Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 04:00 • ธุรกิจ
ตำนาน โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ธุรกิจที่เกิดจาก “การถูกความจนเฆี่ยนตี”
ด้วยอาหารอร่อย รสชาติเป็นที่ถูกปาก มีเบียร์หลากหลายรสชาติ และมีโชว์สุดประทับใจ หาดูที่อื่นแบบนี้ไม่ได้
ก็ทำให้ “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง” สามารถยืนหยัด และมอบความสุขให้กับผู้คน มานานกว่า 25 ปีแล้ว
1
แต่เราเคยรู้หรือไม่ว่า กว่าที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง จะประสบความสำเร็จ ยืนหยัด ตั้งตระหง่าน เป็นที่จดจำของผู้คนอยู่ได้แบบนี้
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจนี้ ต้องเคยประสบพบเจอกับความพ่ายแพ้ ตกระกำลำบาก โดนความจน “เฆี่ยนตี” มาครึ่งชีวิต
หากสงสัยว่า ประวัติชีวิตของผู้ร่วมก่อตั้งท่านนี้ มีเนื้อหาเร้าใจอย่างไร มีอะไรให้เราได้เรียนรู้บ้าง และโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ถือกำเนิดมาได้อย่างไร
1
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เราต้องมารู้จักกับคุณสุพจน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโรงเบียร์แห่งนี้กันก่อน
1
คุณสุพจน์ ธีระวัฒนชัย เกิดในปี 2505 เป็นลูกชายคนโต ของพี่น้อง 5 คน ในครอบครัวชนชั้นกลางตอนล่าง ที่ครอบครัวไม่ค่อยมีทรัพย์สินอะไร แถมยังคงต้องหาเช้ากินค่ำเพื่อให้มีชีวิตรอดในแต่ละวัน
พอพื้นเพของครอบครัวเป็นแบบนี้ ก็เลยได้หล่อหลอมให้คุณสุพจน์เริ่มทำงาน เพื่อช่วยที่บ้านหาเงินมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยเป็นการค้าขาย พวกน้ำอัดลม และขนมขบเคี้ยว
แต่แล้วพออายุได้ 13 ปี ทางคุณพ่อและคุณแม่ของคุณสุพจน์ ก็ได้ตัดสินใจแยกทางกัน คุณสุพจน์จึงได้ย้ายมาอยู่กับคุณแม่
เดิมทีคุณแม่ของคุณสุพจน์ มีประสบการณ์เป็นสาวทอผ้ามาก่อน ก็เลยใช้ความเชี่ยวชาญนี้ เริ่มต้นธุรกิจทำเสื้อยืดเพื่อขายส่งตลาดโบ๊เบ๊
1
โดยคุณสุพจน์และบรรดาพี่น้อง ก็ได้ช่วยคุณแม่ทำธุรกิจมาตลอด จนธุรกิจเติบโตขึ้น และฐานะความเป็นอยู่โดยรวมของครอบครัว ก็เริ่มดีขึ้น
แม้ในวัยเยาว์ คุณสุพจน์จะต้องเจอกับเหตุการณ์ความยากลำบากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องตั้งอกตั้งใจทำงาน เพื่อช่วยครอบครัวหาเงิน
1
แต่คุณสุพจน์ ก็ไม่ได้ละทิ้งการเรียนแต่อย่างใด เพราะเขาสามารถสอบเข้าเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบได้ และยังเรียนจบปริญญาตรี ที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ด้วย
หลังเรียนจบปริญญาตรี คุณสุพจน์เคยมีความคิดว่า เบื่อกับการทำธุรกิจเสื้อผ้าแล้ว ควรจะลองไปสมัครงานเพื่อทำอย่างอื่นดูบ้าง
แต่เขาก็ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ว่า เขาควรจะทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุด
2
พอคิดได้ดังนั้น คุณสุพจน์จึงได้เลือกเริ่มต้นทำธุรกิจ ด้วยการทำแบรนด์เสื้อยืดของตัวเอง ในชื่อ “แยมแอนด์ยิม”
1
แต่การทำธุรกิจขายเสื้อยืดครั้งนี้ แตกต่างจากธุรกิจเดิมของครอบครัว เพราะธุรกิจของครอบครัว จะเป็นการขายส่งเสื้อเข้าตลาดโบ๊เบ๊ ไม่ได้มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง จะไปต่อรองอะไรกับลูกค้าก็ยาก
แต่สำหรับธุรกิจใหม่นี้ มีแบรนด์เป็นของตัวเอง และเน้นขายปลีกผ่านหน้าร้านของตัวเองด้วย
ธุรกิจแยมแอนด์ยิม ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างเงินให้กับคุณสุพจน์ ได้เป็นกอบเป็นกำ
1
แต่แล้วด้วยความที่อยากเร่งขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ธุรกิจที่มีแววจะรุ่งเรืองได้นี้ ก็ต้องหายไปตลอดกาล อย่างรวดเร็วเช่นกัน
1
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะคุณสุพจน์ลืมประเมินต้นทุนการทำธุรกิจอย่างละเอียด ทำให้ไปกู้เงินมาหลายสิบล้านบาท เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิต
โดยวิธีในการขยายกำลังการผลิต ก็คือการย้ายโรงงานใหม่ จากเดิมอยู่ที่ตลาดน้อย ย้ายไปอยู่ที่เทพารักษ์
1
ทีนี้พอมีการย้ายโรงงานเกิดขึ้น ก็มีอีกหลายปัญหาตามมา เพราะช่างฝีมือดีหลายคน ที่ทำงานกับคุณสุพจน์มานาน เลือกจะไม่ย้ายไปโรงงานที่ใหม่ด้วย จากการที่โรงงานใหม่อยู่ไกลจากบ้านเกินไป
1
แถมพอโรงงานใหญ่ขึ้น กำลังการผลิตสินค้ามากขึ้น ก็มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นตาม ทำให้คุณสุพจน์ต้องเร่งระบายสินค้าให้ทัน
2
จากเดิมที่ธุรกิจแยมแอนด์ยิม เน้นขายผ่านช่องทางค้าปลีก มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เมื่อแบรนด์ของสินค้าแข็งแกร่ง ก็เริ่มเปลี่ยนไปวางขายในห้างสรรพสินค้า
1
แต่กลับกลายเป็นว่า จากเดิมที่ธุรกิจขายเสื้อ มีอัตรากำไรสุทธิที่ต่ำอยู่แล้ว พอเข้าไปขายในห้างสรรพสินค้า ก็โดนทางห้างกดดันกำไร ให้เหลือน้อยลงไปอีก
อีกทั้ง เสื้อยืดที่นำเข้าไปขาย ก็ถูกวางขายอยู่ในกระบะ สภาพเหมือนสินค้าลดราคา ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์แยมแอนด์ยิม ถูกทำลายลง ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
1
หลังจากเปิดโรงงานใหม่มาได้เพียง 2 ปี ธุรกิจแยมแอนด์ยิม ก็ปิดฉากลง คุณสุพจน์ได้เลือกปิดโรงงาน และเคลียร์หนี้สินทั้งหมด ด้วยการขายทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อเอาไปใช้หนี้
1
ในช่วงเวลาที่กำลังเคลียร์ปัญหาหนี้สินอยู่นั้น คุณสุพจน์ก็ได้รู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของโรงงานตะปู ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงงานผลิตเสื้อของเขา
เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ ชื่อ “คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์..”
คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ หรือเรามักรู้จักกันในอีกชื่อคือ “เสถียร เสถียรธรรมะ” ปัจจุบันเป็น CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาว” นั่นเอง
ในตอนนั้น คุณเสถียรเห็นว่าธุรกิจของคุณสุพจน์กำลังมีปัญหา จึงได้ชวนมาทำธุรกิจใหม่ร่วมกัน นั่นคือ การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นการทำหมู่บ้านทาวน์เฮาส์
ธุรกิจใหม่นี้ เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2538 และประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะโครงการแรกมีอยู่ 550 หลัง แต่กลับสามารถขายได้ถึง 450 หลัง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น
พอโครงการแรกไปได้ด้วยดี ทางคุณสุพจน์และคุณเสถียร ก็ได้เริ่มต้นโครงการที่ 2 ทันที โดยครั้งนี้ จำนวนบ้านเพิ่มมาเป็น 1,018 หลัง และมีลูกค้าจองหมดอย่างรวดเร็ว
ถึงตรงนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ดูเหมือนจะดีมาก และโชคชะตาน่าจะกลับมาเข้าข้างคุณสุพจน์อีกครั้ง แต่แล้วในปี 2540 ก็เกิดเหตุการณ์ “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ขึ้น..
วิกฤติต้มยำกุ้ง เป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดของประเทศไทย ผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพเกือบล้มละลาย
มีการปิดสถาบันการเงินไปถึง 52 แห่ง และส่งผลให้บริษัทชื่อดังของไทยในยุคนั้น หลายบริษัทต้องล้มละลายไป
และวิกฤติต้มยำกุ้งก็ยังสร้างปัญหาให้กับธุรกิจของทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าที่จองบ้านไว้ มากกว่าครึ่งเลือกทิ้งการจองไป ทำให้กระแสเงินสดของธุรกิจมีปัญหาหนัก
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ดูเหมือนจะแย่ที่สุดในชีวิต ก็ยังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นอยู่บ้าง เพราะในช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของคุณสุพจน์และคุณเสถียร กำลังเร่งแก้ปัญหาหนี้สินกันอยู่นั้น
คุณสุพจน์ได้ไปงานรับปริญญารุ่นน้อง และมีโอกาสได้ไปเลี้ยงฉลองกันที่ร้านเบียร์สด ชื่อพอลไลเนอร์ อยู่ซอยสุขุมวิท 24
ปกติแล้ว คุณสุพจน์เป็นคนไม่ชอบดื่มเบียร์ แต่วันนั้นเบียร์ที่ได้ดื่มไป คุณสุพจน์กลับรู้สึกว่า มันอร่อยมาก
3
ตรงนี้เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ต่อมา คุณสุพจน์ตั้งคำถามร่วมกับคุณเสถียรว่า “จะเป็นไปได้ไหม ที่จะมีร้านอาหารไทย ที่ขายเบียร์สดรสชาติดี ในราคาที่ไม่แพง ?”
คุณสุพจน์ได้เล่าว่า คุณเสถียรเป็นคนที่โพล่งออกมาว่า
“เบียร์สดเยอรมัน อาหารอีสาน”
และนั่นเอง ก็เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของ “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง”
3
ในยุคนั้น ความรู้เรื่องการผลิตเบียร์ในไทย ยังมีอยู่น้อยมาก หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในไทยก็มีอยู่ไม่กี่เล่ม ทำให้การรวบรวมความรู้เพื่อมาทำธุรกิจที่แปลกใหม่ในประเทศไทยนี้ ต้องใช้เวลา
คุณสุพจน์และคุณเสถียร ต่างช่วยกันคิดว่า ถ้าจะทำธุรกิจใหม่นี้ให้เป็นจริงได้ ส่วนประกอบมีอะไรบ้าง เช่น
1
- ทำเลที่ตั้งและขนาดของร้าน
- ความรู้ในการต้มเบียร์
- เมนูและรสชาติของอาหาร
- การแสดงโชว์บนเวที ควรจะเป็นอย่างไร
3
ซึ่งแต่ละประเด็นนี้ ทั้งคู่ก็ใช้เวลาในการค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ สะสาง ทีละเรื่อง ๆ
