สุดยอดครับ...พี่จีนสุดยอดมาก!
เรื่องราวเบื้องหลังกลโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ในเมียนมาร์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ข่าวจากสื่อฮ่องกง(HK01)พวกเขาได้จัดทำหัวข้อพิเศษเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์(จีนเทา)โดยเฉพาะ
จากแบบฟอร์มการลงทะเบียน "Stars Returning Home Plan" ผู้คนได้ลงทะเบียนไปแล้วกว่าพันคน และไม่ทราบว่าจะมีจำนวนกี่คน ที่สามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
โดยพวกเขาวิเคราะห์ลงรายละเอียดไว้ตั้งแต่ เจ้านาย(BOSS) และผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมหกรรมเหล่านี้กระจายอยู่ตามขอบแม่น้ำ ชายแดนระหว่างพม่าและไทย
และปัจจุบันมีพื้นที่หลัก 4 แห่งและตึกสาธารณะ 35 แห่ง ผู้บังคับบัญชาที่อยู่เบื้องหลังสวนสาธารณะส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวจีนและคนในประเทศนิดหน่อย
จากเหนือจรดใต้ คนแรกคือ "หยู จื้อเจียง หรือ หยู ชิน ฉี (Yu Zhijiang)", KK และเจ้าของสวนตึกสาธารณะอื่นๆ
ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยผู้มีอำนาจที่เรียกว่า ซูโอ มูตู้ (Suo Mutoo(ในกฎหมายsua sponte ( ภาษาละติน : "ของเขา, เธอ , ของมัน หรือของพวกเขาเอง") หรือ suo motu/suo moto ("ตามความสมัครใจของตนเอง") อธิบายถึงการกระทำโดยไม่ได้รับคำร้องขออย่างเป็นทางการจากอีกฝ่าย-วิกิพิเดีย))
ชื่อจริงของเขาคือ หยู ลู่ไค (Yu Lunkai) ซึ่งเป็นชาวเซาตง เขาลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยและเข้าร่วมสังคม
เริ่มแรกเขาเข้ามาติดต่อกับอุตสาหกรรมนี้ในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อปี 2555 และเริ่มทำ/เปิดตึกสวนสาธารณะเพื่อสร้างพลังของตนเอง
เนื่องจากเขาฉ้อโกงเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากในธุรกิจนี้ ในปี 2557 ศาลเยียนไถประเทศจีน จึงตัดสินให้เขาเป็นผู้ลี้ภัย เป็นผลให้ในปี 2560 เขาเปลี่ยนชื่อและกลายเป็นชาวกัมพูชา
ด้วยอัตลักษณ์ภายนอกของเขายังคงเป็นคนใจบุญสุนทาน จึงสามารถดำรงตำแหน่งระดับสูงในหอการค้าท้องถิ่น
จนเขามีถ้วยรางวัลเกียรตินิยมมากกว่า 10 รางวัล และอื่นๆอีกมากมายจนไม่สามารถพิมพ์ลงบนนามบัตรได้
ต่อมาเขาได้เปิดบริษัทนานาชาติแห่งเอเชีย-แปซิฟิก และเขาได้ดำเนินการครอบครองบริษัทอย่างจริงจัง
เขาใช้ประโยชน์จากแผน จากทีละคนๆ โดยชักชวนหลายฝ่ายเพื่อร่างแผนใหญ่ต่างๆ
เช่น ลงทุน 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และวางแผนที่ดิน 180,000 เอเคอร์... เมื่อใช้บริษัทนี้ เขาโกงหน่วยงาน และผู้คนจำนวนมาก
ในเวลาเดียวกัน เขายังมีอีกตัวตน นั่นคือ ชี หลุนไก่(Chicken Chilun) ลูกพี่ลูกน้องของ หวงมู่หลง(Huang Moulong) สามีของเซียวหยานซี (Xiao Yanxi)
โดยในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ตำรวจสากลออกหมายแดงให้กับ ชี หลุนไก่
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ประเทศไทยได้จับกุมเขาและส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศ
อันดับที่ 2 จีโหมวโป เหิงเซิง (Jimo Po Heng Sheng) เจ้าของตึกสาธารณะ และ
คนอื่นๆ ทั้งหมดนี้ มีผู้สนับสนุนคือ ซู่ เหมาตง (Su Maodong)
เขาเกิดที่เฮยหลงเจียงและกลายเป็นเด็กข้างถนนในโรงเรียนมัธยมต้น ครอบครัวของเขาค่อนข้างร่ำรวย แต่เขาเรียนไม่เก่งและนิสัยเสีย ต่อมา เขาติดตามป้าของเขาไปที่มาเก๊า
และเริ่มทำงานเป็น "พนักงานขายของ" ในมาเก๊า ซึ่งเชี่ยวชาญด้านธุรกิจสำหรับการติดต่อผู้มั่งคั่งบนแผ่นดินใหญ่ เขาจึงคุ้นเคยกับธุรกิจนี้มาก ต่อมาก็ค่อยๆ พัฒนาและขยายออกไป
เหตุผลที่เขาเติบโตอย่างรวดเร็วในมาเก๊าก็คือเขามีผู้สนับสนุนซึ่งเป็นลูกเขยของเจ้านายใหญ่คนหนึ่ง
ต่อมาเขาทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องสูญเสียบ้าน แยกจากภรรยาและลูก และสุดท้ายเขาจึงเป็นที่ต้องการตัว(จากตำรวจ)ในหลาย ๆ แห่ง
ในปี 2566 มีผู้ถูกจับกุมและถูกตัดสินจำคุกรวมทั้งหมด 15 คน การจับกุมครั้งนี้ ส่งผลให้เขาได้รับข่าวล่วงหน้าและหลบหนีไปจนทุกวันนี้ ตามรายงานของสื่อไต้หวัน เขาอาจซ่อนตัวอยู่ในญี่ปุ่น
อันดับที่ 3 ได้แก่ สยง ซื่อเจีย(Song Shijia), จินซิน(Jinxin) และเจ้าของตึกสาธารณะคนอื่นๆ ได้รับการสนับสนุนจาก บอสซูโอ มูตู้
เขามาจากฝูเจี้ยนและนิสัยของเขาจะโหดร้ายมาก เขาปฏิบัติต่อผู้ที่หลบหนีและต่อต้านโดยไม่เหลือทางรอดให้พวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความโดดเด๋นเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นร้อยโทป้องกันชายแดนกะเหรี่ยงโดยผู้ว่าราชการโซชีอีกด้วย
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความผูกพันระหว่างพวกเขาลึกซึ้งเพียงใด
ยิ่งเขาได้รับความไว้วางใจจากร่มเงาของกองทัพทหารมากเพียงใด ก็หมายความว่าเขาก็ยิ่งไม่มีมโนธรรมมากขึ้นเท่านั้น
และอันดับที่ 4 เบงยาจู( Beng Yaju ) เขาได้ก่อตั้งบริษัทต่างๆ เช่น Dongmei และมีส่วนร่วมในการก่อสร้างตึกสาธารณะแห่งการฉ้อโกงหลายแห่ง
ด้วยความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตตระกูลไป๋ชาวมาเก๊าโดยกำเนิด ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเจ้านายของ 14K
และได้รับการยกย่องว่าเป็น "เจ้าพ่อของมาเก๊าและโปรตุเกสในยุคปลาย" โดยนิตยสารไทม์มาแล้ว
เมื่อไม่กี่วันมานี้ สื่อหลักๆ ได้เสนอชื่อเขา และมีการเปิดเผยภาพถ่ายการมีส่วนร่วมในการก่อสร้างและการลงทุนตึกสาธารณะของเขาจำนวนมาก
และบัญชีโซเชียลของครอบครัวเขาก็ถูกบล็อก
สู่อันดับที่ 5 เซิงเทียน(Shengtian) เจ้าของตึกสาธารณะต่างเรียกเขาว่า พี่ชายคนที่ห้าจากฝูเจี้ยน และยังไม่ทราบตัวตนเฉพาะของพวกเขา ผู้สนับสนุนคืออดีตกองทัพกะเหรี่ยงจากสิทธิที่เขาเป็นน้องชาย
แต่ต่อมาเขาเริ่มคุ้นเคยกับธุรกิจนี้และมีความเชื่อมโยงที่มองไม่เห็น จนเขารู้สึกว่าเขามีความแข็งแกร่ง เขาจึงเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองและเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อฮ่องกง ผู้คนที่หลบหนีจากที่นี่กล่าวว่ามีคนอยู่ในสวนตึกสาธารณะจะมีประมาณหกถึงเจ็ดพันคน
จากข่าว ผู้ชายอันดับ 5 คนนี้โหดเหี้ยมมาก เขาจะไม่ปล่อยคนออกมาไปแม้ว่าจะจ่ายค่าไถ่หรือไม่ก็ตาม เขาจะหักมือและเท้าของเหยื่อแม้ว่าทหารจะบุกเข้ามาช่วยก็ตาม
จากรายงานเหล่านี้ จากสื่อฮ่องกง(เพราะในไทยผมหาข่าวประเภทนี้ได้ยาก) มันทำให้ผู้คนได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
และหากไม่แก้ไขก็จะเป็นการยากที่จะระงับความโกรธของผู้คนหลายร้อยล้านคนในอนาคต.
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
