6 ชั่วโมงที่แล้ว • การเมือง

สนับสนุน พรบ.คาสิโน พร้อมข้อเสนอแนะให้ดีขึ้น 'อรรถวิทย์' ชี้ถึงเวลาแยกผีเน่ากับโลงผุออกจากกันแล้ว

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และประธานกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม กล่าวถึงร่าง พรบ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือกฎหมายคาสิโนว่า ตนเองเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้มานานแล้ว เป็นสิ่งที่ควรจะถูกนำขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ แยกผีเน่าออกจากโลงผุเสียที
“คือเอาตำรวจมาอยู่กับบ่อนมานานแล้ว แล้วตำรวจก็มองว่าสิ่งที่ชั่วน้อยที่สุดคือการทำบ่อน เพราะส่วยตำรวจส่วนมากก็มาจากบ่อน ผมว่ามันถึงเวลาแยกละ อะไรควรจะเข้ารัฐก็มาวางบนโต๊ะ แล้วเอาให้มันออกมาให้ชัดเจน อย่าซุกอะไรอยู่ใต้พรมอีก อรรถวิชช์กล่าว
และกล่าวว่าถ้าหากว่ามีสถานบันเทิงครบวงจรเกิดขึ้น ก็จะนำมาซึ่งการลงทุนใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมาเช่น โรงแรม ศูนย์การประชุม บ่อน ห้างสรรพสินค้า และสนามกีฬาขนาดใหญ่
สำหรับในตัวกฎหมายคาสิโนนั้น อรรถวิชช์กล่าวว่า มาตราที่น่ากังวลคือมาตรา 41 ซึ่งกำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจร จะต้องประกอบไปด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้าย พระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับคาสิโน ซึ่งรายชื่อธุรกิจตามบัญชีแนบท้ายนั้นประกอบไปด้วย
1. ห้างสรรพสินค้า
2. โรงแรม
3. ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์
4. สนามกีฬา
5. ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ
6. สถานที่เล่นเกม
7. สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
8. สวนสนุก
9. พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP
เนื่องจากมาตรานี้นั้นไม่ได้มีการกำหนดว่าขนาดของธุรกิจเหล่านี้
“ถ้าเกิดว่าผมมีโรงแรม 10 ห้อง มีสระว่ายน้ำอยู่ 1 สระ มีสวนที่ไว้สำหรับขาย OTOP อยู่ 1 อัน มีสนามเด็กเล่นอยู่หน่อยหนึ่ง ได้แล้วนะ! แล้วที่เหลือเป็นบ่อน” อรรถวิชช์กล่าว อีกทั้งยังกล่าวว่าใน ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มีการกล่าวถึงหอแสดงสินค้า (Exhibition Hall) ในบัญชีแนบท้ายข้างต้น
อีกทั้งยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการระบุขนาดของโรงแรม หรือห้างสรรพสินค้าด้วย มิเช่นนั้นสัดส่วนของบ่อนจะสูงกว่าสัดส่วนของ Entertainment Complex และไม่เห็นด้วยกับการให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (ตามมาตรา 6) หรือ ซุปเปอร์บอร์ด เป็นผู้กำหนดสัดส่วนของ Entertainment Complex (ตามมาตรา 11) แต่ควรจะระบุให้ชัดเจนในกฎหมายไปเลย
และที่สำคัญคือสถานที่ตั้ง Entertainment Complex นั้นก็ควรจะถูกกำหนดในกฎหมายไปเลย เช่นเดียวกันกับกรณีของสัดส่วนของบ่อนใน Entertainment Complex
อรรถวิชช์ตั้งคำถามว่าในช่วงที่จะมีการขออนุญาตจัดตั้ง Entertainment Complex (ตามมาตรา 43) นั้น จะต้องมีการกำหนดแผนอย่างชัดเจน แต่เมื่อจะมีการเช่าช่วง (ตามมาตรา 46) เหตุใดจึงไม่ให้มีการกำหนดแผนพัฒนา
สำหรับกรณีที่มีการกำหนดให้ค่าปรับจากผู้ที่กระทำความผิดตามมาตราที่ 61 และ 62 เข้าสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร (ตามมาตรา 20) นั้น อรรถวิชช์เห็นว่าควรจะนำส่งเข้ากองทุนสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้ตำรวจนำไปใช้การปราบปรามยาเสพติด แต่ไม่มีการระบุลงไป
“ถ้าเราคิดว่าเราต้องการแค่คาสิโนนะ อันนี้ผิด เราต้องการ Entertainment Complex ขนาดใหญ่” อรรถวิชช์กล่าว และกล่าวว่าจะมีกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น ๆ เข้ามาดึงดูดให้เกิดการใช้จ่าย และสิ่งสำคัญคือการมี Local Content (สินค้าและบริการในพื้นที่นั้น ๆ) ที่จะถูกนำมาขาย เช่นการมีสัดส่วนแรงงานไทยนั้นควรจะมีเท่าไร จะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการพนันระดับโลกมาสู่คนไทยหรือไม่
อรรถวิชช์กล่าวว่าร่างกฎหมายฉบับนี้นั้นมีหลักการที่ดี แต่ไม่มีการกำหนดขนาดที่ชัดเจน และมีเพียงไม่กี่มาตราที่ควรจะถูกปรับ และปรับได้ แต่ทั้งนี้ ถือได้ว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องโฟกัสให้ถูกจุด
“ท่านรัฐมนตรีพีระพันธุ์ ท่านรองนายกฯ พีระพันธุ์ (สาลีรัฐวิภาค) ท่านตามอยู่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งคิดว่าในส่วนของรวมไทยสร้างชาติ อาจจะมีการทำร่างกฎหมายประกอบ ให้มันมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้นในเรื่องของความเป็นสถานบันเทิงขนาดต่าง ๆ Sizing (ขนาด) ที่ต้องใส่ลงไป เพราะเราเน้นเรื่องสถานบันเทิงอื่น ๆ มากกว่าการเน้นคาสิโน” อรรถวิชช์กล่าว
#TheStructure
#TheStructureNews
#คาสิโน #EntertainmentComplex
#รวมไทยสร้างชาติ
โฆษณา