Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สันติ ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ
•
ติดตาม
11 ม.ค. เวลา 02:37 • ครอบครัว & เด็ก
มนุษย์ทุกคนเกิดมาตาบอด?
ยอห์น 9:1-7 TH1971
[1] เมื่อพระองค์เสด็จดำเนินไปนั้น ทรงเห็นชายคนหนึ่งตาบอดแต่กำเนิด [2] และพวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ใครได้ทำผิดบาป ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด>>
[3] พระเยซูตรัสตอบว่า <<มิใช่ว่าชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขาได้ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอด เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา [4] เราต้องกระทำพระราชกิจของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังวันอยู่ เมื่อถึงกลางคืนไม่มีผู้ใดทำงานได้ [5] ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นความสว่างของโลก>>
[6] เมื่อตรัสดังนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ดิน แล้วทรงเอาน้ำลายนั้นทำเป็นโคลนทาที่ตาของคนตาบอด [7] แล้วตรัสสั่งเขาว่า <<จงไปล้างโคลนออกเสียในสระสิโลอัมเถิด>> (สิโลอัมแปลว่า ใช้ไป) เขาจึงไปล้างแล้วกลับมาก็เห็นได้
https://bible.com/bible/275/jhn.9.3-7.TH1971
หลายคนได้มาพบกับคริสตจักร ได้ฟังพระคำความจริง ได้รู้ว่าพระเยซูมาตายไถ่บาปทำให้พระเจ้าอภัยบาปแล้วยังไง แต่กลับออกไปใช้ชีวิตตามใจตัวเองเหมือนเดิมครับ?
หมายความว่าไม่เชื่อเลยกับเรื่องที่ได้ฟังมาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ถ้ามันเชื่อว่าการใช้ชีวิตตามความคิดตามใจตัวเอง ไม่ตามพระเจ้าจะต้องตายต้องพินาศและไปนรกแน่นอน คนปกติจะกล้ากลับไปอีกเหรอครับ นอกเสียจากไม่เชื่อว่าพระคำบอกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั่นคือความจริง
มีหลายคนที่อ้างว่าเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่การดำเนินชีวิตแทบไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคริสตจักร แล้วบอกเชื่อพระคัมภีร์ฯ ได้ยังไง?
บางคนมาโบสถ์ประจำ แต่ถวายเพื่อสนับสนุนงานคริสตจักรไม่เอาเลย แล้วบอกเชื่อพระเจ้าหรือพระคัมภีร์ฯได้ยังไง?
งานของผมก็คือประกาศสั่งสอนความจริงเหล่านี้เพราะเห็นว่ามันเป็นคำตอบ เป็นทางรอดของมนุษย์ทุกคน กับการหันกลับมาหาพระเจ้า เจ้าของทุกชีวิตในจักรวาลนี้ครับ
แต่ผมก็ได้คิดต่อแบบนี้ครับว่า เพราะทุกสิ่งเป็นมาจากพระเจ้า พระองค์ได้ตายเพื่อให้ทุกคนได้พ้นความบาป บริสุทธิ์ชอบธรรมแล้ว ทุกคนสามารถกลับมาหาพระเจ้าได้แล้ว แต่เพราะยังไม่รู้หรือได้ฟังได้รู้แล้วแต่ยังไม่เชื่อและยังอยู่ในโลกที่มีมารซาตานคอยล่อลวงตลอดเวลา จึงเป็นเหมือนทำสงครามกันครับระหว่างพระเจ้าผู้พยายามจะช่วยพามนุษย์ออกจากอำนาจของมารซาตานผ่านทางบรรดาคนของพระเจ้าหรือคริสเตียนนี้ครับ
ผมเห็นคนมาโบสถ์ประจำก็เลยขอบคุณตรงที่ไม่ต้องไปหาพวกเขาเองฝ่ายเดียวครับพระเจ้าพามาให้ ก็ค่อยไปสอนพระคำไปให้จิตใจค่อยๆเปลี่ยนไป กับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ก็มาจากจิตใจที่พระเจ้าให้กับเขาเท่านั้น ผมก็เรียนรู้ที่จะรับเขาให้ได้ในสภาพนั้นครับ เพราะพระเจ้าต้องการให้วางใจเพียงพระเจ้า ไม่ได้ขึ้นกับมนุษย์หรือสถานการเป็นอย่างไร ก็เห็นพระเจ้าค่อยๆสร้างจิตใจผมแบบนี้ด้วยครับ
