อย่าออกจากคริสตจักร
เยเรมีย์ 42:13-17 THSV11
[13] แต่ถ้าพวกเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้’ โดยไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า [14] และกล่าวว่า ‘ไม่เอา เราจะเข้าไปในแผ่นดินอียิปต์ ที่ซึ่งเราจะไม่เห็นสงคราม จะไม่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ จะไม่หิวขนมปัง และเราจะอาศัยอยู่ที่นั่น’
[15] คนยูดาห์ที่เหลืออยู่เอ๋ย ขอฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘ถ้าเจ้ามุ่งหน้าจะเข้าอียิปต์และไปอาศัยที่นั่น [16] แล้วดาบซึ่งเจ้ากลัวอยู่นั้นจะตามทันเจ้าที่นั่นในแผ่นดินอียิปต์ และการกันดารอาหารซึ่งเจ้ากลัวอยู่นั้นจะติดตามเจ้าไปถึงอียิปต์ และเจ้าจะตายที่นั่น [17] ทุกคนซึ่งมุ่งหน้าไปยังอียิปต์ เพื่อจะอยู่ที่นั่นจะตายเสียด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และโรคระบาด เขาจะไม่มีคนเหลืออยู่หรือรอดตายจากเหตุร้ายซึ่งเราจะนำมาเหนือเขา’
อียิปต์ในพระคัมภีร์ฯก็กำลังเล็งถึงชีวิตเก่าชีวิตในความบาปหรือชีวิตที่อยู่นอกพระเจ้าครับ สำหรับคนที่ได้มารู้จักกับพระเจ้าได้รับการชำระบาปบังเกิดใหม่แล้วก็ได้กลายมาเป็นลูกของพระเจ้า ได้เข้ามาอยู่ในอาณาเขตของพระเจ้าหรือคริสตจักรครับ
หลายคนมาเจอกับคริสตจักรแล้วแต่กำลังถูกหลอกให้ออกไป เพราะยังไม่เชื่อกับสิ่งที่พระเจ้าบอกว่าตัวเราเองนั้นจบแล้ว ถ้าไม่อยู่ในคริสตจักร ไม่ติดตามคริสตจักร กลับไปทำตามใจปรารถนาของตนอีก นั่นก็เหมือนอิสราเอลที่กำลังเลือกจะกลับไปอยู่อียิปต์ตอนนี้ครับ ก็มีภัยพิบัติรออยู่เต็มเลยครับ
ก็มองเห็นมีหลายคนที่กำลังกลับไปทางนั้นครับ ก็กำลังเข้าใจผิดว่าการได้รับการชำระบาปคือการทำอะไรก็ได้ไม่บาป? ก็ดีใจตอนได้ยินคำสอนแค่ท่อนนี้ แต่กลับทิ้งอีกหลายเรื่องที่สำคัญก็เลยกล้าที่จะออกจากการติดตามคริสตจักรแบบนี้ ก็ไม่ได้เข้าใจด้วยว่าการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับพระเจ้าคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคริสตจักรแบบนี้ครับ
คือหลายคนก็ได้ฟังพระคำเยอะครับ แต่ไม่เชื่อไม่รับ ก็ยังยืนยันที่จะใช้ชีวิตตามใจตัวเองต่อไป คือเชื่อพระเจ้าแต่ในแบบฉบับของตัวเอง ไม่อยู่ใต้การจูงนำของคริสตจักรครับ
มารซาตานก็กำลังล่อลวงผู้คนมากมายที่มาพบคริสตจักรแล้วให้เข้าใจผิดแบบนั้นครับ ชีวิตใหม่ในพระเจ้าคือคริสตจักรซึ่งเป็นกายใหม่ครับ แต่ละคนก็เป็นเหมือนอวัยวะแต่ละส่วนในร่างกายเดียวกัน ตอนที่อยู่ในคริสตจักรพระเจ้าก็สามารถใช้งานได้แบบนี้
ไม่ได้มีคริสตจักรคอยจูงนำชีวิต แต่ยังคงไปตามแผนการความฝันความปรารถนาของตัวเอง ติดตามพระเจ้าในแบบฉบับของตัวเอง แต่มาบอกว่าติดตามพระเจ้าได้ยังไง? คิดเอาเองหมดเลยครับ
ลูกา 10:30-35 THSV11
[30] พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา ทุบตีเขา แล้วทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว
[31] เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง [32] คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง [33] แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น เห็นแล้วก็มีใจสงสาร [34] จึงเข้าไปหาเขา เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผลและเอาผ้ามาพันให้ แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเองพามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาลเขา
[35] วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’
ชายสะมาเรียกำลังหมายถึงพระเยซูและโรงแรมกำลังเล็งถึงคริสตจักรครับ ชายที่ถูกโจรปล้นกำลังเล็งถึงมนุษย์เราซึ่งถูกมารซาตานหลอกจนใกล้จะตายอยู่แล้ว ไม่มีอะไรช่วยออกมาได้ เหมือนปุโรหิตกับเลวีที่มาเห็นแล้วก็ได้แต่เดินเลี่ยงหลบไปทางอื่นครับ น้ำมันกำลังเล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพระคำของพระเจ้านี้ครับ สำหรับคนที่รับเข้ามาในใจตอนนั้นก็สามารถหลุดจากความสิ้นหวังพบกับความสุขแท้จริงได้ครับ เหล้าองุ่นกำลังหมายถึงความปิติยินดีที่เกิดขึ้นหลังรับพระคำเข้ามานี้ครับ
ภาพของชายที่ถูกโจรปล้นมาอยู่ในการดูแลของเจ้าของโรงแรมรอการกลับมาของชายสะมาเรีย กำลังเล็งถึงภาพของชีวิตคริสเตียนหรือชีวิตใหม่ในพระเจ้าในคริสตจักรซึ่งรอคอยการกลับมาของพระเยซูในวันพิพากษา ซึ่งพระองค์จะมารับบรรดาผู้ที่เชื่อหรือคริสตจักรกลับสู่สวรรค์และเผาโลกที่เต็มด้วยความบาปนี้จนหมดสิ้นครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
