12 ม.ค. เวลา 14:55

เมื่อหนอนหนังสือป้ายยาหนังสือ

แล้วเราจะรอดไปได้ยังไงคะทุกคน
#กองดองเอยเจ้าจงสูงขึ้น 555
ตั้งแต่เพชรพระอุมาไปยันฮาวทู
เอาซี้ ... เข้าคลับนี้แล้วมันรอดยากจริง ๆ
Nopadol’s Story
Book Club Season 4 EP 1 🥰
[#BennOte Part 1 of 2]
วันนี้เป็นวันแรกของ Nopadol’s Story Book Club Season 4 ค่ะทุกคน เป็นธรรมเนียมขงคลับนี้ที่พอจบ 6 เดือนจะมีสมาชิกเก่าไปใหม่มาบ้างนิดหน่อย เพราะตารางของเพื่อน ๆ บางคนอาจจะไม่ลงตัว จึงต้องหยุดการมาคลับใน season นี้ทำให้มีที่นั่งว่างให้คนมีมาต่อคิวย๊าววววว ยาว เป็นหางว่าวได้บ้าง
วันนี้เราจึงได้ฟังเพื่อนใหม่แชร์ว่ามาคลับแล้วอยากได้อะไร ... สำหรับคนที่บอกว่าอยากให้กองดองลดลง อันนี้เราบอกเลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน 555 เพราะคลับนี้ป้ายยากันหนักมาก แล้วไม่ว่าใครจะเล่าเล่มไหนมันก็น่าอ่านไปหมดเลย (จนถึงขั้นต้องมีการแจ้งเตือนให้ลบ app ช้อปปิ้ง ไม่งั้นยังไม่ทันจะจบคลับ กองดองก็มารอที่บ้านละ 🤣🤣🤣)
ยั้ง ยังไม่พอ ... อาจารย์นภดลและเพื่อน ๆ ยังเอาหนังสือมาแจกมาส่งต่อกันอีก ขอแอบกระซิบว่าหนังสือตั้งแต่ season 1 เบ็นยังอ่านไม่หมดเลยค่าทุกคน 😅 แต่การทลายกองดองไม่ใช่สาระสำคัญ ที่สำคัญคือ ...
1. เราได้อ่านมากขึ้นจริง ๆ ค่ะ อาจมากไม่เท่าคนอื่น แต่เราอ่านมากกว่าตอนที่เราไม่เข้า book club นั่นแหละ ... สำหรับเบ็นก่อนหน้านี้ไม่อ่านหนังสือฉลาดเลย ไม่ว่าจะพัฒนาสมองหรืออารมณ์ 555 คือมีหมด แต่ไม่อ่าน มันไม่ใช่ทางค่ะทุกคน คิดแต่ว่าเมื่อไหร่ว่างจะอ่าน แต่พอว่างนิยายก็เอาเวลาไปกินหมด แห่ะ ... เดี๋ยวนี้พยายามอ่านมากขึ้น เพราะอยากมีอะไรมาคุยกะเค้ามั่ง 😊
ปีที่ผ่านมาเบ็นน่าจะอ่านหนังสือ how to / พัฒนาตนเอง / heal ใจประมาณ 40-50% ของหนังสือที่อ่านทั้งปีค่ะ (ซึ่งไม่เยอะ 555 ปีที่แล้วอ่านไป 32 เล่มถ้วน)
2. ได้ฟังเพื่อน ๆ เล่าถึงเล่มที่เราไม่มีวันได้อ่านแน่ ๆ อันนี้เบ็นว่าดีมาก ๆ นะคะ มันทำให้เรารู้ว่ามีสิ่งนั้นอยู่ในโลกใบนี้ด้วย ... ถึงเราจะไม่อ่านอยู่ดี แต่เราก็จะรู้เรื่องนั้น ๆ มากขึ้น อย่างน้อยก็ ... จิ๊ดนึงค่ะ (พอกรุบกริบให้คุยกะชาวบ้านรู้เรื่อง)
3. น้องอู๋บอกว่ามาคลับนี้ทำให้ได้ฟังมุมมองที่แตกต่าง ถึงแม้เราจะอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน แต่เวลาเอามาคุยกันในคลับ มันจะมีมุมที่เราไม่เคยคิด ด้านที่เราไม่เคยเห็นเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งมันดีมาก ๆ ค่ะ สำหรับเบ็นมันทำให้เบ็นพร้อมจะเข้าใจคนที่ต่างกับเรามากขึ้นด้วยนะคะ ... ขอบคุณคลับนี้ค่ะ
4. พื้นที่ที่มีผู้คนพร้อมจะลุกออกจากเตียงในวันอาทิตย์มาคุยหรือมาฟังเรื่องหนังสือ มันเป็นพื้นที่ของ Learner ค่ะ ซึ่งไม่ว่าเราจะเป็น reader หรือ book collector เราก็จะได้อานิสงส์จากความเก่งของทุก ๆ คน มันทำให้เราอยากทำตาม ทำต่อ ทำตัว ... เองให้ดีขึ้น ถ้าจะหาแรงบันดาลใจ คลับต่าสง ๆ เหล่านี้มีให้เก็บเต็มไปหมดทุกอณูเลย
5. พี่โทนี่บอกว่าคลับนี้ทำให้พี่โทนี่เก็บหนังสือน้อยลง แต่ก่อนพี่โทนี่อ่านแล้วเก็บ แต่มาคลับนี้ เห็นตัวอย่างจากอาจารย์นภดล ทำให้พี่โทนี่ส่งต่อบ้างเหมือนกัน ยิ่งสมัยนี้หนังสือล้าสมัยเร็ว เก็บไว้ หรืออ่านไม่จบดองไว้ อีกแป๊บก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ... ให้คนอื่นไปอ่านก่อนดีกว่า 😊
ต้องบอกว่าเบ็นเองก็ซื้อหนังสือน้อยลง เพราะมีคนใจดีรอบ ๆ ตัวเต็มไปหมดเลยค่ะ (เค้าใจดีให้มาแล้ว เราก็ควรอ่าน ... เนอะ)
สรุปว่าใครอยากทำอะไรในคลับนี้ก็น่าจะหาที่ทางของตัวเองได้หมดเลยค่ะ อยากฟัง อยากอ่าน อยากเล่า อยากเขียน เบ็นว่าพื้นที่แบบนี้มันดีจริง ๆ และจะพยายามทำให้พื้นที่รอบ ๆ ตัวของเบ็นเองเป็นแบบนี้ด้วยเท่าที่จะทำได้ ... เป็นพื้นที่สบายใจให้ผู้คน 🥰
.
.
==============
ชาวคลับแนะนำหนังสือ
==============
📚 เพชรพระอุมา (หยก)
- เล่มนี้เรียกว่าเป็นนิยายขึ้นหิ้งและโด่งดังตลอดกาลของคุณพนมเทียนค่ะ สายนิยายที่ชอบแนวผจญภัยมักจะบอกว่าเป็น a-must ที่ต้องอ่าน
- หยกบอกว่าที่บ้านป้ายยาเล่มนี้มานานมากแล้ว ช่วงหยุดส่งท้ายปีใหม่ที่ผ่านมาเลยหยิบมาอ่าน และตอนนี้อ่านเล่มแรกจบแล้ว ... สู้ ๆ นะหยก อีก 47 เล่ม ... 🥰
- หยกบอกว่าใครชอบเข้าป่า เดินป่าน่าจะชอบ แต่นิยายเขียนมานานมากแล้ว ต้องเข้าใจด้วยว่ามันจะเป็นนิยายย้อนยุคนะคะ คือตั้งแต่ยังไม่มีมือถืออ่ะเนาะ (พี่เอ๋ search หาข้อมูลให้ว่าเป็นนิยายที่เริ่มเขียนตั้งแต่ 2507 และใช้เวลายาวนานมาก ๆ ในการเขียนค่ะ คือ 28 ปี ... คุณพนมเทียนเขียนจบปี 2533 ... แหม่ นึกถึงคำสาบฟาโรห์กันเลยทีเดียว )
[BennOte] เล่มนี้เหมือน Indiana Jones ค่ะทุกคน เป็นแนวผจญภัย มีความลึกลับของป่า อาถรรพ์ คำสาบ สิ่งลี้ลับ มีการตามล่าหาสมบัติ การชิงไหวชิงพริบเฉือนคมของพระเอกผู้ร้าย ความไม่พอดีของคนกรุงเข้าไพร (นางเอกเป็นคุณหญิง) อารมณ์ลูกคุณต้องไปเดินป่าน่ะค่ะ มันก็จะมีเรื่องของการเรียนรู้ การปรับตัว การเอา ชีวิตรอดอะไรแบบนั้นด้วย
ใครชอบ Indiana Jones น่าจะอ่านได้ เพราะขนาดน้องชายเบ็นไม่อ่านหนังสือ ยังอ่านจนจบ 48 เล่มเลยค่ะ (มี 2 ภาคนะคะ ภาคละ 24 เล่ม) ทุกคน ส่วนตัวเบ็นยังอ่านไม่จบ คือไม่ใช่อะไรนะคะ เบ็นไม่กล้าเริ่มค่ะ เพราะมันยาวมาก ๆ กลัวติดแล้วไม่เป็นอันทำอะไร 555 แต่ตั้งใจไว้ว่ามีเวลาว่างจะอ่านแน่ ๆ ค่ะ
ที่เล่าได้ข้างต้นเพราะเบ็นเคยอ่านประมาณ 4 เล่มตอนยังเด็กมาก ๆ เลยค่ะ น่าจะช่วงประถม ละจำได้ว่าอ่านแล้วชอบสุด ๆ ไปเลย รู้สึกว่าสนุกมาก ๆ แต่เบ็นหาเล่มต่อในห้องสมุดไม่เจอ (เพชรพระอุมาจะแบ่งเป็นภาค ๆ ภาคละ 4 เล่ม เข้าใจว่าที่ห้องสมุดโรงดเรียนเบ็นอาจจะมีแค่ภาคเดียว) พอที่ห้องสมุดไม่มีเบ็นเลยไม่ได้อ่านต่อ จากนั้นความสนใจก็ไปอยู่ที่เรื่องแนวอื่น ทำให้ยังไม่ได้ย้อนกลับมาอ่านอีกเลย
เรื่องนี้มี FC เป็นคลับเป็นชมรมจริงจังมาก ๆ เพื่อนเบ็นบางคนก็อยู่ในคลับด้วย เคยทราบว่ามีการนัดกันไปเดินป่าตามรอบรพินทร์ ไพรวัลย์กะแงซายกันเลยค่ะ ถ้าใครสนใจอาจจะลอง search หาคลับแล้วไปลองจ่อมดูได้ค่ะ
[พี่หน่อย] วันนี้นั่งใกล้พี่หน่อย ผู้หลักผู้ใหญ่ในคลับ อ.นภดล 😊 พี่หน่อยบอกว่าเคยอ่านนานมากมาแล้ว วันนี้พอมีการพูดถึงพี่หน่อยเลยนึกขึ้นมาได้ว้า ปกติพี่หน่อยอ่านอะไร (น่าจะนิยายแหละค่ะ) ไม่เคยจบ แต่เพชรพระอุมาเป็นเรื่องที่อ่านจบ ... เป็นนืยายที่มีพรรณนาโวหารดีงาม
เอาล่ะค่ะ ... ใส่เป็น bucket list ไว้ก่อน ... สักวันเบ็นจะต้องอ่านเพชรพระอุมาให้จบ!
=================
📚 Makoto marketing (โอม)
- โอมเป็นอีกคนที่บอกว่าอ่านหนังสือไม่ค่อยจบ แต่หยิบเล่มนี้มาเพราะกระดาษดีมาก 555 ซึ่งจริงค่ะ ความลับเบื้องหลังกระดาษที่ดี๊ดีคือ อ.เกด (ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ) ผู้เขียนตั้งใจให้เป็นเหมือนการห่อของขวัญค่ะ สื่อถึงการใส่ใจ การทำด้วยหัวใจ เหมือน concept หนังสือเล่มนี้ที่เล่าเกี่ยวกับ “การตลาดด้วยหัวใจ” ... ทุก index ของเล่มนี้เป็นกระดาษแบบกระดาษห่อของขวัญญี่ปุ่น ซึ่งออกแบบลายเป็นพิเศษด้วยนะคะ (ทำถึงจริง ๆ)
- โอมบอกว่าโอมชอบสำนวน รูปแบบและวิธีการเล่าเรื่องของ อ.เกดในเล่มนี้ค่ะ คือมันจะเหมือนเราไปนั่งเรียนกับ อ.เกด อาจารย์จะเริ่มจากเล่าให้ฟังว่ามีลูกศิษย์มาถามคำถามเกี่ยวกับเคสธุรกิจ อาจารย์ไม่ตอบแต่เล่าเคสธุรกิจจากญี่ปุ่นให้ฟัง แล้วให้ลูกศิษย์ (และเราที่เป็นคนอ่าน) สะท้อนคิดว่าเรื่องนี้มันสอนอะไรเรา แล้วถ้าเป็นเรา ... กับธุรกิจของเรา เราจะทำอย่างไร
- ท้ายบททุกบทมีแบบทดสอบให้เราลองคิดใส่หัวใจลงไปในการตลาด จากนั้นมีเฉลยว่าอาจารย์คิดว่าอย่างไรด้วยค่ะ ซึ่งเราไม่ต้องคิดเหมือนนะคะ แต่เราจะเห็นมุมมองของอาจารย์ด้วยค่ะ
- ในหนังสือมี 20 คำถาม >> 20 เคสตัวอย่าง เคสที่โอมหยิบมาเล่าให้เราฟังเป็นน้ำจิ้มคือเคสของคุณอิวาตะ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านหนังสือในเมืองเล็ก ๆ ... ธุรกิจนี้กำลังจะตาย จะทำอย่างไรดี คุณอิวาตะก็พยายามปรับเปลี่ยนค่ะ แต่ก็ไม่เจอทางสักที จนมีวันนึงมีรุ่นพี่ให้งบมา 10,000 เยน ให้ช่วยจัดหนังสือที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองให้หน่อย ปรากฏว่าจัดแล้วรุ่นพี่ชอบ ก็เลยลองทำเป็นบริการให้ลูกค้า กลายเป็นบริการที่คนชอบ มีคนให้ช่วยจัดเป็นร้อย ๆ คนเลยค่ะ ... และธุรกิจที่กำลังจะตายก็รอดมาได้อย่างดี ...
- เสน่ห์ของเล่มก็คือความญี่ปุ๊นญี่ปุ่นค่ะ ความตั้งใจให้ใส่ใจทำ การทำเพื่อคนอื่น และนั่นคือแก่นของการทำการตลาดแบบที่ อ.เกด นำเสนอนั่นเองค่ะ
เบ็นชอบเล่มนี้มาก ๆ เช่นกัน เขียนเล่าไว้ยาว ๆ ใน post ตอนที่เบ็นอ่านจบ เดี๋ยวแปะลิงก์ไว้ให้มร comment นะคะ เผื่อใครจะอยากตามไปลองอ่านดูค่ะ
=================
📚 Supremacy (ไนท์)
- ชื่อเต็ม ๆ ของเล่มนี้คือ “Supremacy: AI, ChatGPT, and the Race that Will Change the World” เขียนโดยคุณ Parmy Olson ค่ะ เป็นหนังสือรางวัลด้วยนะคะ ชนะรางวัลBusiness Book of the Year Award 2024 ของ The Financial Times and Schroders ค่ะ
- ไนท์แนะนำเพราะเล่มนี้พูดถึง AI ในแง่ Ethnic (ศีลธรรมจรรยา) … มีการตั้งคำถามถึง event ต่าง ๆ ที่ AI ชนะมนุษย์ อย่างเช่นตอนที่ AlphaZero ของ DeepMind ชนะหมากรุก ที่จริงมันชนะเพราะมัน tricky นะ มันเล่นสงครามประสาทกับคน (คือมันจะเดินหมากเลยก็ได้ แต่มันมีความถ่วงเวลา ให้คนที่แข่งด้วยสติหลุดไรงี้)
- AlphaGo ที่ชนะแชมป์โลกหมากล้อมก็พัฒนาโดย DeepMind เช่นกัน DeepMind พัฒนา AI มานานขนาดนี้ แล้วทำไม Open AI แซงได้ นั่นเป็นเพราะเจ้าของ DeepMind เป็นห่วงและค่อนข้างระวังว่าเทคโนโลยี transformer จะเป็นอันตรายกับมนุษย์ จึงจำกัดการพัฒนาอยู่ในวงของการเล่นเกมเท่านั้น (AlphaStar ตัวต่อจาก Alpha Go ก็เล่น VDO Game แข่งกะมนุษย์)
- แต่ฝั่ง Open AI ไม่กลัว ลุยยยย … ตอนแรกเอาวรรณกรรมมา train น้อง AI ปรากฏว่าไม่เวิร์คมันไม่ฉลาดขึ้นเท่าไหร่ (อาจจะเข้าใจมนุษย์ได้ช้าแหละ) ให้ผู้คนมาช่วยกัน train ยิ่งออกนอกจักรวาลไปเลย (คือข้อมูลมันแกว่ง บางคน (ซึ่งน่าจะเยอะคน 555) ก็แกล้งน้องด้วย) จุดเปลี่ยนคือการเอา comment ใน reddit มา train ... เพราะมันเป็น comment ที่มีคุณภาพ เป็น Human ...
- ในขณะที่ OpenAI พัฒนาไป ทางฝั่ง DeepMind ก็อยู่เฉยไม่ได้ค่ะ ต้อง jump ไม่งั้นเค้าจะตกขบวน ไม่อยู่ใน wave ของการพัฒนา AI อีกต่อไป ... คนที่ใช้และกำลังสนใจ AI อย่างหนัก ๆ ก็มีให้เลือก 2 ค่ายเนอะ Google กับ Facebook ... ผู้ก่อตั้ง DeepMind เลือกไปกับ google ซึ่งทีม google brain) เพิ่งล้มเหลวกับ bard ที่รีบออกมาแข่งกับ ChatGPT
- เมื่อ Google Brian กับ DeepMind รวมพลังกันก็เกิด Gemini หล่อ ๆ ให้เราได้ใช้งานกันค่ะ … ซึ่งต้องบอกว่าน้องอาจจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ChatGPT นะคะ เพราะ Gemini เป็น fact-based ตอบเท่าที่ร็ เท่าที่มีที่อ้างอิง ในขณะที่ Open AI จะเทรน ChatGPT ให้ตอบคำถามให้ได้ ไม่แน่ใจว่าเรียกว่า solution-based ได้ไหมนะคะ มันจุงเป็นที่มาของความหลอน ๆ ของน้องค่ะ (hallucinate) … เหมือนเด็กที่จะพยายมตอบคำถามแม้จะไม่รู้จริง ๆ ก็เหอะ 555 ... แต่น้องก็จะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ
- เทคโนโลยี transform 0tใช้ context ช่วยให้ตัวเองทำงานได้ดีขึ้น … ถ้าเราถาม AI ให้เติมคำในช่องว่างของประโยคที่ว่า “The bear is eating honey because it……” น้องก็จะงงว่า it นี่มันขยายอะไรนะ bear หรือ honey … เราต้องใส่ context ให้น้องค่ะ ถ้าไม่ใส่น้องก็จะตอบตามบุฯทำกรรมแต่ง ... อาจจะจากที่เค้าทำกันเยอะ ๆ หรือจากที่คนเขียนโปรแกรมใส่เงื่อนไขไว้
- ไนท์บอกว่าอ่านแล้วก็ได้ข้อคิดว่า “เราก็เช่นกัน ...เราต้อง transform ต้องหาความรู้ใหม่ ๆ มา gat pat เชื่อมโยง ไม่งั้นเราก็จะอ๊อง ตีความ วิเคราะห์ พัฒนาอะไรไม่ได้”
- หรืออย่างเคสที่เกิดความเสี่ยงจากการควบรวมกิจการ แม้สัญญาจะว่าอย่างไร “การบิด” ที่ Google ทำก็บีบ DeepMind ให้เป็นไปอย่างที่ Google ต้องการ
ไนท์สะท้อนคิดถึงตัวเองว่า ถ้าโลกแม่งต้อง evil ถึงจะอยู่รอด เราจะเป็น evil เพื่อสู้กับ evil ดีไหมวะ เราจะ cross the line ไหม … แต่พอมีน้องมาปรึกษากรณีที่เทียบเคียงกัน ไนท์ก็ตกผลึกกับตัวเองได้ว่า
#อย่าเป็นคนที่เราไม่ชอบ
#อย่าทำอะไรที่เราจะเสียใจภายหลังดีกว่า
สำหรับไนท์ เล่มนี้ชวนให้ตั้งคำถามกับตัวเองได้เยอะ แม้เนื้อหามันจะเท้คเทค ทำไมน่ะเหรอคะ เพราะ ...
AI reflects human beings
คนใช้ (train) เป็นไง AI ก็เป็นงั้น
//disclaimer//
เบ็นจำที่ไนท์เล่ามาเล่าต่ออีกที ถ้าจำผิดหกตกหล่นต้องขออภัยด้วยนะคะ พอดีเบ็นไม่ค่อยรู้เรื่องสายนี้ค่ะ 😊
[วุ้น] … วุ้นเสริมว่า มันจะหลอนไหม มันจะแม่นหรือแปล่า มันจะตอนแบบคนดีคนไม่ดี ทุกอย่างเริ่มต้นที่ bias และ background ของคนสร้างค่ะ
===============
📚หนังสือ “Anxious Generation” [คุณปัง]
1. หนังสือ “Anxious Generation” ของคุณ Jonathan Haidt เป็นที่ปรึกษาของซีรีย์ “Social Dilemma”
2. ใช้ AI ให้ระวัง ให้ keep in mind ว่ามันไม่ใช่ fact มันเป็น algorithm
3. ระวังความสบายจากเทคโนโลยี มันจะมีผลกับลูกเรานะ ตัวอย่างเช่น iPad เดี๋ยวนี้เป็นสิ่งเสพติดของทั้งพ่อแม่และลูกไปแล้ว คือโยนให้ลูก ไม่ใช่แค่ลูกชอบอย่างเดียว
4. หนังสือเล่มนี้พูดถึงคนที่เกิดตั้งแต่ 1996 เป็นต้นมา ซึ่งถือว่าเป็น social media generation = anxious gen มีอัตราการฆ่าตัวตายเยอะ เราควร delay การเริ่มทัชกับ social media ของเด็กให้ช้าที่สุด
===============
📚 ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ (พี่หมอแมกซ์)
- หนังสือโดยคุณ Oliver Burkeman
- พี่หมอชวนให้เราค่อย ๆ อ่าน ให้ได้สารจริง ๆ ตัวพี่หมดใช้เวลาอ่านเล่มนี้พอสมควร เพราะอ่านซ้ำไปซ้ำมา อ่านไปสะท้อนคิดไป คุยกับตัวเองไปว่าที่หนังสือบอกมันจริงไหม พี่หมอพบว่าการอ่านช้า ๆ แบบนี้ทำให้ตกผลึกกับตัวเองเยอะเลย
- ก่อนหน้านี้พี่หมอติดหล่ม productivity มีอะไรอยากทำเยอะแยะไปหมดเลย รู้สึกว่าเวลาไม่พอ >> เล่มนี้สอนว่าเวลามันสั้น ที่จริงเวลามันเป็นธรรมชาติอยู่ของมันนะ เราเองนี่แหละที่เอามันไปผูกกับบางอย่างใหัมีค่าขึันมา
- ลองปล่อยไป หันมาอยู่กับปัจจุบันขณะ หันมา focus มากขึ้น … แล้วเราจะสุขขึ้น … เพราะเราจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการอะไร
- เมื่อปลดพันธการเวลาได้ เราจะเห็นความสวยงามมากขึ้น >> พี่หมอยกตัวอย่างทริป Patagonia ที่พี่หมดไม่ได้โฟกัสว่าต้องไปถึงภายในเท่าไหร่ แต่ค่อย ๆ ไปตามจังหวะของตัวเอง ซึ่งทำให้พี่หมอค้นพบความงดงามระหว่างทางตลอดเส้นทางเลย ไม่ต้องมีเป้าหมายก็เป็นความสุขได้อีกแบบหนึ่ง
- หนังสือเล่มเดียวกัน อ่านให้จบจะได้แบบนึง ค่อย ๆ อ่านมันก็จะเป็นอีกแบบนึง
====================
📚 The Art of Good Life (พี่เอ๋)
- ศิลปะของการมีชีวิตที่ดี (The Art of the Good Life) โดย รอล์ฟ โดเบลลี
- พี่เอ๋ตามไปอ่านเพราะพี่จุ้ย (ศุ บุญเลี้ยง) รีวิว
- เล่มนี้คนเขียนเป็นนักปรัชญา เปรียบเทียบดี ภาษาดี
- พี่เอ๋บอกว่าอ่านแล้วทำให้ “ความคิดที่หล่นหายไปในกาลเวลา” ย้อนกลับมาเยี่ยมเยือน บางเรื่องที่เราคิดได้ พอนานเข้ามันหล่นหายไปในลิ้นชักความทรงจำค่ะทุกคน คนเขียนดึงมันออกมาผ่านตัวหนังสือเค้า (เจ๋งอ่ะ)
เบ็นเลยคิดถึงหนังสือ “ปรัชญาชีวิต” ของคาลิล ยิบรานค่ะทุกคน หนังสือที่อ่านเมื่อไหร่ก็ต้งมีบทไหนสักบทโดนเรา และอ่านเมื่อไหร่ความคิดของเราต่อเรรื่องนั้น ๆ ก็จะเปลี่ยนไปเสมอ เพราะเราผ่านประสบการณ์มามากขึ้น อย่างเช่น เรื่องที่ว่าง ... ของชีวิตคู่หรือการแต่งงาน
“...เธอเกิดมาด้วยกัน
และเธอก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
เธอจะอยู่ด้วยกันแม้เมื่อปีกขาวของความตาย
ปัดกวาดวันคืนของเธอให้กระจัดกระจายไป
ถูกแล้วเธอจะอยู่ด้วยกัน...
แม้ในความทรงจำอันสงัดของพระเป็นเจ้า
แต่ขอให้มีช่องว่างในการอยู่ด้วยกันของเธอ
และขอให้กระแสลมแห่งสวรรค์โบกโบยไปมาระหว่างเธอ
จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก
และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร
อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง
จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว
แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน
จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้...”
ประมาณว่าในการใช้ชีวิตคู่เราต้องมีที่ว่าง (space) ของแต่ละคน ถ้าไม่มี...แต่ละคนจะสูญเสียความเป็นตัวเองไป และคู่จะไม่สามารถเป็นคู่ได้ ตอนเด็ก ๆ อ่านไป ... อิหยังวะ ไม่เข้าใจ 55 แต่ยิ่งโต เราจะยิ่ง โคตรรรร เข้าใจ
ใครชอบอ่านแนวปรัชญา ... แนะนำเล่มนี้ค่ะ ตีความกันบันเทิงไปเลย 🥰
 
====================
📚 Good Life Secret (เบ็น)
- “Good Life Secret สร้าง Mindset เพื่อชีวิตที่ดีด้วยวิธีที่ไม่ค่อยมีใครคิดถึง” โดยคุณมนตรี ร่มโพธิ์
- แนะนำเล่มนี้เพราะชื่อคล้าย ๆ เล่มที่พี่เอ๋แนะนำค่ะ 555
- เบ็นอ่านเล่มนี้เป็นเล่มแรกของปีนี้ เพราะชื่อมันเป็นมงคลดีค่ะ และปรากฏว่าชอบมาก เป็นเล่มที่อ่านง่าย มีการเปรียบเทียบการวิ่งกับการพัฒนาตัวเองแบบที่เรานึกไม่ถึง รูปแบบการเล่าเรื่องดี มีสรุป mindset ที่ได้ และยกเคสที่นำไปใช้จริงด้วย ลองหาอ่านกันดูนะคะ (เบ็นมีเขียนแนะนำอย่างยาวไว้ เดี๋ยวแปะ link ไว้ให้ใน comment ค่ะ)
(ไนท์) … อย่างที่ Simon Sinek มักจะบอกค่ะ การจะพัฒนาตัวเองมันใช้เวลา ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้ตั้งแต่วันแรก คือมันจะเปลี่ยนโฉ่งฉ่างแค่วันแรกที่เราทำ เพราะเราไม่เคยทำค่ะ จากนั้นวันต่อ ๆ มามันจะเหมือนเดิม เหมือนเดิม แลบะเหมือนเดิม … เราต้องทำไปเรื่อย ๆ อย่างมีวินัย ผ่านไประยะนึงค่ะ เราจะเห็น progress ตัวเอง
การตั้งเป้าจะทำอะไรสักอย่างยาก ๆ ให้สำเร็จ = กระดุมเม็ดแรกที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างเช่นไนท์ตั้งเป้าจะลงมาราธอน และจะวิ่งให้ได้ sub2 ซึ่งถ้าวิ่งวันนี้เลย แม่งคือ impossible >> การตั้งเป้าที่เราทำไมได้ ทำให้เราต้องเตรียมตัว ต้องซ้อม ต้องหาทางแทรกตารางซ้อมเข้าไปในชีวิตประจำวัน นั่นทำให้ไนท์ต้องปรับตัวและพยายามสร้าง productivity ในชีวิต (มีอะไรใช้เวลาน้อยลงได้บ้าง ต้องตื่นเช้าขึ้น หรือจะอะไรยังไงดี
การวิ่ง (หรืองานอดิเรกใด ๆ) ถ้าเราตั้งใจกับมันจริง ๆ มันจะเปลี่ยนชีวิตเราได้จริง ๆ
(พี่อ๋อ) พี่อ๋อแชร์ว่าพี่อ๋อวิ่งเพื่อใช้เวลากับลูก
- ลูกเป็นผู้ชายบอย ๆ วัยรุ่นเนาะ ก็ต้องหา activity ที่ลูกจะ join, joy น่ะนะทุกคน
- ตอนแรกวิ่งแค่ 3 กม. ร่างแหลก
- ซ้อมไปเรื่อย ๆ วิ่งไปเรื่อย ๆ มันจะทำได้มากขึ้น ดีขึ้นจริง ๆ
- พี่อ๋อพาลูกไปวิ่งรายการ Star War Run ซึ่งเป็นที่เล่าลือเลยว่าการจัดการแย่มาก แต่ลูกพี่อ๋อจอยมาก ควงดาบเซเบอร์วิ่งจนเข้า finish line (เอ็นดูการวิ่งควงดาบ 55) ... เรื่องนี้สอนพี่อ๋อว่า “ไม่ว่าอะไรจะแย่แค่ไหน ถ้าข้างในสนุกกับมัน มันจะสำเร็จได้”
- ตอนพี่อ๋อตั้งเป้าจะไปมาราธอน ก็หาครูเจ๋ง ๆ มาช่วยค่ะ (อีกครั้งที่มีคนพูดถึงครูดิน 😊)
- พีีอ๋อจบมาราธอนแรกตอนอายุ 51 นะคะทุกคน Super Woman สุด ๆ
- ชอขที่พี่อ๋อบอกว่า “ร่ายกายเรามันน่ารัก มันปรับตัวเก่ง” 🥰
(คุณโต้ด) Secret Sauce ของการวิ่งคือ >> OKRs คุณโต้ดตั้งเป้าให้ชนะอาจารย์ 555… สิ่งที่ดีของการทำ OKRs คือมีเป้าหมาย และ track ได้
===============
และนั่นคือ The Beautiful Sunday ของเบ็นในวันนี้ค่ะ part 2 จะเป็นช่วงที่โค้ชเกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย ท่านมาแชร์เรื่อง “Leadership Mentor” ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ เดี๋ยวเบ็นมาเล่าให้ฟังต่อพรุ่งนี้นะคะ
ภาพหนังสือทั้งหมดเดี๋ยวแปะให้ใน comment ค่ะ รวมทั้ง link เรื่อง Makoto Marketing และ Good Life Secret ของเบ็นด้วย
ขอบคุณอาจารย์นภดลสำหรับการจัดตั้ง community ดี ๆ และของคุณเพื่อน ๆ ในคลับทุกคนสำหรับความรู้ มินตภาพ และช่วงเวลาดี ๆ ค่ะ
#เราจะโดนป้ายยาไปด้วยกัน 555
💖💖🥰🥰💖💖
#BennOte #bp_ben
#ClubSunday #NopadolsStory
#BookCub_Season5_EP1
#KnowledgeSharing
#BensGoodWords
#benji_is_drawing
#benji_is_learning
#inspirationalquotes
#perspectiveshift
โฆษณา