13 ม.ค. เวลา 06:06 • ความคิดเห็น
1. ความรู้สึกรัก มีจริงๆ เกิดขึ้นจริงๆ แต่เกิดแล้วดับไม่กลับมาอีก ไม่มีมนุษย์คนใดตามทันการเกิดดับของจิตแต่ะดวง คำว่ารัก เป็นคำสมมตินั้นจริงอยู่ แต่หากมนุษย์ไม่สร้างสมมติเหล่านี้ พวกเราจะดำรงอยู่กับความจริงไม่ได้เลย เพราะเราจะไม่สามารถแยกแยะความจริง ออกจากความลวง หรือความไม่จริงได้
2. วิวัฒนาการทางภาษาทั่วโลก มีการสร้างคำขยายคำว่ารัก เป็นคำว่า รักแท้ รักเทียม รักจริง รักไม่จริง รักโดยไร้เงื่อนไข รักอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เหล่านี้คือการปรุงแต่ง แต่การปรุงแต่ง ไม่ใช่เรื่องไม่ดี มนุษย์มีการปรุงแต่งเป็นธรรมดา คนที่บอกว่าตนเองไม่เคยปรุงแต่งใดๆ ไม่มีอยู่จริงบนโลก
1
3. การกล่าวว่าสมองหลอกใช้ไปตามฮอร์โมนนั้น อาจเป็นการกล่าวโทษโดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูก ชีวววิทยาสามารถให้คำอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายมนุษย์ มีระบบประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติกและพาราซิมพาเทติก มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะบางอย่าง ซึ่งทำงานอยู่นอกเหนืออำนาจจิตใจ!
ระบบประสาททั้งสอง ทำงานควบคู่กันทำให้มีการเกิดและการดับ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไปเจอผู้หญิงเดินมาด้วยกันทั้งหมด 4 คน คุณจะรู้สึกชอบผู้หญิงคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ระบบประสาท Sympathetic จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจคุณเพิ่มขึ้น ม่านตาขยาย เกิดอาการประหม่า อยากจะเข้าไปพูดคุย สวมกอด ไปจนถึงเกิดการขยายตัวของอวัยวะเพศ
แต่หากคุณมีสติ หรือได้รับการฝึกสติอย่างต่อเนื่อง คุณรู้ว่าชอบ แล้วคุณคิดต่อไปว่า ชอบแล้วยังไง ผู้หญิงคนนี้ไม่นานก็แก่ ผิวหนังเหี่ยวย่น ฟันเหลือง ปากเหม็น อุจจาระก็เหม็น ทันทีที่คุณใคร่ครวญ ระบบประสาท Parasympathetic จะทำหน้าที่ชะลออัตราการเต้นของหัวใจ ม่านตาคุณจะหดตัวลง คุณจะเดินผ่านเธอไปอย่างไม่รู้สึกอะไรอีก
แต่หากคุณเคยมีกรรมสัมพันธ์กับเธอมาในอดีตชาติ หรือคุณไม่เคยฝึกสติ คุณจะปรี่เขาไปหาเธอ ขอเบอร์ติดต่อเธอ คุณจะเริ่มเดินหน้าจีบเธอเป็นแฟน และแล้วคุณก็จะเดินหน้าสู่ "ทุกขัง" คุณจะยึดว่าเธอคือแฟนคุณ คุณจะตามหึงหวง คุณจะต้องทุ่มเทเวลาและเงินทอง คุณจะต้องเจ็บปวด หรือกลับกันเธออาจเป็นฝ่ายถูกคุณกระทำ...
การอยู่กับความจริง
จำเป็นต้องรู้จริง แต่ไม่จำเป็นต้องรู้ลึก
พระพุทธองค์ไม่ทรงเคยสอนว่าสรรพสิ่งไม่มีจริง
ทรงสอนเพียงว่า สรรพสิ่งไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ ต้องดับ
เมื่อเกิดแล้วดับไวฉับยิ่งกว่าอะไรทั้งปวงในสากลจักรวาล
โฆษณา