Future Trends: What will be gone in 2025 and beyond?
วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในสังคมและเทคโนโลยีในปี 2025 และหลังจากนี้ไป
“โลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม”
1) Trump 2.0 ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลง
Harvard Business School คาดการณ์ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ในหลายประเด็น แต่ที่น่าสนใจคือ เรื่องของการเปลี่ยนแปลงของการเข้า-ออกเมือง หรือการตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ของประธานาธิบดี ทรัมป์ ยุค 2.0 ที่ประกาศว่าจะ deport หรือส่งกลับต่างด้าวที่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย หรือ undocumented immigrants
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Latin America ได้แก่ เม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ เพราะประเมินว่าเป็นภาระอันหนักหน่วงของประเทศในเรื่องของสวัสดิการสังคม เหมือนที่เราเป็นอยู่ตอนนี้
ข้อมูลของ Harvard บอกว่า จริง ๆ แล้วตั้งแต่ปี 2020 คนต่างด้าวคือ ตัวหลักในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ ด้วยการเติมเต็มตำแหน่งงานที่ว่าง เน้น ๆ ก็แรงงาน และช่วยทำให้เงินเฟ้อสามารถพอควบคุมได้ จนมาพีคสุดในปี 2023 ที่สหรัฐฯ มีแรงงานต่างด้าวสูงที่สุด
อย่างไรก็ตามก็ยังมี demand สูงอยู่ดี แถมคราวนี้ต้องการทั้ง high skill และ unskill อีกด้วย เมื่อเป็นแบบนี้การเข้ามาทำงานก็ต้องเข้มในเรื่องเอกสารมากขึ้น ค่าจ้างก็อาจแพงขึ้น ซึ่งก็อาจเป็นโอกาสดีให้คนในประเทศมีงานทำ แต่มันจะกระทบในเรื่องของแพงขึ้น และเงินเฟ้อสูงขึ้น
นี่คือ ตัวอย่างของภูมิรัฐศาสตร์ที่จะเปลี่ยนไปในยุคทรัมป์
2) Cash
เงินสดจะค่อย ๆ หายไป กลายเป็นสังคมไร้เงินสด หรือ cashless society ซึ่งหลายๆ องค์กร เช่น มหาวิทยาลัย หรือร้านค้าในเมืองใหญ่ ๆ ของหลายประเทศ ก็ใช้ระบบ cashless หรือรับจ่ายผ่าน scan QR Code กระเป๋าเงินคือ โทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันตอนนี้ลืมกระเป๋าเงินก็ไม่เดือดร้อนเท่าลืมโทรศัพท์
สังคม cashless ไม่มีใครก้าวกระโดดเท่าจีน ในเดือนมิ.ย.2024 พบว่ามีประชากรมากกว่า 968.9 ล้านคนที่จับจ่ายใช้สอยผ่าน Mobile payment ผ่าน Alipay และ Wechat โดยมีรัฐบาลให้การสนับสนุนและผลักดัน แม้ว่ายังมีคนสูงวัยยังนิยมใช้เงินสดอยู่ อันนี้วัดกันได้เลยว่าใคร gen ไหน
ระบบ payment ของจีน อาจไม่ค่อยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากยุโรปหรือสหรัฐฯ เพราะหลายคนก็ยังกล้า ๆ กลัวเรื่องข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล หรือ personal information ถูกนำไปใช้อย่างผิดกฎหมาย อาจต้องทำแบบ debit card เฉพาะใช้ในประเทศปลายทางท่องเที่ยว ซึ่งก็มีธนาคารไทยออกบัตรได้ เช่น บัตรของธนาคารสีม่วง สีแดง เป็นต้น แต่ต้อง download app Alipay หรือ Wechat เพื่อผูกกับบัญชี
