ประกันชีวิตเจ้าแรกของโลก เกิดขึ้นเมื่อไหร่? ใครเป็นคนริเริ่ม?
ชีวิตของคนเราล้วนแต่แวดล้อมไปด้วย “การประกัน” เราสามารถเห็นการประกันต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ประกันรถบนท้องถนน ประกันสุขภาพในวันที่ฝุ่น PM2.5 ครองเมือง ประกันสังคมที่รัฐให้เราเข้าร่วม ไปจนถึงประกันชีวิตที่จะช่วยให้ชีวิตหลังเกษียณและสิ้นชีวิตไปไม่ลำบากคนรุ่นหลัง
ทุกย่างก้าวของชีวิตเราพบเจอกันสิ่งที่เรียกว่าประกันมาโดยตลอด แต่เคยสงสัยกันไหมว่า “ธุรกิจประกัน” นั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน? แล้วโดยเฉพาะ “ประกันชีวิต” เขาคิดกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ามันควรมี? คอลัมน์ All About History ในสัปดาห์นี้เราจะมาพาไปหาคำตอบกัน
⭐ ประวัติศาสตร์ประกันภัยโดยสังเขป
เรื่องราวของการประกันภัย ไม่ได้เป็นอะไรที่ใหม่เอี่ยม หากแต่เป็นอะไรที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งดินแดนบาบิโลน ซึ่งปรากฎเนื้อหาในประมวลกฏหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง “ประมวลกฏหมายฮัมมูราบี” มีลักษณะเป็นประกันเรือที่มีชื่อว่าบอตตอมรี ซึ่งเป็นการที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ซึ่งมีอาชีพค้าขายทางเรือ กู้เงินไปเป็นทุนนำสินค้ามาขาย แต่ถ้าหากประสบภัยธรรมชาติจนสูญเสียอุปกรณ์ทำมาหากิน(เรือ) ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถหาเงินมาคืนเจ้าหนี้ได้แน่นอน เจ้าหนี้จะต้องยกหนี้ให้ เป็นโมฆะไม่ต้องใช้คืน
การประกันภัยก็เริ่มพัฒนามาเรื่อย ๆ จากยุคโบราณมาถึงสมัยกลาง โดยประกันภัยในยุคแรก ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับพ่อค้าเป็นหลัก ซึ่งมีความเสี่ยงในการประกอบอาชีพผ่านการเดินทางที่อาจจะถูกโจรปล้น เกิดอุบัติเหตุ หรือประสบภัยธรรมชาติได้ง่ายดาย จึงเกิดประกันในรูปแบบของการกู้เงินแต่ถ้าประสบเหตุอันใดที่ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ ลูกหนี้ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรคืนเจ้าหนี้
ฟังดูอาจเหมือนเจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่ทั้งนั้นมันก็เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งอยู่ดี ถ้าลูกหนี้สามารถค้าขายได้ก็ต้องแบ่งเงินก้อนโตจ่ายคืนให้เจ้าหนี้เป็นค่าเงินกู้รวมดอกเบี้ยนั่นเอง แต่ถ้าลูกหนี้ค้าขายได้แต่ไม่ยอมจ่าย ก็จะถูกยึดอุปกรณ์ทำกินจนสิ้นเนื้อประดาตัว
⭐ ประกันภัยยุคใหม่ และประกันชีวิตเจ้าแรกของโลก ?
จากประกันภัยสำหรับผู้ประกอบอาชีพค้าขาย พอเข้าสู่สมัยใหม่ก็มีประกันที่หลากหลายมากขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา เช่นประกันทรัพย์สินจากเพลิงไหม้, ประกันธุรกิจ, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสังคม, ประกันสุขภาพ และ “ประกันชีวิต” แต่ละประกันก็มีวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือที่ต่างกันไป
ประกันชีวิตแห่งแรกของโลกเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน ศตวรรษที่ 18 ในชื่อ Amicable Society for a Perpetual Assurance Office โดยท่านบิชอปแห่งอ็อกฟอร์ด “วิลเลียม ทัลบอต” และ “เซอร์ โธมัส อัลเลน” โดยจะเป็นการจ่ายเบี้ยประกันรายปีให้บริษัท
ซึ่งประกันตัวนี้สามารถแชร์กับคนในครอบครัวสูงสุด 3 คน ในช่วงอายุตั้งแต่ 12-55 ปี ซึ่งเบี้ยที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นตามจำนวนคน ซึ่งถ้าเสียชีวิต เบี้ยที่จ่ายมาตั้งแต่ต้นก็จะถูกคืนให้แบบแบ่งหารกันกับคนในครอบครัว ซึ่งตอนแรกตั้งบริษัทก็มีผู้เข้าร่วมมากถึง 2,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งก็เริ่มมีประกันชีวิตเจ้าอื่นเปิดบริษัทตาม ๆ กันมา และขยายไปยังประเทศอื่น ๆ
⭐ ประกันชีวิตเจ้าแรกของไทย
สำหรับในประเทศไทยนั้น ได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าประกันชีวิตมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีบริษัทต่างชาติเข้ามาเปิดสาขาในไทย โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นคนไทยคนแรกที่ถือกรมธรรม์ แต่ก็มาติดตลาดจริง ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 7
แต่ทั้งนี้ กว่าที่ไทยจะมีบริษัทประกันเป็นของตนเอง ก็เข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประกันต่างชาติพากันย้ายหนีออกจากไทย ทำให้คนไทยริเริ่มที่จะตั้งบริษัทประกันชีวิตเป็นของตัวเองขึ้นมาโดยข้าราชการผู้ใหญ่ของไทยภายใต้ชื่อบริษัทไทยประกันชีวิต นั่นเอง
⭐ ประกันชีวิตสำคัญไฉน?
บางคนเราอาจจะให้ความสำคัญกับประกันสุขภาพเป็นหลักมากกว่าประกันชีวิต แต่ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่มีครอบครัว ประกันชีวิตก็นับว่าเป็นอะไรที่จำเป็นไม่แพ้กัน เพราะชีวิตนั้นไม่แน่นอน เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ประกันชีวิตจึงเป็นอีกหนึ่งหลักประกันที่จะทำให้เราอุ่นใจได้ว่าการจากไปของเราจะไม่เดือดร้อนคนข้างหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมไทยที่บ่อยครั้งในหลาย ๆ พื้นที่ นิยมจัดงานศพใหญ่โต ประกันชีวิตจึงจะเป็นตัวช่วยที่สามารถแบ่งเบาภาระคนข้างหลังได้ไม่มากก็น้อย
ผู้เรียบเรียง: ณัฐรุจา งาตา, Bnomics
ภาพประกอบ: บริษัทก่อการดี
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
#Bnomics #ประวัติศาสตร์ #ประกันชีวิต #BBL #ธนาคารกรุงเทพ #BangkokBank
- 60
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
