14 ม.ค. เวลา 23:38 • กีฬา

1 แต้มที่ซิตี้ กราวนด์ที่ไม่อาจจะมองข้าม(RECAP)

ปกติการเก็บ 1 แต้มอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับฟุตบอลลีก เพราะมุมหนึ่งมันเหมือนกับเสีย 2 แต้มไปในเวลาเดียวกัน แต่เกมที่ซิตี้ กราวนด์ในการเยือนน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ไม่ใช่เรื่องง่าย
ช่วงนี้หลังจากเทศกาลที่พักมา และเร่งเคลียร์งานอื่น บทความลดลงไปหน่อย อาจจะเขียนสั้นลงหน่อย เพราะป่วยมาทั้งสัปดาห์ ใครเป็นแบบเดียวกันก็รักษาสุขภาพ และหายไวๆ ช่วงนี้บอลก็เตะดึกอีกต่างหาก หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาลงตัวอีกครั้ง
ในขณะที่ผมป่วย ผลงานของลิเวอร์พูลก็ป่วยลงไปตามนิดหน่อย แต่คืนที่ผ่านมาเป็นเกมที่พลาดไม่ได้ แม้จะเป็นตี 3 ผมมักจะพลาดช่วงอะไรแปลกๆ เช่นไม่ได้จังหวะที่ลิเวอร์พูลเสียประตู วันไหนไม่ได้ดูทีมจะแพ้อะไรแบบนี้ ดังนั้นเกมนี้ต้องลุกมาให้ดู
อยากบอกว่าช็อตที่คริส วู้ดยิงเข้าผมไม่ได้ดูด้วย เพราะลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็น!
จริงๆ เกมนี้ครึ่งแรกผมสรุปสั้นๆ ไว้หน้าเพจแล้ว ต้องเท้าความก่อนสำหรับใครที่อาจจะเกิดไม่ทัน จำไม่ได้ จำได้ลางๆ ว่าการเจอฟอเรสต์ไม่เคยเป็นงานง่ายของลิเวอร์พูล ตั้งแต่ยุคไบรอัน คลัฟ เทียบให้เห็นภาพลิเวอร์พูลคือแมนฯ ซิตี้ในยุคนี้ และฟอเรสต์คือลิเวอร์พูลในยุคนั้น
ความหมายตรงนี้ไม่เกี่ยวกับสไตล์การเล่น แต่ว่ากันว่าถ้าไม่มีฟอเรสต์ในช่วงเวลานั้น ลิเวอร์พูลยุคทองจะได้แชมป์มากกว่านี้ ทั้งในลีก และยุโรป
ดังนั้นในความรู้สึกแฟนฟอเรสต์จะไม่กลัวลิเวอร์พูลเหมือนทีมเล็กๆ ทีมอื่นๆ จริงๆ พวกเขาเป็นทีมใหญ่ในความรู้สึกของพวกเขาครับ เพราะพวกเขาได้แชมป์ยุโรปมาแล้วสองสมัย คิดดูว่าอาร์เซนอลยังไม่เคยได้ยูโรเปียน คัพ ดังนั้นแม้จะเป็นเรื่องในอดีตแต่พวกเขามีศักดิ์ศรีในการเทียบเคียงกับลิเวอร์พูล
คือเคยแข่งขันมาก่อนรุ่นพ่อรุ่นแม่ สถิติ 13 เกมก่อนฤดูกาลที่แล้วที่ดาร์วิน นูนเญซจะยิงท้ายเกม ลิเวอร์พูลไม่เคยชนะในเกมเยือนพวกเขา คิดดูกัน แพ้ 7 เสมอ 6 เรียกว่าถ้าไม่มีเกมฤดูกาลที่แล้วคล็อปป์จะไม่มีสถิติบุกชนะฟอเรสต์
ใช่ ที่ฟอเรสต์มีช่วงตกชั้นไปนาน แต่ถ้าย้อนไปอย่างน้อยยุคที่ผมเกิดทันลางๆ จอห์น บาร์นส์, เอียน รัช, จอห์น อัลดริดจ์ต่างเคยมาแพ้ที่นี่หมด(จะต่างจากเกมที่แอนฟิลด์) แต่พวกเขาไม่กลัวลิเวอร์พูลว่างั้น
กลับมายุคปัจจุบัน ฟอเรสต์เพิ่งได้ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน คริส วู้ดก็เคยได้นักเตะยอดเยี่ยมมาแล้ว ทีมเสียประตูยากมาก เกมรับดีมาก และกำลังมั่นใจ ใครว่าเกมนี้จะเป็นเกมง่ายๆ ผมคิดว่าจะเขียนก่อนเกมแล้ว แต่สภาพไม่ไหว และไม่อยากเจิม!