ข้อดี ก็คือความสะดวก รวดเร็ว ในการใช้จ่าย หรือแลกเปลี่ยนอัตราสกุลเงินในบัตรได้ทันที และรัฐสามารถเรียกเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะอิงระบบทางการเงิน แต่ความสะดวกก็ตามมาด้วยข้อเสีย คือ ด้านความปลอดภัย ของข้อมูล การถูกแฮก หรือขโมยบัตรไปรูดใช้ ทั้งยังต้องพึ่งระบบการสื่อสารเครือข่ายโทรศัพท์ที่เสถียรพอสมควร นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของวินัยทางการเงินของผู้ใช้บัตรเอง ว่าจะใช้อย่างระวังหรือควบคุมการใช้จ่ายได้หรือไม่
3) เทคโนโลยี
3.1) TV Concept: ปรากฎการณ์โลกยุคดิจิทัล ทำให้การดู TV เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะการให้บริการแบบ streaming มีมากขึ้นใน social media การดูย้อนหลัง เมื่อไร เวลาไหนก็ได้ ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถออกแบบรายการโปรดของตนเอง ได้ง่าย ๆ รวมทั้งความสด ความ real ปราศจากการปรุงแต่ง ได้ความจริง หรือ fact และอรรถรสมากกว่า
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ทั้งละคร รายการทีวี และกระทั่งรายการข่าวต้องปรับตัว สร้าง short streaming หรือ clip ตัดมานำเสนอทาง social media ต่าง ๆ มากขึ้น หลายสื่อนำสนอแบบ podcast การนั่งคุย สัมภาษณ์ ซึ่งน่าสนใจกว่า
Smart TV จะเป็นทุกอย่างเช่นเดียวกับ smart phone และอาจเป็นช่องทางสื่อสารของคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ดังนั้นการออกแบบรายการด้วย concept เดิมอาจไม่ตอบโจทย์ และรายการซ้ำ ๆ อาจไม่สามารถอยู่ได้
3.2) Movie Theatre: อาจไม่มีอีกต่อไป เมื่อความบันเทิงสามารถ download หรือซื้อจาก package streaming ต่าง ๆ ได้ และราคาถูกกว่าหลายเท่า พื้นที่โรงภาพยนตร์อาจกลายเป็น mix-use ระหว่างพื้นทีดนตรี การเสวนา ด้วยกันเลย
3.3) สายเสียบชาร์จ: อาจเปลี่ยนเป็น wireless ไม่ต้องมีสาย ใช้เชื่อมผ่าน Bluetooth หรือแค่แตะ
3.4) Land Line Phone: อาจสูญพันธ์ เพราะปัจจุบันก็ใช้การสื่อสารผ่าน line, Wechat, message หรือ email เป็นต้น
4) Education Degree
การเรียนแบบ pattern เดิม ๆ หลักสูตรเดิมที่บังคับให้เรียนแล้วได้วุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัย อาจค่อย ๆ หายไป เมื่อคนยุคใหม่เห็นว่า ความรู้ที่จะนำไปใช้ไม่ได้อยู่ในทุกวิชาที่สอน หรือข้อสอบ ความรู้ที่จะนำไปประกอบสัมมาชีพก็น่าจะเป็นความรู้ที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม และตามวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปใช้จริง ในการสร้างโอกาสในอาชีพในอนาคต คนรุ่นใหม่หาเงินเลี้ยงชีพได้ด้วยอาชีพใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำงานเหมือนไม่ทำงาน อิสระไม่ต้องการอยู่ภายใต้กฎขององค์กรน่าจะมีมากขึ้น
5) โลกแคบลง: เมื่อการทำงานไม่ต้องเข้า office ดังนั้นก็สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ การโยกย้ายประชากรจะมีสูงขึ้น อีกหน่อยอาจไม่ต้องมีวีซ่า แต่ใช้ ID ที่เชื่อมและลิงค์กันได้ทั่วโลก และภาษาไม่ไม่ใช่อุปสรรคในการสื่อสาร เพราะมี AI ช่วยทุกอย่าง
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
