14 ม.ค. เวลา 06:40 • ปรัชญา

watthakhanun

เมื่อขึ้นเครื่องและเข้าที่นั่งเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็น้อมจิตน้อมใจอุทิศส่วนกุศลให้กับ "ต้าเหนียง" และบริวาร "ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ" และ "ท่านพี่อสุรินทราหู" ตลอดจนกระทั่งเจ้าที่เจ้าทางซึ่งรักษาตลอดเส้นทาง ที่ต้องเดินทางวันหนึ่งคืนหนึ่งนี้
ขอให้ทุกท่านอนุโมทนา และช่วยดูแลรักษาทั้งคณะให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยด้วย แล้วกระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิยาว ๆ ไปเลย คลายออกมาอีกที เครื่องก็ใกล้จะลงสู่สนามบินไป๋หยุนกว่างโจวแล้ว ปรากฏว่ามาเร็วกว่าเวลาปกติถึง ๕๐ นาที..! ต้องขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้
จากการที่เติมเต็มทราเวลได้จัดให้พวกเราต้องมาต่อเครื่องภายในแบบนี้ กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะว่าเราแค่ผ่าน ตม.ให้ประทับตราออกจากประเทศเท่านั้น ไม่มีการผ่านเครื่องเอ๊กซเรย์หรือว่าตรวจร่างกายอีก เมื่อผ่านมาได้ก็ต้องผ่าน "ซอยละลายทรัพย์" ตามเคย แต่ตอนนี้ถ้าไม่ใช่ทุกคนมีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะว่าซื้อข้าวของจนไม่มีสตางค์เหลือติดตัว ก็เลยเดินผ่านไปแบบไม่แยแส..!
กระผม/อาตมภาพไปนั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่อง ยังเจอ FC วัดท่าขนุน คณะของศิริรัตน์ - คุณมยุรี - คุณหนึ่ง (ปัทมา) ซึ่งเดินทางมาเที่ยวฮาร์บินตามที่ได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน หลังจากที่ทักทายกันด้วยความดีอกดีใจและถ่ายรูปร่วมกันแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปหามุมของตนเองตามอัธยาศัย
โดยที่คุณนายปุ๊ก (นางสาวพิกุลฉัตร พิจารณ์จิตร) บอกว่า "ปีหน้าหนูขอนิมนต์หลวงพ่อเดินทางไปนอร์เวย์ ไปทดสอบอากาศต่ำสุดทางด้านนั้นดูบ้าง พร้อมกับจะได้ชมแสงเหนือไปด้วย" กระผม/อาตมภาพก็รับปากว่า "ถ้าเวลาเดินทางตรงกับช่วงที่ว่างก็ยินดีจะไปด้วย แต่ถ้าหากว่าติดการอบรมบาลีก่อนสอบก็ไม่ไป"
เรื่องนี้ทำให้กระผม/อาตมภาพยังคิดต่อไปว่า เดือนหน้าก็ต้องเดินทางไปร่วมหล่อพระที่วัดท่าช้าง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งทำให้สามารถ "ตก" น้องปูเป้ไปได้ด้วย เพราะว่าอีกฝ่ายติดใจคณะของเราที่ทำอะไรรวดเร็วทันใจ ไม่เคยที่ให้ต้องรอ สามารถไปตามตารางกำหนดได้ครบถ้วนสมบูรณ์
โดยเฉพาะการเข้าชมงานเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งนั้น น้องปูเป้พยายามที่จะให้ทัวร์ทุกคณะ ได้เข้าชมทั้งบรรยากาศในแสงธรรมชาติ และบรรยากาศแสงสีตามที่เขา "จัดเต็ม" เอาไว้ แต่ว่าพยายามอยู่หลายปี เพิ่งมีคณะของเราที่สามารถทำได้ เนื่องเพราะว่ารักษาเวลากันดีมาก โดยเฉพาะพวกเรามาพบกับอากาศที่หนาวที่สุดในรอบ ๓๐ ปี ถึงขนาด -๓๑ องศาเซลเซียส ทำให้กลายเป็นเกียรติประวัติส่วนตัวของไกด์ท้องถิ่นไปด้วย
พวกเราขึ้นเครื่องแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ภาวนาเป็นหลัก จนกระทั่งเวลา ๒๒.๑๑ น. ของประเทศไทย เครื่องก็มาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และลงได้สะดวกสุด ๆ เนื่องเพราะว่าเดินออกจากงวงมา เลี้ยวไปแค่ ๑๐๐ กว่า ๒๐๐ เมตรเท่านั้น ก็เป็นด่าน ตม.ไทย..!
พวกเราผ่านออกมาได้ด้วยความสะดวก รับกระเป๋ากันแล้วก็ต่างคนต่างบอกลา นัดแนะกันว่าเดือนหน้าถ้าหากว่าใครจองทัวร์ของเติมเต็มทราเวลไว้ ก็ไปพบกันที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว แล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินทางกลับสู่ที่พัก โดยที่พระครูต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์ กนฺตวณฺโณ) และคุณปิง (นายณัฐภาคย์ องค์วรวิทย์) มารับจนถึงสนามบิน เมื่อกลับไปถึงที่พัก กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเลยเที่ยงคืนไปแล้ว และไม่ใช่เวลานอน จึงได้ทำการทำงานไปเรื่อย เนื่องเพราะว่าเป็นคนที่มีนิสัยตื่นแล้วตื่นเลย..!
เรื่องอื่นที่อยากจะพูดถึงก็คือ งวดนี้กระผม/อาตมภาพได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์ ให้ใช้ eSIM โดย "ไอ้ตัวเล็ก" เป็นเจ้าภาพให้ ปรากฏว่าใช้ได้ดีมาก มีความคล่องตัวสมใจนึก ตลอดจนกระทั่งโทรศัพท์และพาวเวอร์แบงค์โดนความหนาวขนาดนั้น ก็ไม่ได้สูญเสียประจุไฟฟ้าเหมือนที่ทุกคนกลัวกัน ขนาดที่หน้าจอโทรศัพท์น้ำแข็งเกาะ ต้องเอาซุกเข้ากระเป๋าให้ละลาย แล้วถึงจะถ่ายรูปใหม่ได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย..!
แต่ว่าโทรศัพท์อีกยี่ห้อหนึ่งซึ่งยอดนิยมของทางด้านตะวันตกนั้น น็อกดับไปหลายต่อหลายเครื่องด้วยกัน..! ทำเอาพวกเราขำก็ขำ เพราะกระผม/อาตมภาพชี้ให้ดูว่า ได้เขียนยันต์ลงเอาไว้ในอุปกรณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะว่ายันต์นี้ขลัง หรือว่าบรรดาท่านทั้งหลายช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้กันแน่..!
อีกประการหนึ่งที่สมควรกล่าวถึงก็คือ บริษัทเติมเต็มทราเวลนั้นบริการทุกระดับ
ประทับใจ อาหารการกินเต็มที่ทุกมื้อ กระผม/อาตมภาพเองกลับมาแล้ว ยังรู้สึกว่าตนเองน่าจะน้ำหนักขึ้นเสียด้วยซ้ำไป และต้องเจริญพรขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่ช่วยสงเคราะห์ ปกติกลับมาจากต่างแดนก็มักจะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ครั้งนี้รู้สึกแข็งแรงผิดปกติ ถึงขนาดสามารถเดินแข่งกับญาติโยมทั้งหลายเพื่อไปยังด่าน ตม.ได้อีกด้วย..!
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘
โฆษณา