นูโน่ทำทีมได้ดีมาก ผมยังนึกย้อนไปที่ภาพที่คนจดจำว่าเป็นอาถรรพ์ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมมาจากช่วงที่เขาคุมสเปอร์ส ชนะ 3 นัดรวด แต่แพ้ 3 นัดรวดหลังจากได้รางวัล และถุกปลด ซึ่งตอนนั้นผมว่าไม่แฟร์กับเขา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคุมทีม 6-7 นัดเท่านั้น
ตอนนี้เขานำฟอเรสต์มาไกล และดีขนาดนี้ อยากรู้ว่าแฟนสเปอร์สคิดยังไง เพราะตอนนั้นชัดเจนว่าตอนนั้นสเปอร์สอยากได้อันโตนิโอ คอนเต้ มากกว่า แต่เอานูโน่มาแก้ขัดก่อน สุดท้ายผมว่าเขาไม่ได้เวลามากพอกับสเปอร์ส
หันมาดูฟอเรสต์ตอนนี้ 11 ตัวของพวกเขา เป็นนักเตะที่เคยเกือบสร้างชื่อในทีมใหญ่ๆ แม็ต เซลซ์โกลที่วันนี้เล่นได้ดีมาก เซฟช่วยให้ฟอเรสต์มีแต้มในเกมนี้เคยอยู่กับนิวคาสเซิล
เนโก้ วิลเลียมส์เคยเกือบขึ้นมาแย่งตำแหน่งในทีมลิเวอร์พูล แอนโทนีย์ อีลังก้าเคยลงเล่นต่อเนื่องในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด และด้วยอายุแค่นี้ (22 ปี) ผมยังแปลกใจว่าทำไมแมนฯ ยูไนเต็ดปล่อยเขาออกมา(เทียบกับบางตัวที่มีอยู่ตอนนี้!) รวมกับคัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และโอล่า ไอน่าอดีตเด็กปั้นของเชลซี
ผมคงไม่ต้องเล่าหมด คงเห็นภาพการสร้างทีมของฟอเรสต์ และส่วนใหญ่นักเตะของพวกเขาอายุยี่สิบต้นๆ เท่านั้น พวกเขาเลือกนักเตะที่เคยเกือบจะขึ้นมาในทีมใหญ่ได้ แต่ไม่ได้ในเวลานั้น แต่ตอนนี้พวกเขาได้โอกาสกับฟอเรสต์ และมีโอกาสทำได้ดี
ด้วยงบประมาณที่น้อยกว่า การสร้างทีมได้ขนาดนี้นับว่ายอดเยี่ยมมาก จริงๆ ลิเวอร์พูลก็ทำทีมลักษณะเดียวกัน ตัวอย่างที่เหมือนกันชัดเจนคือการซื้อไรอัน กราเฟนแบร์คนั่นแหล่ะ แต่ฟอเรสต์เหมือนมีกราเฟนแบร์คหลายคน
 
ดังนั้นใครคิดว่าฟอเรสต์จะรอให้ลิเวอร์พูลขยี้ง่ายๆ คงฝันหวานเกินไป
แน่นอน แฟนหงส์ที่ผมคุยด้วยก่อนเกมหวังชัยชนะอยู่แล้ว แต่ผมเตือนไปด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ด้วยอายุหรืออะไรก็ตาม ผมยืนยันว่าฟอเรสต์ไม่เคยกลัวลิเวอร์พูล ผมพูดกับเพื่อนว่าลิเวอร์พูลอยู่ในช่วงคูลดาวน์หลังปีใหม่ ช่วงนี้เหมือนพรีซีซั่นเล็กๆ กลางฤดูกาล
นักเตะหลายคนจะได้พักในช่วงบอลถ้วย และผ่านช่วงเทศกาล จะเป็นช่วงผ่อนลงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงท้าย ผมบอกให้ทำใจไว้ก่อนเลยว่าเกมนี้อาจจะถึงแพ้ได้เลย แต่ผมจะรับได้หากนักเตะได้หมุนเวียนลงเล่น และรักษามาตรฐาน
แน่นอนถ้าชนะจะกำไรมาก ผมก็คุยเล่นๆ ว่าถ้าอาร์เน่อชนะเกมนี้ได้ หลายๆ แง่มุมจะเหนือกว่าคล็อปป์, เคนนี่ หรือเพสลีย์ ทีเดียว ถ้าชนะได้เกมนี้ก็เอาแชมป์ไปเลยเถอะ!
