Blockdit Logo (Mobile)
BAYCOMS
•
10 ม.ค. เวลา 03:24 • ไอที & แก็ดเจ็ต

เปิดเทรนด์และกลยุทธ์เพื่อต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ ในปี 2025

ก้าวเข้าสู่ปี 2025 ที่เรายังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาชญากรรมทางไซเบอร์ จนบดบังอาชญากรรมในรูปแบบอื่น ๆ ด้วยความซับซ้อนที่มากขึ้นและนวัตกรรมภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เหล่าอาชญากรคิดค้นขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้คน
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้เผชิญหน้ากับศัตรูนี้ด้วยความมุ่งมั่น ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างรอบคอบของ พล.ต.ท.จริภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ซึ่งไม่ยอมแพ้ในการแสวงหาความเข้าใจและทำลายเครื่องมือที่ซับซ้อนซึ่งสร้างขึ้นโดยอาชญากรทางไซเบอร์
ท่ามกลางรายงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดปีที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ ซึ่งพบว่ามีการแจ้งความเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Thai Police Online (TPO) ตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน 2024 ถึง 279,861 รายการ ซึ่งเกิดความเสียหายรวมมากกว่า 28,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ การหลอกลวงด้านบริการมีจำนวนมากที่สุด แต่การหลอกลวงด้านการลงทุนกลับสร้างความเสียหายมากที่สุด คิดเป็นเงินกว่า 10,229 ล้านบาท
จากการสำรวจผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อ โดยส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน อายุระหว่าง 25 ถึง 45 ปี ที่มีกำลังซื้อสูง และตามมาด้วยผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่ต้องต่อสู้กับความซับซ้อนของภัยคุกคามอย่างยากลำบากด้วยความห่างไกลจากความรู้ทางไซเบอร์
พล.ต.ท.จิรภพ ให้ความเห็นว่าในปี 2025 นี้ อาชญากรรมทางไซเบอร์อาจจะรุนแรงขึ้น แม้ประชาชนจะเริ่มตระหนักรู้มากขึ้น แต่กลุ่มมิจฉาชีพก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หันไปเน้นการหลอกลวงที่ให้ผลตอบแทนรวดเร็ว พร้อมกับกลวิธีที่ดึงดูดใจมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากการโทรหลอกลวงธรรมดาไปสู่การจัดงานแฟร์การลงทุนที่ดูน่าเชื่อถือ
กลุ่มมิจฉาชีพใช้จิตวิทยาและเทคโนโลยีเพื่อหลอกลวง สร้างภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือผ่านการโชว์ชีวิตหรูหราในโซเชียลมีเดีย การจัดสัมมนาที่ดึงดูด และการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นเครื่องมือช่วยโปรโมต โดยผลการวิเคราะห์จากสำนักงานสอบสวนกลาง เผยให้เห็นรูปแบบการหลอกลวงอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือกลุ่มอาชญากรไซเบอร์มีวิธีการหลอกลวงที่เน้นแสวงหากำไรจากสินค้าหรือบริการที่ไม่มีอยู่จริง โดยสร้างข้อมูลที่ดูน่าเชื่อถือเพื่อหลอกล่อเหยื่อ
พวกเขาใช้ความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับจุดอ่อนทางอารมณ์ของเหยื่อ เช่น ความโลภและความกลัว และใช้กลยุทธ์เร่งรัดให้เหยื่อตัดสินใจอย่างรวดเร็ว วิธีการเหล่านี้ทำให้การหลอกลวงมีประสิทธิภาพและยากต่อการตรวจจับ
CIB ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ในสังคม ผ่านการรณรงค์หลายช่องทาง เช่น Facebook, Line, TikTok รวมถึงการลงพื้นที่ในชุมชนและโรงเรียน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบที่มาของสายโทรศัพท์ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และการป้องกันภัยไซเบอร์ในระบบธนาคารออนไลน์ รวมถึงยังร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น จีน และสหรัฐฯ โดยความสำเร็จที่โดดเด่นคือการร่วมมือกับ FBI ในการปราบเครือข่ายมัลแวร์ “911 S5” แสดงให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างประเทศสามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้
สำนักงานสอบสวนกลาง เปิดเผยว่าการใช้กลยุทธ์ 4 ข้อที่สำคัญในการสอบสวนภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้แก่
1. คราะห์แนวโน้มข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพอย่างละเอียด เพื่อตรวจจับและเชื่อมโยงหลักฐานดิจิทัล
2. ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง รวมถึงการวิเคราะห์ IP และการสื่อสารของกลุ่มมิจฉาชีพ
3. พัฒนาความรู้ด้านเทคโนโลยีของเจ้าหน้าที่ โดยการนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและแก้ปัญหา รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมเพื่อหยุดยั้งการหลอกลวง เช่น การแทรกแซงซิมการ์ด
4. การป้องกันเชิงรุก สร้างระบบแจ้งเตือนและพัฒนากลไกป้องกัน เช่น บริการแจ้งเตือนสายหลอกลวง (*1185#) เพื่อป้องกันการโจมตีล่วงหน้า
แม้การบังคับใช้กฎหมายจะดีที่สุด แต่ก็ยังต้องการการสนับสนุนจากประชาชน โดยแนะนำให้ตรวจสอบข้อเสนอที่น่าสงสัย หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์โดยไม่ตรวจสอบ และใช้การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย หากสงสัยว่าถูกหลอกลวง อย่ารอช้า ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือธนาคารทันที “
กลุ่มมิจฉาชีพอาศัยความรีบร้อนของเหยื่อเป็นช่องทาง ฉะนั้นจงตั้งสติ คิดให้รอบคอบ และอย่ากลัวที่จะขอคำปรึกษา” พล.ต.ท.จิรภพกล่าว พร้อมฝากข้อคิดสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ นี่คือบทเรียนสำคัญในยุคที่อาชญากรรมไซเบอร์กลายเป็นความท้าทายที่ทุกคนต้องเผชิญ
นึกถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไว้ใจ BAYCOMS
Your Trusted Cybersecurity Partner
ติดต่อสอบถามหรือปรึกษาเราได้ที่ :
Bay Computing Public Co., Ltd
Tel: 02-115-9956
#BAYCOMS #YourTrustedCybersecurityPartner #Cybersecurity
โฆษณา