14 ม.ค. เวลา 06:45 • ปรัชญา

watthakhanun

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่วัดอุทยาน หมู่ที่ ๕ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี อยู่ที่ ๑๗ องศาเซลเซียส เป็นเรื่องแปลกที่ว่ากระผม/อาตมภาพกลับรู้สึกว่าหนาว เหมือนกับตนเองไม่ได้ไปที่ไหนมาเลย ทั้ง ๆ ไปสถานที่ซึ่ง -๓๐ กว่าองศาเซลเซียสมาแล้ว
เมื่อวานนี้ช่วงเช้าพวกเราซึ่งพักอยู่ที่โรงแรม Splendent Resort Hotel ก็ต้องถือว่าทำอะไรค่อนข้างจะสบาย เนื่องเพราะว่า ๗ โมงเช้า พวกเราก็ลงไปที่ห้องอาหาร ซึ่งชอบใจตรงที่ว่าโรงแรมนี้ก็น่าจะ "มีระดับ" อยู่เหมือนกัน เพราะว่าเจอคนจีนที่ค่อนข้างจะสุภาพเรียบร้อย เช่นเดียวกับที่โรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ล
ฉันเช้าเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาจัดเก็บข้าวของ พยายามปลดเครื่องกันหนาวให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องเพราะว่ากระเป๋าใบที่ฝากท้องเครื่องไปนั้น ทางบริษัทเติมเต็มทราเวลจะส่งไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเลย ให้พวกเราถือกระเป๋าขึ้นเครื่องเพียงใบเดียวเท่านั้น
ครั้นเวลา ๘ โมงเช้าพวกเราก็นำกระเป๋าลงมาเพื่อโหลดขึ้นรถ และส่งคืนกุญแจห้องพัก จากนั้น ๙ โมงเช้าก็เริ่มออกเดินทางไปยังสนามบินฮาร์บินไท่ผิง ซึ่งโรงแรม Splendent Resort Hotel แห่งนี้อยู่นอกเมือง จึงทำให้รถค่อนข้างที่จะว่าง พวกเราเดินทางไปถึงสนามบินได้โดยแทบจะไม่เจอรถติดเลย อากาศช่วงเช้ามืดนั้นอยู่ที่ -๒๓ องศาเซลเซียส แต่พอมาถึงสนามบินปรากฏว่าขึ้นมาที่ -๑๗ องศาเซลเซียส พวกเราจึงออกอาการร้อนไปตาม ๆ กัน..!
กระผม/อาตมภาพมอบเงินสินน้ำใจให้กับพลขับไป ๒๐๐ หยวน และมอบให้น้องปูเป้ไกด์สาวชาวลาวไป ๕๐๐ หยวน คนอื่นก็ให้กันมากน้อยตามกำลังกระเป๋าของตนเองที่เหลืออยู่ เมื่อเข้าไปภายในสนามบิน ทุกคนก็จัดการถอดเครื่องกันหนาวสารพัดสารเพ บรรจุลงกระเป๋าใบขึ้นเครื่องให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่ตนเองจะเหลือน้ำหนักติดตัวให้น้อยที่สุด
ทางบริษัทเติมเต็มทราเวลบริการทุกระดับประทับใจมาก เพราะว่าไปขอออกตั๋วขึ้นเครื่องทั้งที่สนามบินฮาร์บินไท่ผิง และสนามบินไป๋หยุนกว่างโจว นำมามอบให้กับพวกเราในระยะเวลาอันรวดเร็ว ยังไม่ทันจะเก็บข้าวของเสร็จก็มาแจ้งว่า ได้ขอ
อนุญาตเจ้าหน้าที่เป็นพิเศษ ให้พวกเราตรวจเช็คขึ้นเครื่องและฝากกระเป๋าก่อนเวลาได้เลย พวกเราจึงค่อนข้างที่จะสบายใจมาก เพราะว่าเหลือเพียงกระเป๋าขึ้นเครื่องติดมือไปใบเดียว ผ่านการเอ๊กซเรย์และตรวจร่างกายที่ค่อนข้างจะเข้มงวดแล้ว ก็เข้าไปเจอ"ซอยละลายทรัพย์" อยู่ข้างใน
ต้องบอกว่าคณะของเรานั้นอยู่ในลักษณะของ "ธรรมะจัดสรร" ว่าให้โชคดีสุด ๆ เนื่องเพราะว่ามาตรงกับช่วงที่เขาจะแข่งกีฬา Asian Winter Games ๒๐๒๕ พอดี ทุกสถานที่จึงจัดเต็มอยู่ในลักษณะสวยที่สุดเท่าที่จะพึงมีได้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังเป็น
ช่วงที่ประเทศจีนหนาวที่สุดในรอบ ๓๐ ปีอีกต่างหาก จนกระทั่งน้องปูเป้ยังบอกว่า ทำหน้าไกด์ประจำคณะทัวร์มาหลายปีแล้ว ส่วนมากก็อยู่ที่แค่ -๑๐ กว่าองศาเซลเซียสเท่านั้น เจอแต่คณะของ "หลวงตา" นี่แหละที่ลบถึง ๓๑ องศาเซลเซียส จนถือว่าเป็นเกียรติประวัติเฉพาะตนได้เลย..!