แต่จริงๆ ลึกๆ ผมก็อยากให้ชนะแหล่ะ เพียงแต่ถ้าเสมอเกมนี้มันไม่ได้แย่เลย และเริ่มเกมขึ้นมาลิเวอร์พูลบุกได้ดี เปิดหน้าแลก เป็นมวยก็คือไม่ได้เสียกระบวนจากเกมก่อนๆ ยังยึดมั่นวิธีเดิม แต่พอลุกไปหยิบน้ำ อ่าว 1-0 คริส วู้ด
หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เริ่มเสียทรงจากที่ทำได้ในตอนแรก และยิงไกลมากขึ้น ซึ่งถ้าใครตามวิเคราะห์ก่อนเกมหลายๆ แห่ง เขาจะมองไปที่ลูกแบบนี้ หรือลูกตั้งเตะที่จะพอเล่นงานฟอเรสต์ที่กำลังมั่นใจได้
ครึ่งแรกแม้จะมีโอกาสน่าจะประมาณ 7 ครั้ง แต่ลิเวอร์พูลยิงไม่เข้ากรอบเลย และผมดูแล้วบอลของเราเสียด้านซ้ายที่คักโป แต่ส่วนหนึ่งมาจากจังหวะของโรเบิร์ตสัน ผมเห็นเกือบเสียบอล ออกช้า จ่ายผิด และดูเหม่อ
แม้ว่าจะรักร็อบโบ้มากแค่ไหน แต่ถ้าเล่นได้แค่นี้ต่อเนื่อง อันตรายจริงๆ จะเป็นช่องโหว่ และถ้าคิดถึงระยะยาวตอนนี้อาจจะต้องหาตัวแทนไว้ล่วงหน้า หรือจริงๆ ไม่ต้องระยะยาว ในฤดูกาลที่เหลือ ถ้าซิมิกาสไม่มีปัญหาเรื่องความฟิต ร็อบโบ้อาจจะหลุดเป็นสำรองได้แล้ว
ไปทางขวา เทรนต์ก็ดูขาดสมาธิในบางช่วงของเกมไป แต่เกมนี้ไม่ได้แย่ เพียงแต่กับข่าวอนาคตที่ไม่แน่นอน ผมคิดว่าแบ็กขวามองไปที่ ไอน่าของฟอเรสต์น่าสนใจมากเช่นกัน แม้ว่าเราจะมี และเชียร์แบร็ดลีย์ แต่ต้องมีคู่แข่งเพิ่มในกรณีเสียเทรนต์ ซึ่งไอน่าของฟอเรสต์ก็น่าสนใจมาก
ตอนพักครึ่ง ทุกคนรอดูอาร์เน่อแก้เกม และจริงๆ ต้นครึ่งหลังก็ยังไม่ต่างจากครึ่งแรก ดูแล้วแทบจะปิดประตูกลับมาชนะ(เอาแค่เสมอยังยาก) จนการเปลี่ยน ซิมิกาส และโชต้า ลงมา และบอลแรกของทั้งคู่ น่าจะเป็นการสัมผัสบอลแรกของโชต้าก็เป็นประตูตีเสมอ
หลังจากนั้นเกมก็เปิดแลกมากขึ้น สนุกขึ้น ฟอเรสต์พยายามขึ้นมาสวนเหมือนกัน เพราะพวกเขาอยู่ในสถานะที่จะแอบลุ้นแชมป์ได้ หรือจะไม่แอบก็ได้ ถ้าชนะลิเวอร์พูล พวกเขาอาจจะมีแรงบันดาลใจจากเลสเตอร์ หรือทีมในอดีตในประวัติศาสตร์ของไบรอัน คลัฟ
 
