[ #สงสัยไหมว่า ] ประเทศสิงคโปร์ที่ขนาดแค่ครึ่งกรุงเทพ คนอาศัยอยู่กันที่ไหน?
ดั่งที่เราทราบกันว่าสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นเกาะที่มีพื้นที่เพียงประมาณ 728 ตารางกิโลเมตร (เทียบกับกรุงเทพฯ ประมาณ 1569 ตารางกิโลเมตร) ทว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจและการค้าของภูมิภาค
พอเทียบจำนวนประชากรกับขนาดพื้นที่ของประเทศแล้ว ความหนาแน่นต่อประชากรจึงสูงติดอันดับที่ 2 ของโลกเลยทีเดียว โดยอยู่ที่ 7,650 คนต่อตารางกิโลเมตร (สูงกว่าฮ่องกง)
แต่ถ้าเทียบสภาพแวดล้อมกันแล้ว สิงคโปร์สามารถจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยได้อย่างเพียงพอและเป็นสัดส่วนมากกว่า โดยประชากรกว่า 77.8% อาศัยอยู่ในแฟลตของรัฐบาล 17.2% อาศัยอยู่ในคอนโด และ 4.8% อาศัยอยู่ในอสังหาริมทรัพย์
หลายคนที่ไปเคยไปสิงคโปร์อาจจะไม่ได้รู้สึกแออัดหลังชนฝาเท่ากับแฟลตในฮ่องกง ส่วนบรรยากาศเมือง ตึกรามบ้านช่องก็เป็นระเบียบเรียบร้อย และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับคือชาวสิงคโปร์มีสัดส่วนเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในประเทศมากถึง 90% ติดอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศโรมาเนีย
ผลพวงนี้มาจากนโยบายการเคหะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดนโยบายหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า Housing & Development Board (HDB) วันนี้เราจะคลายข้อสงสัยว่าทำไมที่อยู่อาศัยหลักของคนถึงเป็นแฟลตของรัฐบาล และทำไมพื้นที่ตรงนั้นถึงเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตสูงติดอันดับโลก
[ ที่มาที่ไปของโครงการ Public Housing ⭐️]
หลังจากที่สิงคโปร์ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1959 ประเทศก็เผชิญกับปัญหาผู้อพยพจากหลายเชื้อชาติ ทั้งมาเลเซีย จีน และอินเดีย ส่งผลให้เกิดวิกฤติขาดแคลนที่อยู่อาศัยและปัญหาชุมชนแออัด เพื่อแก้ปัญหานี้ สิงคโปร์ต้องเริ่มจากการเวนคืนพื้นที่เพื่อสร้าง Public Housing ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ในปี ค.ศ. 1960 รัฐบาลสิงคโปร์ภายใต้การนำของนายลี กวน ยู นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ได้ตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Housing & Development Board (HDB) หรือหน่วยการเคหะแห่งชาติของสิงคโปร์ โดยจัดตั้งขึ้นมาแทนที่หน่วยงาน Singapore Improvement Trust หรือ SIT ที่เคยก่อตั้งขึ้นมาแก้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย จากการขยายตัวของประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
บทบาทในช่วงแรกของ HDB ได้แก้ปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัย เริ่มจากการพลิกฟื้นพื้นที่สลัม โดยการเวนคืนที่ดินมาเป็นของรัฐกว่า 44% และได้ขยับมาเป็น 90% ในปัจจุบัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ
[ HDB Flat น่าอยู่ไหม? 🧐 ]
HDB Flat หรือเรียกอีกอย่างว่าบ้านของการเคหะสิงคโปร์ แม้จะเป็นที่อยู่อาศัยที่รัฐบาลจัดทำขึ้น แค่โครงการที่อยู่อาศัยโครงการนี้แตกต่างจากโครงการบ้านของรัฐทั่วไปในหลายประเทศ เพราะไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้มีรายได้น้อย แต่สร้างขึ้นเพื่อคนทุกระดับ
จุดเด่นอันดับแรกคือ เรื่องราคาที่ถูกกว่าคอนโดของเอกชนถึง 20-30% แต่คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและออกแบบอย่างเป็นสัดส่วน มีให้เลือกตั้งแต่ห้อง 2 ห้องนอนไปจนถึง 5 ห้องนอน บ้าน 3 เจน (3Gen Flat), Executive Flat ห้องชุดที่กว้างกว่าบ้านขนาด 5 ห้อง เหมาะกับทั้งครอบครัวเล็กและครอบครัวใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่ช่วยให้การซื้อที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้มากขึ้น
จุดเด่นที่สองคือ ทำเลที่จัดวางและการใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ทุกโครงการจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เริ่มตั้งแต่ใกล้โรงเรียนสำหรับเด็ก โรงพยาบาลและคลินิกเพื่อดูแลสุขภาพ ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าสำหรับจับจ่ายใช้สอย สวนสาธารณะและสถานที่ออกกำลังกายสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ที่สำคัญคือต้องอยู่ในรัศมีที่สามารถเดินถึงสถานีรถไฟฟ้าได้ เพื่อให้การเดินทางในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย
จุดเด่นที่สามคือ โครงการ HDB ได้พัฒนาและปรับปรุงโครงการให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ในโครงการ HDB รุ่นเก่าๆ ส่วนใหญ่ มักออกแบบอย่างเรียบง่าย ไม่ได้สวยงามมากมายอะไร เน้นเพื่อการอยู่อาศัยเป็นหลัก ไม่ได้มี Facility เช่น สระว่ายน้ำหรือฟิตเนส แต่หากเป็น HDB Flat รุ่นใหม่ๆ มักมีการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัยมากขึ้น บางโครงการอาจเพิ่มเติมพื้นที่ส่วนกลางให้คล้ายกับโครงการของเอกชน
ทำให้ HDB Flat กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมของชาวสิงคโปร์มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีรายได้น้อยหรือรายได้สูงต่างก็นิยมซื้อไว้เป็นที่อยู่อาศัย
[ ราคาโดยเฉลี่ยของ HDB Flat 🏷️ ]
ข้อมูลจากปี 2024 ระบุจากการบันทึกการซื้อขายแฟลต HDB มือสองในครึ่งปีแรกของปี 2024 ราคากลางของแฟลต HDB มือสองจะอยู่ที่ราวๆ $597,297 และ $575,000 ตามลำดับ
โดยราคาของแฟลตนี้จะมีการปรับเพิ่มขึ้น - ลงตามขนาดของแฟลต ยิ่งห้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นราคาต่อตารางฟุตก็จะต่ำลง
[ ใครอยู่ HDB Flat ได้บ้าง 📍 ]
HDB Flat เป็นโครงการที่อยู่อาศัยของรัฐบาลสิงคโปร์ที่จัดสรรให้เฉพาะประชาชนชาวสิงคโปร์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น
- ผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อ HDB Flat ประกอบด้วยห้ากลุ่มหลัก ได้แก่ คู่รักที่แต่งงานแล้ว ผู้สูงอายุที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป คนโสดที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เด็กกำพร้าที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป และผู้ที่แต่งงานแล้วแต่คู่สมรสเสียชีวิต
- รัฐบาลสิงคโปร์มีการกำหนดสัดส่วนเชื้อชาติของผู้ซื้อในแต่ละโครงการเพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางเชื้อชาติและป้องกันการแบ่งแยก
- สัญญาซื้อขายจะไม่ใช่การซื้อขาด แต่เป็นสัญญาเช่าระยะยาว 99 ปีกับทางรัฐบาล ซึ่งผู้ซื้อสามารถอยู่อาศัยได้ตลอดชีวิตและส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
- เพื่อป้องกันการเก็งกำไร รัฐบาลได้กำหนดให้ผู้ซื้อไม่สามารถขายต่อได้ภายใน 5 ปีแรก
- มีการจัดตั้งกองทุน CPF (Central Provident Fund) เป็นระบบประกันสังคมภาคบังคับ เพื่อช่วยให้ประชาชนสิงคโปร์สามารถเก็บออมเงินสำหรับซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้
🔚 โครงการที่อยู่อาศัย HDB ของสิงคโปร์เป็นตัวอย่างความสำเร็จในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของรัฐ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ เช่น เงื่อนไขการให้สิทธิ์เฉพาะคู่สมรสชาย-หญิง แต่โครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบและมีวิสัยทัศน์ของรัฐบาลสิงคโปร์
ความสำเร็จของโครงการแสดงให้เห็นจากสัดส่วนประชากรที่เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยสูงกว่า 90% ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากโรมาเนีย นอกจากการจัดสรรที่อยู่อาศัยแล้ว รัฐบาลยังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคอื่นๆ อย่างครบวงจร ทั้งระบบขนส่งมวลชน สนามบิน ท่าเรือ สวนสาธารณะ และพื้นที่เชิงพาณิชย์
การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนย่อมเกี่ยวข้องกับการคำนึงถึงความสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรค People's Action Party ยังคงได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการบริหารประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 62 ปี
ที่มา:
#aomMONEY #เกร็ดความรู้ #โครงการบ้านของรัฐ #สิงคโปร์
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
