12 ม.ค. เวลา 04:19 • ความคิดเห็น

ของขวัญปีใหม่จากปรมาจารย์

เมื่อเช้าผมได้มีโอกาสเจอพี่ต๋อย ไตรภพ ลิมปะพัทธ์ พิธีกรในตำนานของไทย โดยบังเอิญ พี่ต๋อยพอเห็นผมก็เดินเข้ามาหาด้วยความเมตตาเช่นเคย นอกจากจะสวัสดีปีใหม่และพี่ต๋อยให้พรแล้ว พี่ต๋อยยังมีความปรารถนาดีที่ห่อพิเศษให้ผมเพิ่มอีก
1
พี่ต๋อยน่าจะเห็นผมอยู่ตามโซเชี่ยลอยู่บ้างและคิดว่าสิ่งที่ผมพูดผมทำนั้นเป็นประโยชน์ นอกจากสนับสนุนแล้ว พี่ต๋อยยังให้คำแนะนำที่ล้ำค่ามากๆ ที่ผมประทับใจคือไม่ใช่แค่เจอหน้าแล้วบอก ผมรู้สึกได้เลยว่าพี่ต๋อยคิดและเก็บไว้มาอยู่แล้ว เหมือนกับเตรียมห่อของขวัญไว้เขียนชื่อผมเรียบร้อย เจอหน้าแล้วถึงยื่นให้ เป็นความประทับใจต่อผู้ใหญ่ที่มีเมตตากับผมจนรู้สึกได้
คำแนะนำของพี่ต๋อยนั้นสั้นๆ แต่น่าจะรวบรวมมาจากประสบการณ์ทั้งชีวิตที่พี่ต๋อยได้สัมภาษณ์ผู้คน เล่าเรื่องต่างๆ ในรายการมาอย่างยาวนาน พี่ต๋อยบอกว่าทุกอย่างที่คุณพูด คุณเล่านั้นดีหมด แต่เวลาเล่าขอให้มีสามอย่าง เป็น magic number ผู้คนชอบฟังและจำอะไรได้สามอย่าง มากไปก็จำไม่ได้ น้อยไปก็ไม่ครบถ้วน เป็นคำแนะนำที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังมากๆจากผู้ใหญ่มากประสบการณ์อย่างพี่ต๋อย
และเป็นของขวัญปีใหม่จากปรมาจารย์ที่ล้ำค่าสำหรับผมเพราะได้เอาไปใช้ในหน้าที่การงานแน่ๆ..
คุณซิกเว่ เบรกเก้ เจ้านายเก่าผมที่กำลังจะกลับมาวาดลวดลายในวงการโทรคมนาคมไทยอีกครั้งก็เป็นอีกคนที่เคยพูดถึง rule of three เขาเคยสอนผมตอนผมถามว่าเวลากล่าว speech หรือขึ้นกล่าวงานอย่างงานแต่ง เขามีคำแนะนำอะไรหรือไม่
เขาก็บอกว่าให้คิดเรื่องที่จะพูดเป็นสามหัวข้อก่อนเป็นอย่างแรกและเขาเองก็ใช้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดก็ตอนที่เขาขึ้นกล่าวให้ศิษย์เก่าดีแทคที่มาเลี้ยงฉลองเขาเกษียณจากงานที่เทเลนอร์ เขาก็เล่าถึงบทเรียนที่เขาได้รับตอนอยู่ดีแทคว่ามีสามประการ
ประการแรกคือ culture eat strategy for breakfast
ประการที่สองคือ all business is people business
ส่วนประการที่สามคือถ้าอยากสร้าง great business เราต้องรักในสิ่งที่ตัวเองทำ
พอนึกย้อนไปว่าทำไมผมถึงจำแม่น rule of three น่าจะมีผลอย่างมากอยู่เหมือนกัน
ต้นสน สันติธาร เสถียรไทย ก็เคยเล่าถึงปรัชญาของการทำงานจากการที่ต้นสนเคยทำงานที่ SEA Group ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกว่า ที่ SEA จะมีปรัชญาว่าผู้นำต้อง humble โดยมีการขยายความความหมายของ humble อยู่สามข้อ
ข้อหนึ่งคือต้องรู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร
ข้อสองคือต้องมี challenger mindset
และข้อสามก็คือต้อง overdeliver underpromise
สามข้อนี้ทำให้จำกันได้ง่ายทั้งองค์กรจนมาถึงต้นสนและผมผู้ที่ได้ฟังและจำติดหัวเช่นกัน
พอสังเกตดีๆ ในชีวิตเรา อะไรที่มีสามอย่าง สามข้อ สามประการดูจะจำง่ายและติดหัวจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราจำได้ตั้งแต่เด็กๆ เช่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
1
แม้แต่สุดยอดนักเล่าเรื่องอย่างอริสโตเติ้ลก็เคยพูดถึงกฏในการกรุ๊ปหัวข้อแบบนี้ไว้ พอนึกย้อนไปมี rule of three เยอะมากที่ผมจำได้ติดหัว Steve jobs ผู้ที่เป็นสุดยอดนักการตลาดก็เคยเปิดตัว iphone ไว้ว่าประกอบด้วยฟังก์ชั่นสามอย่าง ว่าเป็น an ipod, a phone และ an internet communicator จูเลียส ซีซาร์ก็เคยพูดประโยคที่เป็นตำนานเป็นพันปีว่า “ I came, I saw, I conqured” Rule of three เช่นกัน….
Rule of three ก็ยังน่าจะเอาไปใช้ในการเรียบเรียงประโยค หรือแม้กระทั่งการเล่าเรื่องที่ต้องมีจุดเริ่มต้น เนื้อหาหลักและบทสรุป ก็เป็นสามส่วนด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งประโยคทองที่คนจำแม่นๆส่วนใหญ่ก็มีสามท่อน ประธานาธิบดีเคเนดี้ตอนที่ประกาศ mission ว่าจะส่งคนไปดวงจันทร์ก็เคยตั้งเป้าที่คนทั้งโลกจำได้ขึ้นใจ เป้านั้นประกอบด้วยสามส่วน ส่วนแรกคือส่งคนไปลงดวงจันทร์ ส่วนที่สองคือกลับมาอย่างปลอดภัย และส่วนที่สามคือต้องทำสำเร็จก่อนสิ้นทศวรรษ (ซึ่งก็ทำได้จริงๆในปี 1969)
กฏ rule of three ง่ายๆนี้น่าจะมีประโยชน์กับใครหลายคนในปีใหม่ที่จะต้องนำเสนองาน ต้องขึ้นกล่าวในงานแต่ง ต้องพูด speech ให้ลูกน้องและอยากให้ลูกน้องจำแม่นๆ ต้องคิดต้องเขียนแคมเปญการตลาด หรือต้องไปสอนลูก ฯลฯ ถ้าจะต้องเตรียมอะไร ให้นึกไว้สามอย่าง สามประเด็น นอกจากจะทำให้ผู้ฟังจำแม่นแล้ว เราก็จะได้มีหลักยึดที่จะทำให้งานที่กำลังจะเผชิญนั้นง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย
ผมก็เลยไม่อยากเก็บของขวัญปีใหม่ที่ได้จากพี่ต๋อยไว้คนเดียวและอยากเอามาแบ่งปันกันในวันนี้ครับ….
1
โฆษณา