8 ม.ค. เวลา 16:02 • สุขภาพ

ทำไมเราจึงไม่ควรป่วยที่สหรัฐอเมริกา

จากการลอบสังหาร CEO ของบริษัท UnitedHealthcare เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนและสะท้อนความล้มเหลวของระบบสาธารณสุขอเมริกาออกมาอย่างชัดเจน ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น กับระบบบริการสาธารณสุขอเมริกากันแน่
2
เราทุกคนรู้กันดีว่าประเทศสหรัฐอเมริกา คือแบบอย่างของประเทศทุนนิยม ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าจากสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยเชื่อว่าระบบทุนที่สมบูรณ์แบบจะสร้างความสมดุลให้กับระบบมูลค่าในรูปแบบต่างๆ(Invisible hand แบบ Adam smith) ซึ่งความเชื่อนี้ จะเป็นแกนกลางของเรื่องนี้ทั้งหมด
1
สำนักข่าว USA Today เผยแพร่ข้อมูลจากการสำรวจที่น่าตกใจว่า ชาวอเมริกันในวัยทำงานจ่ายค่าประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเพิ่มของค่าแรง ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลคิดเป็นครึ่งหนึ่งของหนี้สินบัตรเครดิตในปี 2565 ทำผู้คนจำนวนมากล้มละลายเพราะค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยเทียบง่ายๆ เพียงแค่ช่วงปี 2022 ถึง 2024 รายจ่ายเฉลี่ยทางการแพทย์ของประชาชนอเมริกาเพิ่มจาก 13,493$ ต่อปี เป็น 14,570$ ต่อปี
6
ปัญหาก็คือ รายได้โดยเฉลี่ยของประชาชนอเมริกาในปัจจุบันอยู่ที่ราวๆ 50,000-70,000$ ต่อปี นั่นหมายความว่า ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์โดยเฉลี่ยแต่ละคนต่อปีอยู่ที่ราว 31.2% ถ้านั่นยังดูเลวร้างไม่พอ กลุ่มประชาชน bottom quatile ของอเมริกามีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 15,000$ เท่านั้น นั่นหมายความว่าหากเขาต้องเจอค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลระดับ 13,000-14,000$ ต่อปี นั่นหมายถึงรายได้แทบทั้งปีของเขา และทำให้คนคนนั้นล้มละลายได้เลย
5
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่มีประกัน แต่ถ้าคุณมีประกัน ก็ใช่ว่าชีวิตของคุณจะดีขึ้น
บริษัทประกันจำนวนมากในอเมริกามักปฏิเสธการเคลมของผู้ซื้อประกัน ตามหลัก “deny,” “defend” and “depose” โดยกลยุทธ์คือจะทำให้ผู้ซื้อประกันพบกับความยากลำบากในการเคลม จนต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล สุดท้ายก็จะย้อมแพ้แล้วก็จ่ายเอง
โดยจากการเก็บข้อมูล มีเพียง 0.2% เท่านั้นที่สู้จนเปลี่ยนแปลงผลได้ พฤติกรรมของบริษัทประกันนี้ทรามถึงขนาดว่า ต่อให้หมอที่รักษาบอกว่าอะไรต้องใช้ แต่ถ้าผู้เชี่ยวชาญหรือ AI ของบริษัทบอกว่าไม่จำเป็น บริษัทก็มีสิทธิที่จะไม่จ่าย(นี่ยังไม่นับหลักการเคลมสุดประหลาดที่กำหนดราคาขั้นต่ำ เช่น ประกันจะรับเคลมเมื่อค่ารักษาเกินราคาหนึ่งๆเท่านั้น ถ้าต่ำกว่านั้นต้องจ่ายเอง เป็นต้น)
6
แล้วทำไมราคาค่ารักษาพยาบาลในอเมริกา ถึงแพ้จนเกินเหตุขนาดนั้น เรื่องนี้มีเหตุผลหลายประการ
1. เน้นผลลัพท์ผู้ให้บริการ มากกว่าผู้รับบริการ
1
