7 ม.ค. เวลา 04:56 • ความคิดเห็น

Zoom out

เมื่อสามปีก่อน ตอนที่ bitcoin ลงหนักๆ ผู้คนที่ลงทุนในบิทคอย์นอยู่บ้างโดยเฉพาะแมงเม่าอย่างผมก็เริ่มเลิ่กลั่ก ในช่วงนั้นก็ได้มีโอกาสฟังคุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ที่ทั้งเป็นมนุษย์เทคที่เก่งมากๆ ทั้งบริหารกองทุน 500 tuk tuk รวมถึงเป็นเซียนตัวจริงเสียงจริงเรื่องคริปโตมานาน คุณหมูถามในกลุ่มที่นั่งคุยกันอย่างตระหนกว่าเรากะลงทุนกันระยะยาวใช่หรือไม่ ทุกคนตอบว่าใช่
คุณหมูเลยเปิดหน้าจอกราฟระยะสั้น ก่อนที่จะถ่างนิ้วออกให้กราฟยืดออกไปเป็นระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นถึงทิศทางขาขึ้นที่ชัดเจน ความรู้สึกที่ได้นั้นเปลี่ยนไปจากเดิมที่ดูกราฟกันเป็นรายชั่วโมงหรือรายวันเป็นอย่างมาก
คุณหมูพูดสั้นๆคำเดียวว่า …. “ zoom out “
ในบทความนี้ ผมไม่ได้จะเขียนว่าบิทคอยน์จะขึ้นหรือลง (แต่เขียนตอนนี้ก็ดูหล่อเพราะมันขึ้นมาเยอะจากวันนั้น) แต่การมองแบบ Zoom out ที่คุณหมูแนะนำนั้นสามารถทำให้ perspective ของเรื่องราวที่เรากำลังติดกับอะไรบางอย่างอยู่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คล้ายๆกับที่ทางพระท่านบอกให้มองแบบ “โลกุตระ” หรือแบบ bird eye view มองให้กว้าง ให้สูงกว่ามุมที่เรามองอยู่ หรือตัวตนที่เรายึดติดอยู่
การมองแบบ zoom out นั้นในหลายโอกาสจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้องมากขึ้น เป็นการมองภาพรวมระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ต่างๆให้แหลมคมได้มากขึ้นมาก
ในบทความของ Harvard business review ได้พูดถึงตัวอย่างของ CEO บริษัทเชลล์ที่พอเกิดเหตุการณ์แท่นขุดน้ำมันระเบิกที่อ่าวเม็กซิโกเมื่อปี 2011 ที่ทำคนตายไป 11 คนและปล่อยคราบน้ำมันครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
CEO บริษัทเชลล์ในตอนนั้น zoom in
จนเห็นแต่เรื่องตัวเอง ห่วงแต่อาชีพและชื่อเสียงของตัวเอง อ่านข่าวรายชั่วโมงจนพานิค ไม่ได้มองภาพรวมที่เกิดขึ้น ทำให้เขาไปหลุดคำให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ทำไมเขาถึงซวยแบบนี้... เขาอยากได้ชีวิตดีๆก่อนหน้านี้คืนมา... ทำให้สาธารณชนโกรธแค้นคำพูดที่เห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงคนที่เดือดร้อนจำนวนมาก จนเขาต้องลาออกในที่สุด
HBR บอกว่า ถ้าคุณเฮย์เวิร์ด ซีอีโอของเชลล์ Zoom out ออกจากตัวเองสักหน่อย ได้เห็นความเดือดร้อนของผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ก็จะวางแผนและแก้ไข crisis management ได้ดีขึ้นแน่ๆ
ตัวอย่างของ crisis management นี้ไม่ใช่เฉพาะคุณเฮย์เวิร์ด แต่หลายคนมากที่เราได้เห็นหายนะจากการมองแคบ ไม่ zoom out ไม่เข้าใจว่ามีคนโมโหและต้องการเยียวยา ต้องการคำขอโทษมากแค่ไหน รวมถึงไม่ได้มองออกไปถึงระยะเวลาที่ไกลกว่าวันนี้พรุ่งนี้ ว่าอีกอาทิตย์สองอาทิตย์เรื่องราวจะต้องแก้ไขอย่างไร และต้องใช้จังหวะเวลาไหนทำอะไร
1
HBR ให้คำแนะนำต่อถึงเวลาไหนที่เราควร zoom out บ้าง เราควรจะเริ่มลองหายใจลึกๆ แล้ว Zoom out เมื่อเรากำลังลงรายละเอียดยิบย่อยจนท่วมหัว ต้องลองพิจารณาบริบทและลองดูเฉพาะเรื่องที่สำคัญๆ เราควร zoom out เมื่อเริ่มรู้สึกว่าคิดแต่มุมของตัวเอง ไม่ได้คิดถึง stakeholder อื่นๆ และเราควร zoom out เมื่อมีเรื่องอะไรที่มาเป็นครั้งๆ ที่อาจจะดูดีหรือหอมหวานโดยต้องทบทวนหลักการในการตัดสินใจว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าอาจจะทำให้ผิดหลักการใหญ่หรือไม่ การตัดสินใจทุจริต คดโกงคนหลายครั้งก็มาจากความคิดมองใกล้ๆแบบนี้
สองปีก่อนมีน้องคนหนึ่งมาปรึกษาผมในช่วงปลายโควิด กำลังกังวลถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้าของธุรกิจที่เขาทำอยู่ว่าวันนี้พรุ่งนี้จะทำอะไรดี ผมเลยใช้โอกาสแนะนำไปด้วยคำสั้นๆว่าลอง zoom out ดูก่อนมั้ย ให้เขาคิดถึงสามเดือนหกเดือน ปีนึงจากนี้ว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่ๆอะไรเกิดขึ้นกับธุรกิจเขาบ้าง เช่นนักท่องเที่ยวกำลังจะกลับมา ประเทศจะเปิด จะมีเลือกตั้งใหญ่ ฯลฯ
แล้วเขาจะต้องเตรียมการอะไรอย่างไรมากกว่าจะคิดแค่วันต่อวัน พอพูดแค่ zoom out เขาก็ร้องอ๋อขึ้นมา มีไอเดียที่จะต้องเตรียมการขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาก็กลับมาแข็งแรงกว่าตอนโควิดซะอีก
ก็เลยนำคำนี้มาลองแนะนำสำหรับใครที่กำลังหมกมุ่นกับปัญหาเฉพาะหน้ามากๆ คิดอยู่วันต่อวัน กำลังเผชิญ crisis ที่คิดว่าตัวเองนี่ซวยอยู่ กำลังตัดสินใจเรื่องการลงทุน คิดถึงเรื่องหน้าที่การงาน หรือกำลังไม่แน่ใจ offer ที่ดูเย้ายวนผิดปกติ เหล่านี้
ลอง zoom out ให้เห็นภาพรวม เห็นคนที่เกี่ยวข้องที่มากกว่าตัวเอง เห็นถึงหลักการใหญ่ของชีวิต หรือให้เห็นระยะเวลาที่นานขึ้นกว่าวันต่อวันกันดู สามเดือนจากนี้ หรือคิดวางแผนเป็นปี อาจจะมี perspective ที่ช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ครับ
โฆษณา