกเอาแค่ท่อนเดียวมาให้อ่าน
ขออนุญาตย่อหน้าและใส่เครื่องหมายคำพูด เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น ไม่งั้นเชื่อว่าคงอ่านไม่ถึงบรรทัดท้ายๆ แน่!
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบทพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จถึงนิคมของพวกกาลามะชื่อว่า เกสปุตตะ
ครั้งนั้นชนกาลามโคตร ชาวเกสปุตตนิคมได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคจนถึงที่ประทับ บางพวกถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกประนมมือไปทางพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกประกาศชื่อและโคตรแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง บางพวกนั่งเฉยๆ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
เมื่อต่างก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว จึงได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
“พระเจ้าข้า มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้น พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตัวเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่นพูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ พระเจ้าข้า มีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม ถึงพราหมณ์พวกนั้น ก็พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตนเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในสมณพราหมณ์เหล่านั้นอยู่ทีเดียวว่า ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็ควรแล้วที่ท่านทั้งหลายจะเคลือบแคลงสงสัย และท่านทั้งหลายเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในฐานะที่ควรแล้ว มาเถิดท่านทั้งหลายท่านทั้งหลาย...
“อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา...
“อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา
“อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินอย่างนี้
“อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา
“อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง
“อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน
“อย่าได้ยึดถือโดยความตรึกตามอาการ
“อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว
“อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้
“อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา
“เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศลธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย...”
ฯลฯ
เนื้อความในพระไตรปิฎกยาวกว่านี้มาก แต่อ่านเท่านี้เราก็คงพอเข้าใจคอนเส็ปต์เรื่องการวิเคราะห์จากพระโอษฐ์
และเราก็คงรู้แล้วว่า การคิดเองเออเอง การเชื่อง่าย การคิดว่าสิ่งที่ตนคิดและเชื่อเหนือกว่าคนอื่น ฯลฯ เหล่านี้ มีมานานตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคนโบราณหรือคนในยุคโซเชียล เน็ตเวิร์ก ปฏิบัติตนตามเกสปุตตสูตร จะปลอดภัยแน่นอน
ย่อความจาก #ปล่อยให้ความเหงาพาไป / วินทร์ เลียววาริณ
หนังสืออีบุ๊ค ซื้อได้ที่เว็บและที่ MEB
โฆษณา