12 ม.ค. เวลา 07:00 • ธุรกิจ

‘Eat Am Are’ มีหนาว? ไมเนอร์เปิด ‘The Steak & More’ ชี้ แบรนด์ใหญ่ก็ต้องปรับตัว

มีแค่ “Sizzler” ไม่พอแล้ว? ไมเนอร์ฟู้ดเปิด “The Steak & More” ร้านสเต๊กราคาประหยัด เริ่มต้น 129 บาท เจาะกลุ่มตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงพนักงานห้าง มองตลาดสเต๊กร้อนแรงสูสีสุกี้ชาบู แม้เป็นเจ้าใหญ่ก็ต้องปรับตัวไว ตั้งเป้าเปิดให้ได้ 70 สาขา ภายใน 3 ปี
ยักษ์เจ้าตลาดร้านอาหารในบ้านเรามีอยู่ไม่กี่แห่ง “ไมเนอร์ฟู้ด” คือเบอร์ต้นที่มีเครือร้านอาหารในมือมากที่สุดแห่งหนึ่ง ครบลูปทั้งคาว หวาน ร้านกาแฟ ไปจนถึงอาหารจีน แต่ท่ามกลางความดุเดือดของตลาดร้านอาหารมูลค่าแสนล้านบาท พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทรนด์การกินที่มาไวไปไว และต้องอาศัยการสร้าง “New S-Curve” ใหม่ๆ ตลอดเวลา ทำให้แม้แต่ “ไมเนอร์ฟู้ด” ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้
โดยเฉพาะในตลาดสเต๊กที่ผู้บริหารไมเนอร์ฟู้ดมองว่า อุณหภูมิร้อนแรงสูสีกับตลาดสุกี้ชาบูและตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ แม้ว่าปีที่ผ่านมา “ซิซซ์เลอร์” (Sizzler) เชนสเต๊กในเครือจะเติบโตทั้งยอดขายและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นิ่งนอนใจได้
1
มาปีนี้ “ไมเนอร์ฟู้ด” ส่งแบรนด์ใหม่ที่ไม่ได้เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ หากแต่เป็นการปั้นเองขึ้นมาทั้งหมด ภายใต้ชื่อ “เดอะสเต๊กแอนด์มอร์” (The Steak & More) ประเดิมสาขาแรกที่เซ็นทรัล เวสต์เกต บนเนื้อที่ 150-220 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 129 บาทต่อจาน
“อนุพนธ์ นิธิยานันท์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าถึงที่มาที่ไปของ “เดอะสเต๊กแอนด์มอร์” ให้ฟังว่า ร้านสเต๊กน้องใหม่แห่งนี้เกิดจากการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ที่มีผู้เล่นทยอยเดินลงสนามมากมาย สำหรับ “ซิซซ์เลอร์” แม้จะเป็นร้านสเต๊กเหมือนกัน แต่ก็อยู่ในตลาดพรีเมียมแมสไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันสเต๊กไม่ได้มีแค่ตลาดบน ยังมีช่องว่างสำหรับกลุ่มแมสที่มี “Price Positioning” ต่างกัน
ภาพใหญ่ของตลาดสเต๊กตอนนี้คล้ายกับตลาดสุกี้ชาบู และตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ที่มีผู้เล่นหน้าเก่าขึ้นไปอยู่ระดับพรีเมียม ขณะเดียวกันก็มีผู้เล่นหน้าใหม่เจาะตลาดแมสด้วยราคาที่ย่อมเยากว่า เข้าถึงง่ายกว่า ตัดสินใจง่ายกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “ไมเนอร์ฟู้ด” ปั้นแบรนด์ใหม่เพื่อสู้ศึกแบบ “ดักซ้ายดักขวา”
ผู้บริหารระบุว่า ทีมใช้เวลาในการก่อร่างสร้าง “เดอะสเต๊กแอนด์มอร์” ราวๆ 5-6 เดือนเท่านั้น เนื่องจากการจัดการหลังบ้าน โดยเฉพาะส่วนของ “Raw Material” หรือวัตถุดิบ มีความคล้ายคลึงกับธุรกิจเดิมในเครืออยู่แล้ว รวมถึงระบบซัพพลายเชนที่ทำให้แบรนด์มีข้อได้เปรียบหลายอย่างด้วย
กลิ่นอายรสชาติแบบไทยๆ ของ “เดอะสเต๊กแอนด์มอร์” เกิดจากการถอดบทเรียนจากแบรนด์ซิซซ์เลอร์มาประกอบกันด้วย “อนุพนธ์” ระบุว่า ถ้าสังเกตเวลาซิซซ์เลอร์ออกเมนู “Seasonal” ที่มีความเป็นเวสเทิร์นมากๆ อาทิ กุ้งล็อบสเตอร์ พวกนี้ได้ภาพลักษณ์ จัดจานออกมาสวย แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าเมนูไทยๆ แบบ “ขาหมู” หรือ “สปาเกตตี้ขี้เมาซีฟู้ด” แม้กระทั่งฝั่งแบรนด์ของหวานก็พบว่า มีแนวโน้มคล้ายคลึงกัน ภาพจำและเมนูยอดนิยมของ “สเวนเซ่นส์” ก็ยังเป็น “มะม่วงอกร่องทองซันเด” หรือ “ทุเรียนหมอนทองซันเด” อยู่ดี
หากถามว่า ช้าไปหรือไม่ที่เพิ่งเข้ามาเจาะตลาดนี้ ขณะที่แบรนด์สเต๊กแมสเจ้าอื่นๆ อย่าง “Eat Am Are” สร้าง “Brand Love” ได้อยู่หมัดจนเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้บริหารมองว่า เป็นเวลาที่เหมาะสม และออกจะเร็วมากด้วยซ้ำไป เพราะเห็นบทเรียนจากตลาดสุกี้ชาบูมาแล้วเลยทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น ประกอบกับเป็นการสร้างมาจากสิ่งที่ไมเนอร์ฟู้ดมีอยู่แล้วจึงใช้เวลาเพียงไม่นาน ได้เรียนรู้ถึงการปรับตัวของแบรนด์ที่อยู่ในไทยมานาน ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างจนมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาจับตลาดได้
โฆษณา