วิเวียน โฮ (Vivian Ho) นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไรซ์ (Rice University) กล่าวว่า ระบบที่เน้นไปยังประโยชน์ของผู้ให้บริการมากกว่าผู้ป่วย สะท้อนผ่านกำไรของบริษัทประกันสุขภาพ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา ขณะที่โรงพยาบาลทำกำไรโดยรวมมากถึง 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งผู้ป่วยยังไม่สามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายของการมารับบริการได้ บิลมาถึงบ้านเมื่อไหร่ เตรียมหงายหลังได้เลย
1
2. ไม่สามารถควบคุมราคายา
ประเทศไทยของเราผ่านพ้นวิกฤตด้านยาและเวชภัณฑ์หลายครั้งมาได้ ต้องขอบคุณครูบาอาจารย์เภสัชศาสตร์หลายท่าน ที่ช่วงกันระดับสมองและออกนโยบายต่างๆ ทำให้ประเทศเรารอดพ้นมาได้ เช่น การสนับสนุนผู้ประกอบในประเทศ สนับสนุนแบรนด์ยา Generic ถ้าไม่มีทางออกแล้ว ก็เคยมีกรณีที่องค์การเภสัชกรรมผลิตยา Generic แบรนด์ใหม่ขึ้นมาเอง เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงยาของคนไทย กรณีที่ชัดเจนที่สุดก็คือ GPO-Vir ที่สร้างเสียงชมไปทั่งประเทศ และสร้างเสียงด่าไปทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก Original brand เช่นกัน
13
สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากกฎหมายสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญาที่เคร่งครัด ทำให้ทางออกแบบไทยๆนั้นทำไม่ได้ อีกทั้งความเชื่ออย่างสุดโต่งว่าสุดท้ายการแข่งขันจะทำให้ราคาลดลงไปเอง ซึ่งเราก็เห็นๆอยู่ว่ามันไม่เป็นแบบนั้น เพราะบริษัทยาทั้งหลายแทนที่จะแข่งขันกันแล้วแข่งกันดัมพ์ราคา กลายเป็นจับมือกันแล้วขึ้นราคาตามใจชอบ แบบที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ความซวยจึงตกแก่ประชาชนอย่างแท้จริง
4
3. ยึดมั่นในหลัก "ทุนนิยม"
ในช่วงที่ประธานาธิปดี บารัค โอบามา เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิปดี ได้มีความพยายามที่จะสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแบบที่หลายประเทศทำได้ แต่แนวคิดนี้ก็ถูกต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม โดยมองว่าการแทรกแซงดังกล่าวจากรัฐบาลจะทำให้คนขี้เกียจ เพราะคนอเมริกาบางกลุ่มมองว่า คุณต้องพยายาม ต้องขยัน คุณถึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งมองว่าการแทรกแซงจากรัฐบาลคือการทำลายแนวคิดความเป็นทุนนิยมของอเมริกาอย่างรุนแรง ทำให้แนวคิดนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร(New deal ของ FDR ก็แทรกแซงทุนนะ ไม่เห็นพูดล่ะ?)
นี่เป็นเพียงเหตุผลคร่าวๆที่กำลังทำร้ายระบบสาธารณสุขอเมริกาอยู่ ถ้าลองสังเกตลึกจะเห็นว่า Mentality ของแต่ละประเทศ มีบทบาทอย่างมากต่อการวางระบบสาธารณสุข ไม่ใช่แค่สาดเงิน สาดหมอเข้าไปแล้วจะจบ
2
เห็นแบบนี้แล้ว ก็ขอความร่วมมือผู้ป่วยทุกท่าน ให้มีความเมตตากรุณาต่อบุคลากรทางการแพทย์ของเรา ไม่ใช่เอะอะก็โพสต์ด่า เอะอ่ะก็ขว้างของ เอะอะก็เอามีดไปไล่ฟัน ไม่ได้อยากได้อะไรมากมาย แค่กำลังใจเล็กๆในแต่ละวัน ก็ช่วยให้เรามีแรงมหาศาลที่จะดันระบบสาธารณสุขของเราต่อไป
7
อ้างอิง
โฆษณา