ช่วงแรกๆ ผมก็จะติดกับธรรมบัญญัติมาก ก็จะใช้กำลังความสามารถตัวเองเยอะมากเพื่อจะเปลี่ยนคนอื่นหรือสถานการนี้ครับ มันไม่ได้เปลี่ยนจริงครับ ถ้าพระคำยังไม่เข้าไปเปลี่ยนจิตใจ ไม่มีทางเปลี่ยนครับ ก็แค่เสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าให้ถูกยอมรับ แต่ลับหลังหรืออยู่ลำพังก็อีกอย่าง ใช้ชีวิตแบบหน้าซื่อใจคดกันแบบนี้ครับ แต่ตอนที่ความเชื่อเข้ามามันก็เป็นอิสร อยู่ได้รับได้กับทุกสภาพที่ตัวเองเป็นหรือปรากฏ เพราะชีวิตมันขึ้นกับพระเจ้าล้วนๆ อยู่ด้วยพระคุณพระองค์ ไม่ได้ขึ้นกับสิ่งอื่นครับ
กับสภาพที่พระเจ้าให้ผมอยู่ตอนนี้คือน่าจะดูต่ำต้อยยากจนในสายตาหลายคนครับ ทั้งความสามารถด้วยไม่ใช่แค่ทรัพย์สมบัติ ถ้าผมไม่มีพระเยซูก็รับไม่ได้ อยู่ยากจริงๆ แหล่ะครับกับการต้องมีครอบครัวด้วย
แต่มันก็ช่วยให้ผมได้ใกล้ชิดกับพระเจ้าได้ง่ายขึ้นครับกับสภาพนี้ เพราะไม่ต้องไปให้เวลากับการดูแลจัดการกับทรัพย์สมบัติอื่นอะไรมากมาย แนะนำคนอื่นก็ให้พระคำ เขาจะรับหรือไม่มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของผม มันเป็นเรื่องของเขากับพระเจ้าไปแล้วหลังจากเขาได้ฟังพระคำ
มาอยู่พังงาก็ได้เจอกับคนที่เชื่อว่ามีพระเจ้าด้วย แต่ส่วนมากก็แค่เชื่อว่ามีพระเจ้าแต่ไม่รู้จักพระเจ้าครับ เหมือนผมรู้จักกับประธานาธิบดีสหรัฐ คือแค่รู้ว่าใครเป็นประธานาธิบดี แต่เขาก็ไม่ได้รู้จักกับผมนะครับ ประมาณนั้นกับการรู้จักกับพระเจ้าของผู้คนที่นี่ การใช้ชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆ อ้างพระเจ้าแบบตามความเคยชินตามที่เคยได้เรียนรู้มาเฉยๆ ไม่ใช่ออกมาจากจิตใจของพวกเขาแต่พูดออกมาจากสมองความจำที่เคยได้รับรู้มาเท่านั้นครับ
ผมเองก็เลยได้เรียนรู้หรือเห็นปัญหาตัวเองจากพวกเขาแบบนี้ครับ พระเจ้าก็กำลังสร้างจิตใจของผมผ่านทางทุกคนที่เข้ามาในชีวิตให้ผมได้เห็นความสกปรกชั่วร้ายของตัวเองยังไงผ่านทางพวกเขา เพื่อจะได้เลิกวางใจตัวเองหันมาวางใจเพียงพระเจ้าแบบนี้ครับ
แต่เพราะไม่รู้จักพระเจ้า หลายคนก็เลยไปเสียเวลากับการพยายามจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคนรอบตัวมากกว่าแก้ไขจิตใจตัวเองมากกว่าสนใจจิตใจพระเจ้าครับ ชีวิตจึงมีแต่เครียดเหนื่อยยากพักผ่อนไม่ได้จริง เพราะไปทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กำลังจะทำหน้าที่แทนพระเจ้านี้ครับ
ตลอดมามนุษย์ทุกคนเกิดมาก็เหมือนคนตาบอดแต่กำเนิดในพระคำตอนนี้ครับ ชีวิตจึงไม่รู้สึกทุกข์ทรมานอะไรมากมายเพราะมันชินไปแล้ว มนุษย์เกิดมาในความบาปหรือใช้ชีวิตอยู่นอกพระเจ้า มันจึงไม่ได้รู้สึกทุกข์ทรมานอะไรกับการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมีพระเจ้า แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่หันกลับมาหาพระเจ้า ปลายทางสุดท้ายก็จะไปจบลงที่นรกครับ
คนตาบอดได้รับโคลนจากพระเยซูทาที่ตาบอดแล้วพระเยซูก็บอกให้ไปล้างออกที่สระสิโลอัม ก็เหมือนกับตอนที่ได้มาพบกับคนของพระเจ้าสอนพระคำให้แล้วก็ใช้ทำอะไรบางอย่าง พอตามไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็เริ่มเห็นได้ครับกับโลกใหม่ของพระเจ้า ได้เห็นจิตใจของพระเจ้าผ่านทางทุกสถานการหรือทุกคนรอบตัวอบบนี้ครับ
ตอนแรกๆที่ผมได้มาเจอกับคริสตจักรหรือคนของพระเจ้า ผมรับได้ยากมากครับกับการจูงนำให้ทำอะไร เพราะมักบอกให้ทำในสิ่งที่ผมไม่ถนัด ไม่ชอบบ่อยๆครับ แต่กับสิ่งที่ผมถนัดพอทำให้กับที่คริสตจักรก็กลับตำหนิต่อว่าด้วย?