คือในอดีตฟอเรสต์ก็ไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่พวกเขามียุคทองของคลัฟ เมืองของพวกเขามีชื่อเสียงเพราะโรบินฮู้ด แต่ฟุตบอลก็ไม่กลัวใคร เสียงเชียร์เสียงโห่ ระหว่างเกม แฟนหงส์หลายคนคงรำคาญน่าดู มันดังขึ้นหลังจากที่พวกเขานำ แต่หลังจาก 1-1 ผมรู้สึกว่าเรามีโอกาส
แต่แม็ตต์ เซลซ์นายประตูของพวกเขาก็เซฟเยอะจริงๆ หลังจากนั้น น่าจะเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในเกมนี้ได้เลย แต่ถ้าพิจารณาการเซฟแต่ละลูก บอลก็ใกล้ตัวและอาจจะไม่ดีพอ แต่รวมๆ ลิเวอร์พูลไม่ได้เล่นแย่ ขนาดที่เห็นหลายคนบ่น
เราทำได้ดีพอสมควร ไม่ใช่วันที่ท็อปฟอร์ม แต่อย่าลืมว่าฟอเรสต์กำลังอยู่ในช่วงพีคมาก และใครคิดเรื่องอาถรรพ์ตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม ผมบอกเลยว่าผมอยากให้อาร์เน่อได้ทุกเดือนจากนี้ไปจนจบฤดูกาล ดูว่าจะไม่ได้แชมป์ไหมถ้าอย่างนั้น!
ถึงไม่ใช่วันที่ท็อปฟอร์ม แต่ถ้าหลังไม่ใช่ฟอเรสต์ที่กำลังเข้าฟอร์ม เมื่อคืนลิเวอร์พูลน่าจะมีประตูเพิ่มแน่จากโอกาส ถ้าใครย้อนไปดูไฮไลท์ ท้ายเกมมีจังหวะที่ฟอเรสต์สวนถ้าเปิดดีจะได้ลุ้นเช่นกัน แต่ก็ติดฟาน ไดค์ หรือโกนาเต้
กราเฟนแบร์คมีจังหวะดีแย่ปนกัน แต่รวมๆ ช่วงที่ดีเขาคุมเกมได้ และยังมีช่วงท้ายที่เล่นแทนโกนาเต้ที่ทำได้ดีมาก โกนาเต้ผมว่าต้องรออีกนิดถึงจะกลับมามีฟอร์มที่ดี อย่าลืมว่าเขาเจ็บไปนานพอสมควร ต้องให้เวลาสักหน่อย แต่แบ็กสองข้างวันนี้เล่นได้ไม่ดีนัก
แม็คก้าก็มีหลุดเรื่องอารมณ์ ในขณะที่ตัวที่วิ่งเยอะอย่างโซโบดูจะมีประโยชน์กว่าในเกมนี้ แต่ลุยซ์ ดิอาซวันนี้น่าผิดหวังที่สุดคนหนึ่งในสนาม เล่นไม่ออกเลย และแทบหาจังหวะไม่ได้ บางทีอาจจะถึงเวลากลับไปอยู่ริมเส้นเมื่อโชต้าพร้อมกว่านี้
จริงๆ ดิอาซก็จะมีบางเกมที่เล่นยากแบบนี้ เข้าใจได้ ยิ่งเสียประตูเร็วฟอเรสต์ก็เน้นรับมากขึ้นไปอีก เพียงแต่กับเวลาในสนามทั้งหมดน่าจะทำได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะเทียบกับซาลาห์ที่เสียได้ไม่ได้ทั้งจุดโทษ และประตูที่เกือบๆ ถือว่ามีประโยชน์กว่า แม้แต่คักโปก็ยังได้ลุ้นยิงไกล
