8 ม.ค. เวลา 15:18 • ข่าวรอบโลก

อีลอน มัสก์ “ก้าวก่าย” กิจการภายในของยุโรปมากเกินไป?

หลังจาก “อีลอน มัสก์” ได้รับตำแหน่งในรัฐบาลของทรัมป์ 2.0 สงครามทางดิจิทัลกำลังปะทุขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ฝ่ายงานบริหารของสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ใน “การคว่ำบาตรมัสก์และเครือข่ายโซเชียลของเขา (X)” พวกเขากำลังพยายามเอาคืนมัสก์สำหรับการสนับสนุนกลุ่มขวาจัดในยุโรปหลายประเทศอย่างแข็งขันของเขา [1]
มัสก์ได้เริ่มติดต่อกับพรรค AfD ฝ่ายขวาของเยอรมนีซึ่งคาดว่าจะได้รับอันดับสองในการเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนีที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ด้วยคะแนนเสียง 20% ซึ่งเป็นสถิติใหม่ นอกจากนี้อัลกอริทึมของเครือข่ายโซเชียล X ของเขายังไม่ทำการปิดกั้นแต่ทว่าผลักดันให้เห็นฟีดข่าวของฝ่ายขวาในยุโรป โดยปล่อยให้มีการวิพากษ์วิจารณ์บรัสเซลส์อย่างนอกหน้า รวมถึงวาระการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว และปัญหาผู้อพยพในยุโรป ซึ่งทำให้สหภาพยุโรปที่ตอนนี้เป็นฝ่ายเสรีนิยมไม่พอใจ
สหภาพยุโรปมองว่า X ร่วมกับ TikTok กำลังกลายเป็นเครื่องมือหลักในการปลุกระดมของฝ่ายขวาในยุโรป โดยบรัสเซลส์ไม่สามารถจัดการทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แม้แต่เรื่องที่อยากจะปรับเครือข่ายโซเชียลของมัสก์เป็นเงิน 6% ของรายได้ก็ยังถูกพูดถึงน้อยลงมา ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปก็เข้าใจว่าหากเล่นงานมัสก์จะเกิดมาตรการตอบโต้จากทรัมป์ที่เข้มข้นกลับมา
1
เศรษฐกิจยุโรปที่ตอนนี้อ่อนแออยู่แล้วอาจเลวร้ายลงไปอีกด้วยมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ หรืออาจถูกตัดขาดจากแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวจากอเมริกา หลังยูเครนปิดท่อสายหลักที่เหลืออยู่ในดินแดนเพื่อส่งก๊าซรัสเซียเข้ามายังยุโรป การพึ่งพาของสหภาพยุโรปต่อสหรัฐอเมริกานั้นมหาศาลในตอนนี้ ดังนั้นพวกเขาจะทำอะไรต้องระวังให้ดี หรือจะหันไปพึ่งรัสเซีย? ยอมตระบัดสัตย์?
1
ในสภาพการณ์ปัจจุบันฝ่ายขวาที่ต่อต้านสหภาพยุโรปกำลังแข็งแกร่งขึ้นทั่วยุโรป ขณะที่ “จอร์เจีย เมโลนี” นายกหญิงอิตาลีที่คนทั่วไปมองว่าเธอเป็นพวกซ้ายท่าทีหน้าฉากล่าสุดก็ไปซบสนิทสนมกับทรัมป์และมัสก์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อนเธอเพิ่งเดินทางไปพบทรัมป์ที่รีสอร์ทของทรัมป์ที่ฟลอริดาและก็ได้เจอกับมัสก์ในงานพิธีมอบรางวัลหนึ่งในนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน [2]
เครดิตภาพ: EPA / AP
มาที่ฟากเกาะอังกฤษกันบ้าง ตอนนี้กำลังมีวิวาทะความขัดแย้งกันระหว่าง อีลอน มัสก์ กับ ชนชั้นนำชาวอังกฤษซึ่งเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น โดยได้ลุกลามไปถึงขั้นคุกคามส่วนบุคคลกันแล้ว มัสก์เรียกร้องให้ส่ง “เคียร์ สตาร์เมอร์” นายกอังกฤษเข้าคุกเพราะปฏิเสธที่จะสอบสวนเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่ส่งผลกระทบต่ออังกฤษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟียปากีสถาน [3]
เรื่องอื้อฉาวนี้เกิดจากที่เด็กสาวชาวอังกฤษหลายพันคนถูกล่วงละเมิดอย่างทารุณ ขณะที่สตาร์เมอร์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของประเทศ กลับทำเมินเฉยต่อเรื่องนี้ [4]
1
มัสก์เองก็เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในอังกฤษก่อนกำหนด ซึ่งพรรคแรงงานของสตาร์เมอร์คาดว่าจะต้องแพ้แน่นอน มัสก์ยังทะเลาะกับ “ไนเจล ฟาราจ” อีกด้วย โดยมองว่าเขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ถูกใจสิ่งที่อเมริกาคาดหวังต้องการให้เกิดขึ้นในอังกฤษ
ตำรวจลอนดอนขู่ว่าจะดำเนินคดีกับพวกขวาจัดชาวอเมริกันหากพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอังกฤษซึ่งอยู่คนละฟากมหาสมุทรแอตแลนติกกับประเทศพวกเขา หากพวกเขาตัดสินใจมาเยือนอังกฤษ มัสก์ขู่ว่าจะบุกลอนดอนด้วยกำลังทหารหากพวกเขากล้าจับกุมชาวอเมริกันที่โพสต์โจมตีบนโซเชียล
เครดิตภาพ: BBC
สำหรับ “สตาร์เมอร์” ความขัดแย้งกับ “มัสก์” ได้ปะทุขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะไม่ควรเท่าไหร่ สถานการณ์ในอังกฤษนั้นยากลำบากอยู่แล้ว โดยคาดว่าประเทศจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไม่ช้านี้ คะแนนนิยมของพรรคแรงงานนั้นตกต่ำอย่างมาก และตอนนี้พวกเขาต้องต่อสู้กับการโจมตีจากฝ่ายขวาของอเมริกา และในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามทำธุรกิจกับทีมของทรัมป์ด้วย เห็นได้ชัดว่าการนั่งอยู่บนเก้าอี้สองตัวนั้นเป็นไปไม่ได้ [5]
ดูแล้วทีมของทรัมป์มองว่าลอนดอนและบรัสเซลส์ในทีมบริหารชุดปัจจุบันเป็นศัตรูทางอุดมการณ์ และพวกเขาตั้งใจที่จะกดดันพวกเขาในทุกแนวรบ ไม่ว่าจะเป็นการทูต การเลือกตั้ง ไปจนถึงสงครามการค้า โดยใช้ประโยชน์จากวิกฤตที่โลกเก่าผลักดันตัวเองเข้าไป
1
เรียบเรียงโดย Right Style
8th Jan 2025
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: Carl Godfrey / FT>
โฆษณา