แต่หลังจากได้หักห้ามใจติดตาม ยอมรับการจูงนำของผู้รับใช้ มันก็เริ่มเห็นครับกับโลกใหม่ของพระเจ้าหรือโลกจิตใจนี้ครับ
ปัญหาของหลายคนมาโบสถ์ก็ทำนองเดียวกันกับที่ผมได้เจอมาแล้วครับ คือเพราะมันยังใช้ตาตัวเองตัดสินผู้รับใช้ ยังใช้ความคิดประสบการหรือมาตรฐานของตนตัดสิน ก็เลยรับยากกับการรับการจูงนำจากผู้รับใช้ เพราะตาตัวเองยังใช้อยู่ ยังเชื่อจิตสำนึกอยู่ เหมือนพวกฟาริสีถ้าพระเยซูจะเอาโคลนน้ำลายไปป้ายตาพวกเขาก็ไม่มีทางจะยอมให้ทำ พวกเขาจึงได้แต่ต้องเป็นคนตาใจบอดต่อไปเท่านั้นครับ
ยอห์น 9:39-41 TH1971
[39] พระเยซูตรัสว่า <<เราเข้ามาในโลกเพื่อแก่การพิพากษา เพื่อให้คนทั้งหลายที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น และคนที่มองเห็นกลับตาบอด>> [40] เมื่อพวกฟาริสีที่อยู่ใกล้พระองค์ได้ยินอย่างนั้น จึงกล่าวแก่พระองค์ว่า <<เราตาบอดด้วยหรือ>> [41] พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ถ้าพวกท่านตาบอดพวกท่านก็จะไม่มีความผิดบาป แต่บัดนี้ท่านพูดว่า <เรามองเห็น> เหตุฉะนั้นความผิดบาปของท่านจึงยังมีอยู่
https://bible.com/bible/275/jhn.9.39-41.TH1971
ช่วงนี้พระเจ้าได้ให้ผมคิดถึงสมาชิกใหม่คนหนึ่งทำธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้า แล้วเกิดหนี้สินเป็นล้าน ได้คุยกับเขาบอกไม่ค่อยได้มาโบสถ์เพราะอยากรีบๆ ทำงานปลดหนี้ พระเจ้าเคยใช้ปากผมเตือนเขาระวังจะตายคางาน ก็ไม่พอใจที่ถูกเตือนแบบนี้ครับ
ผมก็เลยได้กลับมาคิดว่าผู้คนมากมายก็กำลังใช้ชีวิตแบบนั้น คือยังเชื่อว่าตัวเองสามารถควบคุมได้ถ้าพยายามมากพอ ไม่เชื่อว่าเป็นมนุษย์นั้นอ่อนแอแค่ไหน ใจมันขยันทำได้หมด แต่ร่างกายมันมีขีดจำกัดไม่สามารถรับได้จริง ถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอสามารถช้อคตายได้แบบไม่ทันตั้งตัวเลย
ถ้าเป็นผม ผมจะทำแบบปกติครับ ถึงเวลาพักก็พัก นอนก็นอน ถึงเวลาไปโบสถ์อ่านฟังพระคำก็ทำ หนี้ก็ทยอยให้ตามกำลังตามรายได้จริงแบบนี้ครับ ถ้าพระเจ้าจะให้หนี้หมดเร็วพระเจ้าก็จะทำให้ง่ายๆครับ เพราะเราไม่ได้หนีไปไหนครับ
ถ้าพระเจ้าให้เจอกับเรื่องแบบนี้ก็เรียนรู้กับพระเจ้าในสถานะนี้ครับ ทำไมจะต้องรีบหนีออกไปเร็วๆ ถ้ายังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากพระเจ้าในสภาพนี้ก็สูญเปล่ากับชีวิต แต่ก็อยู่แบบนี้รายได้เข้ามาก็กินใช้เพื่อตัวเองส่วนนึง จ่ายหนึ้ส่วนนึงตามรายได้จริงที่เข้ามาครับ ถึงเวลาไปโบสถ์ไปร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องก็ไป ถึงเวลาอ่านฟังพระคำก็ทำ มีโอกาสเผยแพร่กับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เวลาวันนึงก็จัดสรรให้ได้ทุกอย่าง
ก็บอกกับเจ้าหนี้เราทำได้เท่านี้กับการหาเงินบอกกับเขาตรงๆ ต้องแสวงพระเจ้าด้วยเพื่อจะมีแรงกำลังในการดำเนินชีวิต ถ้าให้โหมเอาแต่หาเงินอย่างเดียวหนักกว่านี้เราตายก่อนเขาก็จะไม่ได้อะไรเลย
มัทธิว 6:31-33 TH1971
[31] เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม [32] เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ [33] แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
https://bible.com/bible/275/mat.6.31-33.TH1971
ข่าวรอบโลก
พัฒนาตัวเอง
ความรู้รอบตัว
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย