31 ม.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ

เราวัดความรู้ความสามารถของคนคนหนึ่งจากสิ่งที่อยู่ในหัวของเขา ไม่ใช่แผ่นกระดาษในมือ

เมื่อวานโพสต์บทความว่า ใบปริญญาไม่สำคัญเท่าผลงาน
1
หลายคนอ่านบทความนี้ไม่เข้าใจ
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเรียนมหาวิทยาลัย แต่บอกว่าอย่าไปติดกับดักของใบปริญญา
1
และมันไม่เกี่ยวว่าผมเก่งจึงไม่ต้องใช้ใบปริญญา ประเด็นอยู่ที่ว่าเราวัดค่าคนจากกระดาษแผ่นหนึ่ง หรือจากงานของเขา สำหรับคนว่าจ้าง ก็ลองดูว่าผู้สมัครทำอะไรได้บ้าง มันไม่เสียหายอะไร เพราะถ้าไม่ชอบใจ ก็ไล่ออกได้ก่อนพ้นช่วงทดลองงาน
แต่บริษัทใหญ่ที่ผมไปสมัครงาน ไม่ดูผลงานที่ผมทำ (ไม่ได้ไปตัวเปล่า) แค่ถามว่ามีปริญญาโทไหม พอบอกไม่มี ก็ไม่ต้องคุยต่อ
2
อย่างนี้คือยึดติดกับใบปริญญา
ถ้าใครเจอองค์กรที่เจ้านายมีโลกทัศน์แบบนี้ อย่าไปทำเลย ไม่มีทางไปไหนไกล
บางคนมีกรอบคิดว่า ถ้าจบรามคำแหงต้องสู้จบจุฬาฯไม่ได้ ประเด็นคือเราจะรู้ค่าคนก็ต่อเมื่อลองให้ทำงาน ไม่ใช่ดูยี่ห้อแผ่นกระดาษแล้วรู้เลย ในชีวิตจริงเราก็เห็นคนจบรามฯเป็นเจ้านายคนจบจุฬาฯเยอะแยะไป
1
ตอนผมได้รับรางวัลวรรณกรรมครั้งแรกๆ มีคนสงสัยว่า ทำไมไม่ได้เรียนมาทางสายอักษรฯ จึงเขียนหนังสือได้ นี่ก็คือกรอบคิด
แน่ละ ถ้าเรามีโอกาสและทุนทรัพย์ที่จะเรียนจนจบปริญญา ก็เรียนให้จบ มีใบปริญญาก็ฝ่าด่านต่างๆ ง่ายขึ้นมาอีกหน่อย
แต่ท้ายที่สุด มันก็พิสูจน์ด้วยผลงาน ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ ไอเดีย
เราต้องเรียนตลอดเวลา แต่การเรียนเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ ผมเองเรียนจักรวาลวิทยาทั้งวิชานอกห้องเรียน เรียนฟิสิกส์ ปรัชญา ศาสนา และสารพัดวิชาเอาเองทั้งสิ้น
ใบปริญญาสัมพันธ์กับความรู้ก็จริง แต่ใบปริญญาไม่ใช่ความรู้
4
เหมือนที่เซนบอกว่า นิ้วที่ชี้พระจันทร์ไม่ใช่พระจันทร์
4
ท้ายที่สุดเราก็วัดความรู้ความสามารถของคนคนหนึ่งจากสิ่งที่อยู่ในหัวของเขา ไม่ใช่แผ่นกระดาษในมือ
จบสิบปริญญา ถ้าคิดไม่เป็น ก็จบเหมือนกัน
1
โฆษณา