พวกเราเที่ยวหาซื้อข้าวของต่าง ๆ โดยเฉพาะมาสค็อต หรือว่าตุ๊กตานำโชคทั้ง "ปินปิน" และ "นีนี่" ซึ่งเป็นมาสค็อตนำโชคของงาน Asian Winter Games ๒๐๒๕ มากน้อยตามจำนวนคนที่จะต้องเอาไปฝาก ครั้นจ่ายเงินปรากฏว่าคอมพิวเตอร์พังไปเรียบร้อย..! กระผม/อาตมภาพจึงขนของออกจากร้านโดยที่ไม่มีใบเสร็จมาด้วย คุณนายโย (นางสาวทัศน์วรรณ พิพัฒน์รังสรรค์) นิมนต์พระไปฉันเพล พร้อมกับประเคนอาหารมังสวิรัติมาให้ ก็คือมีพายและผลไม้ต่าง ๆ มากมาย
เมื่อฉันเสร็จแล้ว ต่างคนต่างก็เดินดูสิ่งของตามอัธยาศัย กระผม/อาตมภาพตรงไปยังทางออกขึ้นเครื่องเลย นั่งรออยู่ตรงนั้นพักใหญ่ก็ได้ "ข่าวร้าย" มาว่า พวกเราต้องเดินออกนอกอาคารเพื่อไปขึ้นรถบัส นำไปส่งที่ท้ายสนามบิน ได้ยินดังนั้น กระผม/อาตมภาพก็นึกถึง "ต้าเหนียง" กับบริวารทันที ว่าถ้าเป็นแบบนี้ คณะของอาตมภาพน่าจะกลายเป็นไอศกรีมแท่งก่อนที่จะขึ้นรถอย่างแน่นอน..!
"ต้าเหนียง" บอกว่า "ไม่เป็นไร เพราะว่าเทียนหวางท่านมารับ" เมื่อหันไปมองตามทิศที่สายตาของทุกท่าน เห็น "ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ" มายืนตระหง่านค้ำฟ้า พร้อมกับ "ท่านพี่อสุรินทราหู" ที่พุงใหญ่พอกับภูเขา พอนึกแค่นั้นพี่ท่านก็ค้อนตากลับ บอกว่า "ถ้าไม่ได้ผมคอยแทรกกำลังให้ ท่านก็หนาวตายไปแล้ว ยังจะมาตำหนิ (บูลลี่) พุงของผมอีก..!"
แถมความรู้ให้ด้วยว่า "กลับไปถึงเมืองไทยแล้ว โดยเฉพาะที่ทองผาภูมินั้น ให้ไปแช่น้ำพุร้อนเสีย ๒ - ๓ วัน เพื่อไล่ความเย็นออก ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเป็นโรคหนาวในกระดูก จนกระทั่งรู้สึกปวดไปทั้งตัวก็ได้ ส่วนท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณได้ขอบอกขอบใจ
"ต้าเหนียง" และคณะ ซึ่งทั้งหมดตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เป็นหน้าที่ซึ่งพึงปฏิบัติ"
อากาศก็เลยโดนดึงฮวบ ๆ ขึ้นมาอยู่ที่ -๑๑ องศาเซลเซียส เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วและอนุญาตให้พวกเราไปขึ้นรถบัส จึงกลายเป็นอะไรที่ "ชิล" มาก รู้สึกว่าสดชื่นจริง ๆ เนื่องเพราะว่าอากาศถ้าต่างกัน ๒ องศาเซลเซียสก็จะรู้สึกอุ่นแล้ว นี่กระโดดขึ้นมา
จาก -๒๓ องศาเซลเซียส มาเป็น -๑๗ องศาเซลเซียส และตอนนี้อยู่ที่ -๑๑ องศาเซลเซียส แต่กระนั้นก็ตาม สนามบินฮาร์บินไท่ผิงทำไมถึงได้ใหญ่โตขนาดนั้น ? ใช้เวลาเป็น ๑๐ นาทีกว่าที่พวกเราจะวิ่งไปถึงเครื่องที่จอดอยู่ท้ายสนามบิน ถ้าเป็นบ้านเราก็ประมาณว่าเดินทางข้ามตำบลกันเลยทีเดียว..!
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘
โฆษณา