ท้ายเกมแม้จะมีโอกาสชนะ แต่ทำไมได้ แต่อย่าลืมว่านี่คือการเจอกันของทีมอันดับ 1 และ 3 ของตาราง อย่างน้อยก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ฟอเรสต์เข้ามาใกล้กว่านี้ และฤดูกาลนี้เราเล่นกับพวกเขาครบสองเกมแล้ว แต่จริงๆ พวกเขาไม่ใช่คู่แข่งที่แท้จริง
จบเกมวันอังคาร ผมว่าชัดเจนมากว่าเหลือแต่อาร์เซนอล ผมอยากให้แมนฯ ซิตี้กลับมาแกร่งกว่านี้ เพราะสมมติว่าพวกเขาดีขึ้นจะตัดแต้มเชลซี, อาร์เซนอล หรือแม้แต่ลิเวอร์พูลเองก็ตาม แต่ก็จะทำให้เกมน้อยลงไปด้วย
แต่การที่ซิตี้กลับมาชนะรัวๆ ก็ทำให้เริ่มเสียวเช่นกัน เพราะพวกเขาอาจจะเป็นทีมเดียวที่คาดหวังว่าจะชนะเกือบ 20 เกมติดต่อกันอะไรแบบนั้นได้ พอเกมเมื่อคืนโดนเบรนท์ฟอร์ดไล่ตีเสมอ 2-2 ระยะห่างยังค่อนข้างปลอดภัย
ซิตี้แข่ง 21 มี 35 แต้ม คิดเล่นๆ ว่าถ้าชนะ17 เกมที่เหลือหมดก็จะได้อีก 51 + 35 ก็ 86 อาจจะพอมีลุ้น แต่โอกาสชนะอีก 17 มันยากมาก และยังไม่แน่ว่าจะพอด้วย กลับกันถ้าเมื่อคืนพวกเขาชนะ 88 มันยังเยอะพอเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้จริงๆ
 
ถ้าลองเป็นซิตี้ในฤดูกาลก่อนๆ ผมว่าผลเสมอฟอเรสต์ไม่พอ และจะมาพิมพ์ว่า 1 แต้มอันมีค่าอะไรแบบนั้นคงโดนด่า เพราะเหมือนเสีย 2 แต้มมากกว่า!
แต่สำหรับฤดูกาลนี้ ในค่ำคืนที่ผ่านมา 1 แต้มดีกว่าแน่นอน ไม่อย่างนั้นฟอเรสต์จะไล่มาเหลือ 3 แต้ม แทนที่จะห่าง 7 แบบตอนนี้ และสุดท้ายอยู่ที่อาร์เซนอล - สเปอร์ส ซึ่งปืนอุตส่าห์เล่น 120 นาทีในเกมล่าสุด แต่ไก่ก็เล่น 120 นาทีมาเช่นกัน
ระยะหลังสเปอร์สก็ต้านปืนไม่ได้เลย แต่ความเดือดของลอนดอนเหนืออาจจะพอมีลุ้นนิดๆ โดยเฉพาะสเปอร์สที่เพิ่งฟอร์มดีในลีก คัพ ในการชนะลิเวอร์พูลกลางสัปดาห์ที่แล้ว!
เชลซีล่ะพี่จินไม่มองรึ น้องถามตอนกลางวันก่อนเกม ผลการแข่งขันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์จบที่ 2-2 ในเกมล่าสุด ตั้งแต่โอกาสแซงลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง พวกเขาน่าจะไม่ชนะมา 5 นัด ตอนนี้ห่าง 10 แต้ม แข่งมากกว่า 1 นัด ไม่น่าแปลกใจที่ร้านพูลถูกกฎหมายของอังกฤษยังให้ซิตี้เป็นเต็ง 3 เหนือพวกเขา!
แต่จากเกมเมื่อคืนแม้ฟอเรสต์จะเป็นเต็ง 5 แต่ตรงนี้ผมเห็นแย้ง ผมว่าฟอเรสต์อาจจะมีโอกาสจบอันดับสูงกว่าเชลซี เพราะทีมเล่นได้มีวินัยเหลือเกิน
อ่อ ระหว่างพักครึ่ง และระหว่างเกม ผมคิดแบบเดียวกับผู้สันทัดกรณีคนอื่นๆ ว่าเกมแบบนี้ต้องหวังที่ลูกตั้งเตะ และอีกจุดที่ลิเวอร์พูลเหนือกว่าฟอเรสต์นิดหน่อยคือความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ การสร้างทีมแบบฟอเรสต์น่าสนใจก็จริง แต่นักเตะที่พวกเขาได้จะเกรดรองลงมาหน่อยจุดนี้ลิเวอร์พูลจะเหนือกว่า
เพียงแต่กรณีเกมที่จบลงไป ดิอาซไม่ได้แสดงศักยภาพตรงนี้ออกมา แต่เราจะเห็นเบสิกพื้นฐานที่ทีมที่มีนักเตะแพงกว่าจะมีแต้มต่อตรงนี้ ดังนั้นการเสริมทัพ หรือการจ่ายค่าเหนื่อยให้นักเตะที่มูลค่าสูงกว่าทำไมจำเป็นต่อความสำเร็จ
ถึงตรงนี้ใครจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวเลย ผมว่าอย่างน้อยกับเทรนต์เราเห็นผลกระทบกับสมาธิของนักเตะที่อนาคตไม่ชัดเจน ส่วนกรณีของซาลาห์ และฟาน ไดค์ ทั้งสองมีฟอร์มในสนามที่ดีมาก แต่มันจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแน่ๆ ถ้าเคลียร์อนาคตให้ชัด
มีข่าวว่า ริชาร์ด ฮิวจ์สแทบไม่มีอำนาจในการเสนอสัญญาเกินขอบเขตที่เอฟเอสจีอนุญาต ฟังดูก็เป็นการทำงานที่น่าหนักใจไม่น้อย หวังว่าจะมีข่าวดีสักที ก็ไม่อยากเขียนถึงเรื่องนี้เลย
 
แต่สำหรับ 1 แต้มเมื่อคืน อาจจะเสียดายนิดหน่อย แต่ไม่เสียหาย และเห็นคุณค่าของมันแน่ เพราะกับอาร์เซนอลที่ตามห่าง 7 แต้ม มันมีผลคือลิเวอร์พูลพลาดได้ 2 เกม โดยไม่ต้องห่วงประตูได้เสีย ถ้าคิดถึงการแข่งขันกับอาร์เซนอล นอกจากพวกเขาต้องทำมาตรฐานให้ดีกว่าเกมสำคัญที่แอนฟิลด์พวกเขาต้องชนะเราให้ได้
นี่คือโจทย์ที่พวกเขาต้องทำ แต่ลิเวอร์พูลจะเปิดโอกาสให้บ่อยๆ ก็ไม่ดี เพียงแต่เกมเยือนฟอเรสต์มันยากอย่างที่คิด ดังนั้นจะบอกว่าเปิดโอกาสก็ไม่เชิงซะทีเดียว ในโปรแกรมครึ่งหลังของฤดูกาล ผมว่าเกมเมื่อคืนเป็นหนึ่งในเกมที่ยากที่สุดของลิเวอร์พูลเลย
เหนือสิ่งอื่นใดแม้จะได้แต้มเดียว แต่จะเห็นว่าลิเวอร์พูลเล่นเพื่อ 3 แต้ม ไม่ได้มีติ๊ดชึ่ง ถ่วงเวลา หรือพอใจว่า 1 แต้มก็พอ เราเห็นจากโมเมนต์ท้ายเกมว่าลิเวอร์พูลเล่นเพื่อชนะ เปิดแลกแบบไม่กลัวแพ้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้แม้ไม่ชนะ แต่ถ้าทำแบบนี้ส่วนใหญ่ โอกาสชนะก็มากกว่าแน่ๆ
เหลืออีก 18 เกม ช่วงหลายๆ นัดหลังอาจจะมีแต้มหล่นหายไปบ้าง ฟอร์มอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ยังมีสัญญาณว่าจะกลับไปเป็นขาขึ้นในเร็วๆ นี้ เมื่อตัวที่เพิ่งหายเจ็บกำลังสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นซิมิกาส โชต้า หรืออิบรูที่ผมว่าช่วงนี้ต้องให้เวลาเขาเรียกฟอร์ม
ลิเวอร์พูลน่าจะพร้อมรับมือกับครึ่งหลังของฤดูกาลเต็มตัว แต่ผมก็ให้ถึงเกมนี้เท่านั้น หลังจากนี้จะเสมออีกบ่อยๆ ไม่ดีแน่ และหวังว่าคู่แข่งจะพลาดไปเรื่อยๆ ตลอด(ได้ก็ดี) โอกาสเกิดขึ้นแบบนั้นมันน้อย
นอกจากนี้อีกหลายเกมข้างหน้าจะเป็นเกมนอกบ้าน ซึ่งฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าในบ้านด้วยซ้ำ! ช่วงนี้จะเป็นโอกาส และบททดสอบในเวลาเดียวกัน ต้องชนะให้มากที่สุด ต้องหนีให้ไกลที่สุด วันนี้ยกให้ 1 แต้มน่าพอใจ แต่อารมณ์แบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ
เหมือนกับบอลชิงแชมป์อาเซียนที่รอบนี้แม้จะแพ้เวียดนามที่ปิดลีก 2 เดือน ใช้นักเตะโอนสัญชาติ และได้แชมป์ แต่ไทยใช้ชุด 2-3 ด้วยซ้ำ และเป็นชุดอายุน้อยน่าจะดีกว่าอนาคตมากกว่าใช้ตัวเดิมๆ แก่ๆ แต่ระยะยาวไม่ได้ปั้นใครขึ้นมา
ลิเวอร์พูลก็อาจจะถึงเวลาที่ต้องคิดเรื่องนี้ โดยเฉพาะกรณีแบ็กซ้าย
ส่วน 3 ตัวสำคัญที่กำลังจะหมดสัญญา ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วแต่บอร์ดบริหารจะรอให้เสี่ยงถูกด่าเพิ่มไหมถ้าไม่แก้ปัญหาตรงนี้ และเกิดอุบัติเหตุทีมพลาดขึ้นมาช่วงที่เหลือ ทั้งที่อาจจะไม่เกี่ยวโดยตรงแต่รับรองว่าถ้าผลงานตกลงประเด็นนี้จะถูกพูดถึง และแฮชแท็ก #FSGOUT จะกลับมาอีกแน่(เคยมีมาแล้ว)
ภาพรวมอย่างน้อยคล็อปป์ก็ผลัดแดนกลางให้แล้ว มันเป็นคุณูปการมาจนถึงตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าจำเป็นแผงหลังก็ต้องเปลี่ยนแบ็กสองข้างเลยในซีซั่นหน้า แต่จากเกมเมื่อคืนเป็นอีกครั้งที่อาร์เน่อเปลี่ยนตัว และแก้เกมได้ดี
อาร์เน่อดูจะมือถึงในแง่นี้ หลังจากนี้รอพิสูจน์แค่จะมีวาสนาพอเอื้อมคว้าถ้วยรางวัลไหม หรือดีพอในสถานการณ์ที่กดดันแค่ไหน ส่วนเรื่องการซื้อตัว และสัญญา ยุคนี้อาจจะเป็นหน้าที่ของส่วนอื่นๆ เขาอาจจะต้องสะสมบารมีกว่าจะมีอำนาจไปยุ่งเรื่องนี้ หรืออาจจะมองในแง่ระบบว่าไม่ใช่ส่วนที่เขาควรจะยุ่ง
แต่การเปลี่ยนตัว แก้เกม อารมณ์ร่วม ทุกอย่าง อาร์เน่อทำได้ครบสมบูรณ์เท่าที่ทำได้ไม่ด้อยกว่าคล็อปป์ ณ จุดนี้ เขาอยากชนะเมื่อคืน ไม่น้อยไปกว่าเรา และแสดงออกมาผ่านการสั่งการณ์ และการเล่นของลูกทีม
เป็น 1 แต้มที่สะท้อนถึงความต้องการ 3 แต้ม ได้ 1 แต้มที่เสียดายไม่ได้ 3 แต้ม ไม่ใช่ 1 แต้ม แล้วเฮฉลองเหมือนชนะอะไรแบบนั้น มันไม่ได้น่าพอใจสำหรับลิเวอร์พูลในตอนนี้ ถูกต้องแล้วที่ต้องรู้สึกอย่างนั้น
แต่มันไม่อาจจะมองข้าม หรือมองว่าไร้ความหมายแน่ๆ กับสิ่งที่ได้เห็น...
จินตะปัญญา
โฆษณา