เมื่อวาน เวลา 00:40 • สุขภาพ

ต่อให้เราจะรักเพื่อนของเราขนาดไหน

แต่บางครั้ง หลายคนก็อดไม่ได้จริงๆ
ที่จะรู้สึกอิจฉาเพื่อนรักของตัวเองในบางเรื่อง
ยกตัวอย่างเช่น
บางคนอิจฉาเพื่อนที่มีทรัพย์สินเงินทองมากกว่า
บางคนอิจฉาเพื่อนที่มีแฟนหน้าตาดีกว่า
บางคนอิจฉาเพื่อนที่มีลูก (ในขณะที่ตัวเองเป็นหมัน)
เป็นต้น
และเนื่องจากเรารู้ดีว่าความรู้สึกอิจฉาเป็นความรู้สึกที่ “ไม่ดี”
หลายคนจึงตัดสินใจที่จะซ่อนความอิจฉานี้ไว้ในใจ
และพยายามทำดีกับเพื่อนแบบ “เกินจริง” เพื่อ
กลบเกลื่อนไม่ให้เพื่อนเอะใจว่ากำลังถูกพวกเขาอิจฉาอยู่
หรือสำหรับบางกรณี พวกเขาก็อาจจะทิ้งระยะห่างจากเพื่อน
เพราะไม่อยากให้เพื่อน “โดนลูกหลง” จากความอิจฉาในใจพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกทิ้งระยะห่าง
หรือทำดีกลบเกลื่อน มันมีโอกาสสูงมากเลยครับ
ที่เพื่อนรักของพวกเขาจะสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีโอกาสไม่น้อยเลยครับ
ที่เพื่อนรักของพวกเขาจะเกิดความคิด “โทษตัวเอง” ขึ้นมาในใจ
(เช่น “ฉันต้องทำอะไรแย่ๆกับเพื่อนไปแน่ๆเลย
เพื่อนถึงได้ตีตัวออกห่าง/ทำตัวแปลกๆแบบนี้”)
กลายเป็นว่า…
ต่อให้เราจะพยายามเก็บซ่อนความอิจฉาไว้ในใจ
เพราะเราไม่อยากให้มันกระทบความสัมพันธ์กับเพื่อน
แต่ในที่สุดแล้ว มันก็ยังกระทบความสัมพันธ์กับเพื่อนอยู่ดี
ในสถานการณ์เช่นนี้ หนทางที่อาจจะดีกว่า
การเก็บซ่อนความอิจฉาไว้ในใจคือการหยิบความอิจฉานั้น
มาสื่อสารกับเพื่อนอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เธอคือเพื่อนรักฉัน และฉันดีใจกับเธอด้วยนะ
ที่เธอได้มีลูกสาวอย่างที่เธอต้องการ แต่เสี้ยวนึงในใจฉัน
ก็อดไม่ได้จริงๆที่จะรู้สึกอิจฉาเธอในเรื่องนี้เหมือนกัน
เพราะสภาพร่างกายฉันไม่เอื้ออำนวยให้ฉันมีลูกแบบเธอได้
ฉะนั้น ถ้าช่วงนี้ ฉันมีท่าทางที่แปลกไปหน่อยล่ะก็
ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ฉันกำลังพยายามจัดการกับความอิจฉาในใจฉันอยู่น่ะ”
หากเราได้มีการสื่อสารกับเพื่อนในลักษณะนี้
ต่อให้เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึก
อิจฉาในใจเราได้ 100% แต่อย่างน้อย
เราก็สามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า
ความอิจฉาในใจเราน่าจะไม่ส่งผลกระทบทางลบ
ต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเพื่อนเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ หากเราโชคดี การที่เราได้หยิบความรู้สึกอิจฉาออกมาพูดนั้น
มันอาจจะส่งผลให้ความรู้สึกดังกล่าวอ่อนกำลังลงในใจได้อีกด้วยครับ!
โฆษณา