Blockdit Logo (Mobile)
Salaryman ติดปีก
•
6 ม.ค. เวลา 10:48 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ดาบ 3 เล่ม ของนักลงทุน

.
ผมมักจะพูดเสมอว่า ผลตอบแทน คือส่วนผสมของดาบ 3 เล่ม
.
นักลงทุนก็เหมือน "นักรบ" ครับ ถ้าไม่มีดาบที่ดี ก็ยากที่จะรบชนะ
.
ดาบเล่มแรกคือ Average Gain
กำไรแต่ละครั้ง เราทำกำไรได้มากแค่ไหน รวมครั้งที่ขาดทุนไปด้วย
.
ดาบเล่มที่สองคือ Winning Chance
เราลงทุนแล้วชนะบ่อยแค่ไหน
.
ดาบเล่มที่สามคือ Investment rate
เราลงทุนหนักแค่ไหน (ในครั้งที่ชนะ)
.
สำหรับ โลกในอุดมคติ เราคงอยากได้ดีทั้ง 3 ด้าน
และคงอยากให้ดาบทั้ง 3 เล่ม เป็น "ดาบทอง"
.
ในความเป็นจริง เป็นไปได้ยากมาก เพราะ Playbook การลงทุนแต่ละแบบมักจะมีจุดอ่อนเสมอ หรือแม้แต่ตัวนักลงทุนเอง ก็มักจะมีด้านที่ไม่ค่อยถนัด ทำให้ในชีวิตจริง น้อยมากที่ผมจะเห็นนักลงทุนคนไหน "ถือดาบทอง 3 เล่ม"
.
แต่ข่าวดีก็คือ เราไม่จำเป็นต้องถือดาบทองสามเล่ม ขอแค่เราเป็นนักรบที่ถือดาบทองในมือสองข้าง (ดาบ 2 เล่ม) ก็สามารถทำให้เรารวยจากการลงทุนได้แล้ว
.
เรื่องนี้สำคัญนะครับ นักลงทุนต้องฝึกฝน หาความรู้ และรู้จักตัวเองมากพอ จนสามารถเลือก Playbook ที่ทำให้เราเป็นนักรบที่มีดาบทองสองเล่มให้ได้
.
มายกตัวอย่างกันหน่อยดีกว่า จะได้เห็นภาพ
.
Playbook ยอดฮิตในปัจจุบัน คือ "รวยด้วย Super stock" นักลงทุนกลุ่มนี้ มุ่งมั่นจะมี Average gain ระดับทะลุทลวง และ มี Investment rate สูง กล่าวคือ กล้าลงน้ำหนัก เมื่อเจอหุ้น Super stock ถึงแม้ว่าพวกเค้าอาจจะไม่ได้เลือกหุ้นถูกตลอด Winning chance อาจจะไม่สูงนัก แต่ดาบทองสองเล่มก็เพียงพอให้เค้าร่ำรวยแล้ว
.
ปัญหาก็คือ Playbook นี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน นักลงทุนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อตามหา Super stock พวกเค้าจะไม่สามารถทำให้ Average gain เป็นดาบทองได้ หรือนักลงทุนบางคน อาจจะไม่สบายใจในการลงน้ำหนักเยอะ ในหุ้นที่มีความไม่แน่นอนสูง (ซึ่ง Super stock บ่อยครั้ง จะเป็นหุ้นที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก่อน) พวกเค้าก็จะไม่สามารถทำ Investment rate ให้เป็นดาบทองได้
.
Playbook Super stock เป็นโมเดลที่ทำให้นักลงทุนรวยได้ ถ้าเราทำให้มันเป็นดาบทองสองเล่มได้ แต่ถ้าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อโมเดลนี้ เราก็ควรหาแนวทางอื่นที่เหมาะกับตัวเราครับ อย่าไปพยายามตามเซียน ถ้ามันไม่ใช่แนวทางของเรา
.
เราสามารถหาดาบทองสองเล่มด้วย Playbook อื่นได้
.
ยกตัวอย่างอีก Playbook ที่ผมคิดว่า คนยังมองข้าม แต่ผมเห็นคนรวยจากมันมาไม่น้อย "Playbook หุ้นแข็งแกร่ง" สำหรับหุ้นแข็งแกร่ง ต่อให้เราเลือกลงทุนในเวลาที่บริษัทเกิดวิกฤต เราก็จะทำได้กำไรได้ 1-3 เด้งเท่านั้น ไม่สามารถเป็น 10 หรือ 50 เด้ง แบบ Super stock ได้ เพราะฉะนั้น Average Gain จะไม่ใช่ดาบทองของ Playbook นี้
.
แต่ๆๆๆ ถ้าเราเลือกหุ้นดีๆ ลงทุนในเวลาวิกฤต อดทน และถือรอจนบริษัทกลับมา หุ้นพวกนี้โอกาสแพ้น้อยมากครับ สามารถทำให้ Winning chance เป็นดาบทองได้ และถ้าเราเกิดมาเพื่อหุ้นแข็งแกร่ง การจะทำ Investment rate ดาบทองก็ไม่ยากเลย เพราะเรารู้ว่าหุ้นพวกนี้ตายยากอยู่แล้ว เปรียบเสมือนยักษ์ล้ม ที่เรารู้ว่ามันยังไม่ตาย เดี๋ยวมันก็ยืนขึ้นมา เราไปตั้งแคมป์รอบนไหล่ยักษ์ได้เลย
.
ถ้าทำได้แบบนั้น เราก็มีดาบทองสองเล่มครบแล้วครับ รวยได้เหมือนกัน
.
ข้อดีอีกอย่างของโมเดลนี้ก็คือ มันไม่ฮิตเลย คู่แข่งน้อยมาก ทำให้มีหุ้นแข็งแกร่งที่ราคาถูกอยู่เต็มไปหมด แถมมันยังราคาถูก นอนรอให้เราไปซื้ออยู่หลายเดือนด้วย เปรียบเสมือน Blue Ocean ของ Playbook การลงทุน
.
1
Playbook ที่ผมพูดถึงในบทความนี้ทั้ง 2 แบบ เป็นเพียงตัวอย่างนะครับ ในความเป็นจริง โลกนี้มี Playbook อยู่มากมายหลากหลาย และ นักลงทุนแต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับ Playbook ที่ไม่เหมือนกัน แต่ข่าวดีก็คือ "เราต้องการแค่ 1 Playbook ที่เหมาะกับเรา เพื่อเปลี่ยนชีวิต เพราะฉะนั้น ถ้าเราเจอ Playbook ที่เหมาะกับเราเพียง 1 แบบก็เพียงพอแล้ว"
.
.
.
โดยสรุป บทความนี้ ผมไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อบอกว่า Playbook ไหนดี หรืออันไหนไม่ดีนะครับ ผมเขียนบทความฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อจะบอกว่า Playbook มีอยู่หลากหลายครับ คุณต้องหา Playbook ที่เหมาะกับคุณ ด้วยตัวคุณเอง คุณต้องลองมองหาว่า Playbook ไหน ที่จะสามารถทำให้คุณเป็นนักรบที่ถือดาบทองสองข้างได้ นั่นแหละครับ คือ Playbook ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล
.
#Salarymanติดปีก
โฆษณา