14 ม.ค. เวลา 13:44 • หุ้น & เศรษฐกิจ

EU vs. US: ทำไมเศรษฐกิจยุโรปถึงตามหลังอเมริกาถึง 50%?

16 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจของ EU และ US มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่ปัจจุบัน เศรษฐกิจสหรัฐฯ ใหญ่กว่ายุโรปถึง 50%
- GDP สหรัฐฯ: $25.5 ล้านล้าน
- GDP EU: $16.6 ล้านล้าน
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความแตกต่างนี้เกิดขึ้นในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา?
เทียบ GDP 2008 กับ 2023
▶️ทางเลือกที่แตกต่าง: นวัตกรรม vs. ความเข้มงวด
สหรัฐฯมุ่งเน้นไปที่ นวัตกรรม และการส่งเสริมผู้ประกอบการ ส่วนยุโรป เลือกความปลอดภัยและกฎระเบียบที่เข้มงวด
ผลลัพธ์: สหรัฐฯ มี 9 บริษัท ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ (เช่น Apple, Microsoft) หันกลับมาฝั่ง EU ไม่มีแม้แต่บริษัทเดียว
U.S. ผลิตบริษัท "ล้านล้านUSD" จำนวน 9 ใน top 10 ของโลก
▶️การไหลออกของแรงงานและผู้ประกอบการ
เหตุใดผู้ประกอบการยุโรปถึงย้ายถิ่นฐาน?
- สหรัฐฯ: เสนอเงินเดือนสูง
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ค่าครองชีพต่ำ เหมาะสำหรับการสร้างสตาร์ทอัพ
ในยุโรป:
- ผู้ก่อตั้งธุรกิจมักถูกมองว่าเป็น "นักแสวงหากำไร" หรือ "ปรสิตทางทุนนิยม"
- การเริ่มต้นบริษัทในประเทศอย่าง ฝรั่งเศส ใช้เวลาเฉลี่ย 84 วัน ในขณะที่ในสหรัฐฯ ใช้เพียง 4 วัน
ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ของฝรั่งเศสยอมรับเองว่า: "EU อาจล้าหลัง หากเรายังยึดติดกับกฎระเบียบและการลงทุนที่น้อยเกินไป"
ผู้ก่อตั้งธุรกิจมักถูกมองว่าเป็น "นักแสวงหากำไร" แง่ลบในยุโรป จึงทำให้ market cap ของบริษัทและวงการ venture capital ไม่เติบโตเท่า U.S. และจีน
▶️ความล้มเหลวของระบบนิเวศนวัตกรรมในยุโรป
ตัวอย่างที่ชัดเจน: เมื่อตอนที่ Elon Musk สร้างโรงงาน Giga Berlin มีการประท้วง “No techno-colonialism” จนทำให้ Tesla เกือบยกเลิกโครงการเพราะปัญหากฎระเบียบและการต่อต้านจากชุมชน
สิ่งนี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่ไม่สนับสนุนผู้สร้าง (builders) ส่งผลให้ แรงงานย้ายออก, บริษัทหลีกเลี่ยงการลงทุน, นวัตกรรมหยุดนิ่ง
EU = กฎระเบียบเข้มงวด, เก็บภาษีจนไม่ดึงดูดบริษัทสร้างนวัตกรรม
▶️ข้อมูลที่น่าตกใจ
- 90% ของแรงงานเทคใน EU พร้อมย้ายไปสหรัฐฯ หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม
- เงินเดือนเทคในยุโรปต่ำกว่าสหรัฐฯ ถึง 50%
- การระดมทุนสำหรับสตาร์ทอัพในสหรัฐฯ สูงกว่า EU ถึง 5 เท่า
แม้กระทั่งบริษัทเทคที่ประสบความสำเร็จในยุโรป เช่น Spotify ยังย้ายไป NYC รวมถึง Klarna ที่กำลังขยายกิจการในสหรัฐฯ และ ARM กำลังตามหลัง NVIDIA และมีข่าวลือว่าจะโดนค่ายการ์ดจอสีเขียวซื้อกิจการ
Daniel Ek พา Spotify ไปตั้งถิ่นฐานที่ U.S. เรียบร้อย
▶️บทเรียนที่สหรัฐฯ สอนโลก
ในขณะที่สหรัฐฯมุ่งเน้นการสร้างอนาคต สร้าง AI, พัฒนา crypto, สนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ฝั่งยุโรปล้วนมีแต่การปกป้องอุตสาหกรรมเก่า และถกเถียงถึงจริยธรรมไม่จบสิ้น
market cap ของยักษ์ใหญ่ยุโรป เล็กกว่า big tech ฝั่งมะกันหลายเท่าตัว
▶️ทางออกสำหรับยุโรป
1. ลดกฎระเบียบ ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจง่ายขึ้น
2. สนับสนุนการเสี่ยง เปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นบทเรียน
3. ส่งเสริมผู้ประกอบการ ลดทัศนคติที่มองว่า "ธุรกิจคือผู้เอาเปรียบ"
4. ลดภาษีด้านนวัตกรรม เพื่อดึงดูดการลงทุน
ผลตอบแทนดัชนีหุ้น ยุโรป vs. U.S.
▶️สรุป
ยุโรปกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม สาเหตุไม่ได้มาจากการขาดความสามารถของประชากร แต่เกิดจากระบบที่ขัดขวางการสร้างสรรค์
ยุโรปเปรียบเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมในการรักษาอดีต แต่ไม่เก่งในการสร้างอนาคต หากยุโรปไม่ปรับตัว ความเหลื่อมล้ำระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ EU จะยิ่งเพิ่มขึ้น
คำถามที่สำคัญคือ: ยุโรปจะเปลี่ยนเส้นทางได้ทันก่อนที่จะสายเกินไปหรือไม่?
ยุโรปมีส่วนร่วมกับ GDP ทั้งหมดของโลกน้อยลงเรื่อยๆ
โฆษณา