9 ม.ค. เวลา 13:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ขอรีวิวร้านทอง (Grid Trade System) ครบ 3 เดือน

ผมเคยบอกแล้วว่าผมเป็นคนเทรดไม่เก่ง เคยสร้างพอร์ตให้โตได้ไวในไม่กี่เดือน แต่ก็แตกได้ไวเพียง 1 วัน และเป็นแบบนี้มา 2-3 ครั้ง จนยอมรับละว่า ผมเทรดไม่เก่งจริงๆ แล้วผมก็ได้มารู้จักกับการเทรดแบบ Grid และสมการ
Return = Cash + Beta + Alpha
ซึ่งมันทำให้ชีวิตการเทรดของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ผมเริ่มจากการสร้าง Beta ก่อน (สร้างกระแสเงินสด) เพื่อจะได้เอาเงินออกมาเทรด Alpha พอร์ตต่อ (สร้างกำไร แต่เสี่ยงมากกว่า) Beta ของผมแบ่งเป็นสินทรัพย์ Bitcoin ผ่าน OKX ซึ่งใช้ BOT เทรดเลย ไม่มีอะไรพลิกแพลงเลยครับ ผมแทบจะไม่ได้เข้าไปดูแลมันเท่าไหร่ มาดูตอนสิ้นเดือนว่าได้เงินออกมาเท่าไหร่
ส่วนอีกหนึ่งสินทรัพย์คือ "ทอง" (ร้านทอง) ผ่าน Vantage พอร์ตเป็น Grid เหมือนกับ OKX แต่ผมเทรดมือเอง เลยสามารถใส่ลูกเล่นได้เยอะ ลองได้เยอะ อิสระมาก แต่ก็ต้องคอยมาดูแลอยู่ทุกวัน
ร้านทองของผมเริ่มมาตั้งแต่เดือน ตุลาคม 67
ทุนตั้งต้น: USC 50,000
:: ผลประกอบการเดือนตุลาคม
Balance: USC 56,254.33
+ โตจากทุนก่อนหน้า: 12.51% (ณ. เดือนนี้คือ USC 50,000)
+ โตจากทุนตั้งต้น: 12.51%
Equity: USC 40,654.33
+ โตจากทุนก่อนหน้า: -18.69% (ณ. เดือนนี้คือ USC 50,000)
+ โตจากทุนตั้งต้น: -18.69%
:: ผลประกอบการเดือนพฤศจิกายน
Balance: USC 76,250.94
+ โตจากทุนก่อนหน้า: 35.55% (ณ. เดือนนี้คือ USC 56,254.33)
+ โตจากทุนตั้งต้น: 52.50%
Equity: USC 53,250.94
+ โตจากทุนก่อนหน้า: 30.98% (ณ. เดือนนี้คือ USC 40,654.33)
+ โตจากทุนตั้งต้น: 6.50%
:: ผลประกอบการเดือนธันวาคม
Balance: USC 91,564.64
+ โตจากทุนก่อนหน้า: 20.08% (ณ. เดือนนี้คือ USC 76,250.94)
+ โตจากทุนตั้งต้น: 83.13%
Equity: USC 80,162.64
+ โตจากทุนก่อนหน้า: 50.54% (ณ. เดือนนี้คือ USC 53,250.94)
+ โตจากทุนตั้งต้น: 60.33%
เอาจริงๆเลยถ้าจะดูมูลค่าของพอร์ต ผมจะมองที่ Equity เพราะถ้าหากจะปิดพอร์ตทันที เงินที่ผมจะได้รับจะเท่ากับ Equity นี่แหละครับ
พอเทรดด้วยระบบ Grid มาได้สักระยะ ก็จะรับรู้ได้ว่า ไม่ว่ายังไงพอร์ตก็จะมี Unrealize Loss อยู่เสมอ เพราะมันจะมีไม้ที่เปิดรอเอาไว้ตามระบบ แต่บอกเลยว่าถ้าเล่นตามระบบอย่างเดียว พอร์ตจะไม่โตด้วยความไวแบบนี้ แต่เพราะเป็นการเทรดด้วยมือ ทำให้มีการรวบไม้ เบิ้ลไม้ เพิ่ม Lot เทรดทั้งหน้า Buy และ Sell ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยง แต่ก็ทำให้ได้กำไรที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ผมขอสรุปข้อดี และข้อเสียของการเทรด Grid เท่าที่ผมคิดออกดังนี้
ข้อดี:
1. ผมหาเงินได้ทั้งขาขึ้น และขาลง รวมถึงช่วง Sideway ด้วย
2. ด้วยการวางเงินแบบที่คำนวณมาอย่างดี ทำให้ผมไม่กลัวที่จะพอร์ตระเบิด
3. และเนื่องจากไม่กลัวพอร์ตระเบิด เลยทำให้เริ่มเข้าใจว่า เวลาคนที่เทรดมานาน เทรดเก่งๆ ทำไมเวลาเขาเสียสักครั้ง จิตใจเขาถึงยังนิ่งอยู่ได้ เพราะเขาจะพูดเสมอว่า พอร์ตที่เขามาเล่นเก็งกำไรนั้น เป็นแค่ไม่กี่ % ของเงินทั้งหมดของเขา นั่นหมายถึงต่อให้เขาเสียไปสัก 2-3 ไม้ เขาก็จะยังไม่รู้สึกอะไร
4. พอเทรดแบบระบบไปสักระยะ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่าอยากหาระบบเทรดอื่นๆมาลอง ซึ่งผมไม่กลัวที่จะแพ้ระหว่างทาง แค่สุดท้ายปลายเดือน ผมรู้ว่าระบบนั้นๆสามารถสร้างเงินให้ผมได้เท่าไหร่ คิดเป็นกี่ %
ข้อเสีย:
1. ใช้ Budget สูง เพราะต้องครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด
2. มัน Scale ยาก การเอาเงินเติมเข้าไปในระบบ Grid ก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะการ action ในแต่ละ Grid มันก็ต้องควบคุมความเสี่ยงอยู่ดี พูดง่ายๆคือ Lot ที่ใช้ ก็จะไม่สามารถเพิ่มขึ้นแบบหลาย % ได้
:: เริ่มต้นปีใหม่นี้ 2568 สิ่งที่อยากจะทำ
1. คิดระบบอื่น(ที่สามารถ Scale ได้ง่าย) บน Grid ตัวนี้ก่อน ถ้าได้ระบบใหม่ที่ค่อนข้างมั่นใจ ก็จะเอาไปใช้กับอีกพอร์ต มองเป็นพอร์ต Alpha
2. จะเริ่มดึงเงินจากระบบไปใช้ในพอร์ต Alpha ใหม่ได้ก็ต่อเมื่อ มี Equity อยู่ที่ USC 100,000 ซึ่งน่าจะได้อีกเพียงไม่กี่เดือน น่าจะประมาณ มีนาคม และเมื่อถึงตอนนั้น ระบบใหม่ที่จะคิดขึ้นมาก็น่าจะพร้อมนำไปทดสอบได้
====ช่องทางติดตาม====
Line OA: @npmestory หรือคลิก https://bit.ly/NPmeLine

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา