9 ม.ค. เวลา 13:00 • สัตว์เลี้ยง

3 เหตุผลหลัก ที่การฝึกหมาต้องไม่ทำร้าย

การฝึกหมานั้นเป็นศาสตร์ที่ไม่ได้มีหน่วยงานควบคุม หมายถึงว่าใคร ๆ ก็สามารถฝึกหมาได้โดยไม่ต้องอาศัยการขออนุญาตจากหน่วยงานอะไร และไม่ได้มีวิธีที่เป็นมาตรฐานสากลในการเลี้ยงหมา
ความยากของคนเลี้ยงโดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มต้นคือการพิจารณาว่าการฝึกแบบไหน หรือโรงเรียนฝึกหมาที่ไหนเหมาะสมกับหมาเรา และที่น่าสับสนกว่าเดิมคือการที่แต่ละแห่งมีวิธีของตัวเองที่ขัดกับที่อื่น คำแนะนำจากที่หนึ่งกลับตรงข้ามกับของอีกแห่ง โดยประเด็นใหญ่ ๆ คือเรื่องของการใช้การฝึกด้วยการทำร้ายหมาเป็นการลงโทษว่ามีประสิทธิภาพ และควรใช้หรือไม่
การฝึกหมาต้องไม่ทำร้าย
เจ้าของหลายคนได้รับคำแนะนำในการฝึกหมาอาจจะจากคนรอบตัว หรือครูฝึกให้ใช้วิธีที่เราอาจจะไม่สบายใจจะทำเช่น การตี การใช้ปลอกคอช็อตไฟฟ้า หรือปลอกคอหนาม โดยให้เหตุผลถึงประสิทธิภาพของวิธีเหล่านี้ และแนะนำให้ใจแข็งเพราะมันดีกับหมาในระยะยาว แต่ในความเป็นจริงแล้ววิธีเหล่านี้ในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นถือว่าไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพในการฝึกสุนัขไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
โดยสั้น ๆ แล้วการฝึกหมาด้วยการทำร้ายเขานั้น:
❌ไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาพฤติกรรมในระยะยาว
❌เรียนรู้ได้ช้ากว่าการฝึกหมาด้วยรางวัล
❌ทำลายความสัมพันธ์และความเชื่อใจกับเจ้าของ
❌ทำให้หมาเครียดสะสม และนำไปสู่ปัญหาความก้าวร้าว
❌ทำให้หมาไม่แสดงออกเวลาเจ็บปวด จนเราไม่รู้เวลาเขาไม่สบาย
❌สร้างความสับสน และความกลัว หมาหลายตัวหยุดตอบสนองกับการฝึกเพราะรับไม่ไหว
เราอยากที่จะให้การฝึกหมานั้นเป็นเรื่องง่ายกับทุกบ้าน และเป็นกิจกรรมที่สนุกไปกับทั้งคนและหมา นั่นหมายถึงว่าวิธีการฝึกนั้นต้องเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทำได้ง่าย และสนุกไปในตัว นั่นทำให้สำหรับเราแล้วการฝึกด้วยการทำร้ายหมาที่ทั้งไม่มีประสิทธิภาพ ตึงเครียด และส่งผลเสียตามมาด้วนั้นจึงไม่ใช่วิธีที่เราจะแนะนำให้ใครทำไม่ว่าในกรณีไหน โดยมีเหตุผลใหญ่ ๆ 3 ข้อดังนี้ครับ:
1: การฝึกโดยทำร้ายหมานั้นทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหมา
การทำร้ายหมาไม่ว่าจะด้วยมือเราเอง หรืออุปกรณ์ใด หรือแม้แต่การขู่หมานั้นส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหมา และความสัมพันธ์นี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างเรากับหมา ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีหมาจะฟังเรามากขึ้น ทำตามที่เราบอกมากกว่าหมาที่ไม่ไว้ใจเรา โดยเราสามารถสังเกตุความสัมพันธ์ที่ถดถอยระหว่างเรากับหมาได้ 3 ระดับจากสถานการณ์เหล่านี้
เวลาเราเดินเข้าใกล้ระหว่างเขากินข้าว
เวลาที่เราตัดเล็บให้เขา
เวลาที่เขานอนอยู่และเราเข้าใกล้
การตอบสนองต่อ 3 สถานการณ์นี้จะแตกต่างตามระดับความไว้วางใจ
ระยะที่ 1 หมาไว้ใจเรา: เขาจะไม่สนใจเรา หรือดีใจ
สถานการณ์ข้างต้นคือสถานการณ์ที่หมาต้องการความปลอดภัยที่สุด ถ้าเขาไว้ใจเราเขาจะโอเคกับการที่เราเข้าใกล้เขาในสถานการณ์เหล่านี้ แต่ถ้าเราใช้วิธีการฝึกที่ทำร้ายเขาไปเรื่อย ๆ ความสัมพันธ์ระถดถอยสู่ระยะที่ 2
ระยะที่ 2 หมาเริ่มไม่ไว้ใจ: เขาจะส่งเสียงขู่เราในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง หรือทั้งหมด
เขาไม่ค่อยสบายใจกับเราในสถานการณ์ที่เซนซิทิฟสำหรับเขา และพยายามสื่อสารกับเราว่าอย่าเข้ามาด้วยการส่งเสียงขู่ (เขายังพยายามสื่อสารกับเราอยู่) ถ้าเราตอบสนองการขู่นั้นด้วยการทำร้าย เช่น ตีเขาเวลาเราโดนขู่ ความสัมพันธ์จะเข้าสู่ระยะสุดท้าย
ระยะที่ 3 ความสัมพันธ์พังไปแล้ว: หมากัดเราในสถานการณ์เหล่านี้
หมาไม่สบายใจกับเราสุด และจะสื่อสารด้วยการขู่ไปก็ยิ่งเจ็บตัว หมาจึงตัดสินใจข้ามการสื่อสารไปเลย แล้วกัดเราแทนเพื่อให้เราไม่เข้าใกล้ ถ้าถึงจุดนี้ความสัมพันธ์ฟื้นคืนได้ยากแล้ว
หมามีความต้องการของเขาที่เราต้องทำความเข้าใจเพื่ออยู่ร่วมกัน โดยทั่วไปแล้วเขาจะเริ่มใช้วิธีการสื่อสารที่นุ่มนวลที่สุดก่อนเสมอ เช่น ถ้าไม่ชอบอะไรจะเบือนหน้าออก หรือเดินหนี แต่เมื่อเราทำร้ายเขาบ่อย ๆ ในการฝึก เขาจะเริ่มรู้สึกว่าเราไม่เข้าใจเขา จึงเริ่มใช้วิธีที่ชัดเจนขึ้นคือการขู่ โดยการขู่นี้ยังไม่ถือได้ว่าเป็นความก้าวร้าว เป็นความพยายามในการสื่อสารในรูปแบบหนึ่ง แต่เมื่อไหร่ที่เขายอมแพ้ที่จะสื่อสารกับเรานั่นแหละการกัดคือวิธีเดียวที่เขาจะรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่กับเรา
2: การฝึกด้วยการทำร้ายนั้นไม่ได้สอนวิธีที่ถูกต้องให้กับหมา
เรื่องที่ถูกเข้าใจผิดที่สุดเกี่ยวกับการทำร้ายหมาเพื่อฝึกคือคนที่ใช้วิธีนี้มักบอกว่ามันมีประสิทธิภาพที่สุดซึ่งไม่จริงเลย เพราะการทำร้ายหมานั้นมักทำเวลาที่เราต้องการลงโทษหมา เช่น ถ้าหมาฉี่บนพรม หรือเห่าใส่กระรอกเราจะตีเขา ด้วยวิธีนี้หมาอาจจะเรียนรู้ว่าเขาต้องไม่ฉี่บนพรม ไม่เห่าใส่กระรอก
แต่ปัญหาสำคัญของการใช้วิธีการแบบนี้คือหมาจะไม่รู้ว่าเขาต้องทำอะไรอยู่ดีถ้าเขาปวดฉี่ และเกิดปัญหาใหม่ไม่รู้จบ เช่น เปลี่ยนไปฉี่บนพื้น บนโซฟา บนเตียงแทน เพราะสำหรับหมาทั้งหมดนั้นคือคนละที่กัน การลงโทษหมาด้วยการตีนั้นหมาจะรู้แค่ว่าทำอะไรไม่ได้ กว่าที่หมาจะฉี่ให้ถูกที่ได้ด้วยวิธีนี้เขาเราอาจจะต้องตีเขาหลายสิบครั้ง และใช้เวลาหลายสัปดาห์ลยทีเดียว
ในทางตรงกันข้ามการฝึกด้วยรางวัลคือการฝึกให้เขารู้ว่าเขาควรฉี่บนแผ่น หรือบนหญ้าหมาจะมีเรื่องเดียวที่ต้องเรียนรู้ โดยใช้เวลาไม่นาน และไม่โดนตีสักทั้งเดียว
อีกอย่างคนอาจจะถามว่างั้นใช้ควบคู่กันไม่ดีกว่าเหรอ ? ตีเวลาฉี่ผิดที่ ให้รางวัลเวลาฉี่ถูกที่ ได้ไหม ? คำตอบคือไม่จำเป็นเลย เพราะการเรียนรู้หลัก ๆ ของเขาเกิดขึ้นเวลาที่เขาทำถูกและได้รับรางวัล การลงโทษเวลาที่ผิดไม่ได้ช่วยให้เขาเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และจะหงุดหงิด และเครียดจนทำให้เรียนรู้ยากกว่าเดิมเปล่า ๆ
3: การฝึกด้วยการทำร้ายหมานั้นส่งผลเสียต่อสุขถาพหมา
แน่นอนว่าการโดยทำร้ายร่างกายหมาส่งผลเสียต่อสุขภาพกายหมาแน่ ๆ แต่ต่อให้เราใช้วิธีที่เบาหน่อยและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวสุขภาพจิตหมาก็ได้รับผลกระทบอยู่ดี หมานั้นเริ่มจากความไว้ใจกับเราสูงการโดนทำร้ายโดยคนที่ไว้ใจนั้นสร้างบาดแผลให้เขา ส่งผลให้เขาเครียด กระวนกระวาย
และการโดนทำร้ายบ่อย ๆ ทำอะไรก็โดนลงโทษไปหมดก็ส่งผลให้เขาขาดความมั่นใจไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลระยะยาวต่อหมาที่ต่อให้เราเลิกใช้วิธีการทำร้ายกับเขาไปแล้วนั้น เขาก็จะเป็นหมาที่เครียดง่าย และขาดความมั่นใจอยู่ดี นำไปสู่ปัญหาความก้าวร้าวได้ง่ายขึ้น
ทำไม Dogology ถึงฝึกหมาด้วยวิธีเชิงบวก 100%
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ทำให้ที่ Dogology เราเชื่อในการทำให้การฝึกหมานั้นเป็นเรื่องง่ายกับทุกคนและให้ทั้งคนและหมาสนุกไปกับกิจกรรมการฝึกและวิธีการที่ดีที่สุดคือวิธีการฝึกเชิงบวกที่ทั้งสนุกและมีประสิทธิภาพวิธีการฝึกที่ดีนี้จะทำให้หมามั่นใจและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ดีกับเจ้าของไปด้วยในตัวการฝึกแบบที่อ้างอิงวิทยาศาสตร์นั้นสามารถที่จะช่วยให้หมาเรียนรู้ที่จะอยู่กับเราได้อยู่สบายใจกันทุกฝ่ายจริงๆโดยไม่ต้องอาศัยการทำร้ายกันและกัน
นอกจากนั้นจากประสบการณ์เราพบว่าหมาที่ฝึกด้วยวิธีที่ถูกต้องนั้นสามารถเป็นหมาที่ทั้งเลี้ยงง่ายมารยาทดีและอารมณ์ดีมีความสุขที่ได้จริงๆดังนั้นที่ Dogology เราไม่เห็นความจำเป็นต้องทำร้ายหมาไม่ว่าในกรณีใดๆและไม่แนะนำให้ครอบครัวไหนทำเช่นกันครับ
ติดตามบทความอื่น ๆ ของเราได้ที่ https://dogology.org
โฆษณา