1
จนในที่สุด จากเงินลงทุนเริ่มต้น 40 ล้านบาท ด้วยการไปกู้ยืมมา โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาแรกคือ พระราม 3 ก็ได้เปิดดำเนินการ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2542
สาขาแรกนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จสูงมาก มีลูกค้าเต็มเกือบทุกวัน และยังต้องต่อคิวจองกันเป็นเดือน ๆ ทำให้สร้างกระแสเงินสดได้ดีมาก และสามารถคืนทุนได้ ภายในเวลาแค่เพียงหนึ่งปีเศษ
1
หลังจากประสบความสำเร็จกับสาขาแรกแล้ว ก็ได้มีการขยายสาขาเพิ่มอีก โดยสาขาที่ 2 คือ สาขารามอินทรา ในปี 2548 และสาขาที่ 3 คือ สาขาแจ้งวัฒนะ ในปี 2558
1
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจเรื่องราวความเป็นมา ของตำนานโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง และคุณสุพจน์ ธีระวัฒนชัย ผู้ร่วมก่อตั้ง กันดีขึ้นบ้างแล้ว
ตลอดการทำธุรกิจกว่า 25 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ก็ใช่ว่าจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย แต่จริง ๆ แล้ว กลับเจอปัญหาอยู่ตลอด และเจอมาไม่น้อย
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ได้รับการแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มาตลอด เช่น ตอนเริ่มทำธุรกิจ คุณสุพจน์ไม่เข้าใจเรื่องอาหารดีนัก แต่ก็ได้ไปเรียนรู้เพิ่ม และนำมาปรับใช้กับธุรกิจ
2
อย่างเรื่องการแสดงสดบนเวที ก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยออกแบบโชว์ ซึ่งก็โชคดีที่คุณเสถียรรู้จักกับ อาจารย์บรูซ แกสตัน หนึ่งในปรมาจารย์ของวงการดนตรีไทย จึงได้ชวนมาช่วยดูแลที่ร้าน
1
และอย่างเรื่องการต้มเบียร์ ทั้งคุณเสถียรและคุณสุพจน์ ก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนด้วย แต่ก็ได้พยายามสรรหา จนได้เจอกับนักต้มเบียร์ฝีมือดีชาวเยอรมัน มาช่วยดูแลในส่วนนี้
เราคงได้เห็นแล้วว่า เรื่องราวของบทความนี้ ได้เล่าถึง คนธรรมดา ที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตมากมายสักเท่าไร แต่อาศัยความมุมานะ ตั้งอกตั้งใจ มีจิตวิญญาณของนักสู้
2
ในระหว่างทางอาจจะล้มลุกคลุกคลาน พ่ายแพ้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยที่จะยอมแพ้ ไม่คิดจะล้มเลิกอะไรง่าย ๆ มีศรัทธาในชีวิตอยู่เสมอ
และในช่วงที่ชีวิตดูจะมืดมนที่สุด เพราะผลจากสภาพเศรษฐกิจที่หดหู่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย เขาก็กลับมองเห็นโอกาสเล็ก ๆ
แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมันผ่านไป กลับคว้ามันเอาไว้ อย่างมุ่งมั่น และทำมันอย่างดีที่สุด จนถึงวันนี้ คุณสุพจน์ ที่เคยเป็นผู้แพ้และล้มเหลวมาหลายครั้ง
ตอนนี้เราก็น่าจะพอพูดได้แล้วว่า ทั้งคุณสุพจน์ และโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง พลิกกลับมาเป็นผู้ชนะในเกมชีวิตได้ในที่สุด..
#ธุรกิจ
#ประวัติธุรกิจ
#เยอรมันตะวันแดง
1
References
-หนังสือ เมื่อความจนเฆี่ยนตีผม (2563) โดย คุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
-สนทนากับคุณสุพจน์ ธีระวัฒนชัย ณ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567
-
http://tawandang.com/about-us/
1
ธุรกิจ
55 บันทึก
81
3
81
55
81
3
81
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย