15 ม.ค. เวลา 15:42 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

วิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่อง In Time #1

1.โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมภายในเรื่องมีความผูกมัดกับ “เวลา” ซึ่งเวลาในที่นี้ คือ เวลาชีวิตที่จะมีอยู่บนท่อนแขนของมนุษย์ทุกคนภายในเรื่อง “เวลา” จะถูกใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของ และบริการทุกๆอย่างแทน “เงิน” โดยหลักการ คือ มนุษย์ทุกคนจะถูกดัดแปลงพันธุ์กรรมให้มีชีวิตและเติบโตมาจนถึงอายุ 25 ปี และหลังจากนั้นจะไม่แก่และร่างกายจะถูกหยุดอยู่ที่อายุ 25 ปี แต่หลังจากอายุ 25 ปี แล้วจะเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี เวลาที่แขนจะเริ่มเดิน และเมื่อเวลาเดินมาถึงเลข “0” คนคนนั้นก็จะตายลง ในลักษณะของการหัวใจวาย
ดังนั้นการสรุปว่าสร้างสังคมและเศรษฐกิจในเรื่องนี้จะขึ้นอยู่กับเวลา ใครมีเงินมีอํานาจมากก็จะมี “เวลามาก” (จนที่จะเรียกว่าเป็นอมตะได้เลย) แต่ในอีกด้านหนึ่ง คนที่ไม่มีเงินไม่มีอํานาจก็เหมือนไม่มีชีวิตเพราะจะต้องอยู่กับการตามหาเวลาเพิ่มเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตายเพียงเท่านั้น
2. สภาพเศษฐกิจและสังคมภายในเรื่องเป็นลักษณะของการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจนมีคนที่รวยมากและจนมาก สถานที่ที่แบ่งแยกชนชั้นที่อยู่ของผู้คนจะออกมาอยู่ในรูปแบบของ “Time Zone” ซึ่งสถานที่ที่พระเอกอยู่ในย่านเสื่อมโทรมที่คนทุกขาดแคลนปัจจัยที่สําคัญที่สุดในการดําเนินชีวิตนั้น คือ “เวลา”
การที่เวลาถูกให้แทนเงิน ทําให้การดํารงชีวิตในเขตสลัมนั้นเต็มไปด้วยความยากลําบาก และเวลา
กลายเป็นเครื่องมือของระบบทุนนิยม ที่จะมีผู้ได้ผลประโยชน์จากการที่คนจน(เวลา)เหล่านี้มีอยู่ในสังคม และคนเพียงหยิบมือที่ตักตวงผลประโยชน์จากการใช้ชีวิต การทํางาน และการดิ้นรน คือพวกที่อยู่ในเมืองคนรวยในน Time Zone ที่ดี
ถ้าปัญหาของการถูกกดค่าแรง
การที่ค่าครองชีพสูงขึ้นตามความต้องการของคนที่มีอํานาจหรือคนรวย ซึ่งค่าครองชีพในที่นี้รวมถึงภาษีในที่นี้จะถูกจ่าย ด้วยเวลา เวลาของชีวิตซึ่งอาจจะต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงคือ การที่ในเรื่องของความเป็นจริงบางครั้งเราไม่มีเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนสิ่งของนั่นคือเงิน
บางครั้งอาจจะทําให้เราไม่ตายโดยทันที แต่ต่างกันกับเรื่องราวนี้คือหากไม่มีสิ่งที่เอาไว้แลกเปลี่ยน สิ่งที่เอาไว้แลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ มีการผูกมัดกับชีวิตดังนั้นการที่ไม่มีเวลาหรือไม่มีเงินในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มากและทําให้พฤติกรรมของคนในเรื่องนี้ทําให้เห็นว่ามีการมองว่าการตายเป็นเรื่องปกติจะเห็นได้ว่ามีคนนอนตายอยู่ข้างถนนหลายๆคนโดยที่คนในเรื่องมองเป็นเรื่องปกติและคุยกันเป็นเรื่องปกติเกี่ยวกับการตายนั้นๆ
แล้วเมื่อมองในมุมมองของ utopia หรือ distropear ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะสื่อให้เห็นถึงด้านหนึ่งของความเป็น distropear โรคที่ถูก กฎเกณฑ์บังคับและถูกผูกมัดด้วยเวลาซึ่งมีผมตรงต่อการมีชีวิตอยู่ เป็นการควบคุมโดยใบเสร็จจากผู้ที่มีอํานาจและผู้ที่มีเงินเมื่อไม่มีเวลาก็เท่ากับไม่มีชีวิต ดังนั้นกระบวนการของคนที่ไม่มีเงินไม่มีเวลาจะทําได้แค่ทํางานหาเงินและไม่มีปากเสียงกับผู้ที่มีอํานาจ
เพราะหนึ่งอย่างคือทุกคนต้องดิ้นรนในการใช้ชีวิตต่อในการมีชีวิตอยู่ในทุกๆวินาทีต่อไป ทํางานเพื่อแลกเวลาในการมีชีวิต ดิ้นรนปล้น ขโมย ข่มขู่ รวมถึงการฆาตกรรมเพื่อให้ตัวเองได้มีเวลาเพิ่มอีกสักวินาทีหนึ่งก็ยังดี ดังนั้นการที่กลุ่มคนจนจะมีเวลาลุกขึ้นมารวมตัวกันเพื่อต่อต้านหรือประท้วงกับคนที่มีอํานาจหรือคนรวยจึงไม่มีเลยเพราะต้องใช้เวลาในการตามหาเวลาเพื่อมีชีวิตอยู่
ดังนั้นในอีกมุมหนึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงภาพโลกใน อุดมคติหรือ ยูโทเปีย ของคนรวย คนที่มีอํานาจและมีเวลามากพอทั้งชีวิตจนเรียกว่าการเป็นอมตะเลยก็ได้อีกทั้งร่างกายยังอยู่ในสภาพที่พร้อมมากและแข็งแรงคืออยู่ๆที่อายุ 25 โลกในภาพยนตร์ได้ดีไซน์ออกมาเพื่อรองรับกลุ่มคนรวยให้มีชีวิตอย่างยืนยาวต่อไปโดยที่ไร้ข้อกังวลด้านสุขภาพอย่างเต็มที่
เป็นการจําลองทฤษฎีของ จากมุมมองของมาร์ก ออกมาได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว มีชนชั้นกรรมาชีพ มีชนชั้นนายทุน และมีกฎเกณฑ์ทางสังคมที่บีบบังคับให้ชนชั้นกรรมาชีพไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไม่สามารถรวมตัวกันลุกคือได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อ่านดีกว่าไม่อ่าน?
สุวิจักร บิ๊ก
ช่องทางการติดตามอื่นๆ
IG - bigsuvijak
ช่องทางการสนับสนุนผู้เขียนครับ ผู้มีจิตศรัทธาสนับสนุนค่ากาแฟกันได้ครับ☺️
0561669945
กสิกรไทย
สุวิจักร
ฝากกดไลค์ กดแชร์ แสดงความคิดเห็นและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ
ขอบคุณครับผม😊
โฆษณา