16 ม.ค. เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ระบบการศึกษา” ทำให้สิงคโปร์ เจริญได้ในรุ่นเดียว

ครั้งหนึ่ง สิงคโปร์เคยเป็นหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดในทวีปเอเชีย
แต่วันนี้ ชาวสิงคโปร์กลับมีรายได้เฉลี่ยต่อปีสูงที่สุด เป็นอันดับที่ 5 ของโลก
หนึ่งในรากฐานสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศชั้นนำของโลกได้นั้น ก็คือ “การศึกษา”
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ที่ผลักดันประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ ให้กลายมาเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และร่ำรวยในเพียงชั่วอายุคน
แล้วรากฐานการศึกษาของสิงคโปร์ มีหน้าตาเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 1965 ซึ่งเป็นช่วงที่สิงคโปร์ ได้รับเอกราชจากมาเลเซีย
ในตอนนั้นมีเพียงกลุ่มชนชั้นนำของสิงคโปร์เท่านั้น ที่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา
โดยประชากรส่วนใหญ่ของประเทศยังเข้าไม่ถึงการศึกษา และเป็นคนไม่รู้หนังสือ
1
ด้วยความที่เป็นเกาะขนาดเล็ก ไม่มีขุมทรัพย์ทางทรัพยากรธรรมชาติเลย
ไม่เหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบจำนวนมาก
สิงคโปร์ จึงถูกจัดให้เป็นประเทศที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่งในทวีปเอเชีย
1
แต่หากเรามาเปรียบเทียบ GDP per Capita ซึ่งเป็นตัวแทนเบื้องต้น ของรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ของประชากรสิงคโปร์ ในปีที่ได้รับเอกราชจากมาเลเซีย กับวันนี้
ในปี 1965 มีรายได้เฉลี่ย 18,000 บาทต่อปี
ในปี 2024 มีรายได้เฉลี่ย 3,093,000 บาทต่อปี
2
เพิ่มขึ้นเป็น 172 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 59 ปี
ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อปีระดับนี้ เรียกได้ว่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และสูงกว่าสหรัฐฯ เสียอีก
1
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ก็คือ การลงทุนในประชากรของตัวเอง ด้วยการให้การศึกษาที่มีคุณภาพ
2
โดยผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดัน คือคุณลี กวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์
1
คุณลี กวนยู มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ว่าต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงสิงคโปร์ ให้กลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และต้องการเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น
ที่สำคัญที่สุดคือ เป้าหมายนี้ “ต้องเกิดขึ้นภายในเพียงชั่วอายุคน”
1
และเขามีความเชื่อว่า การศึกษา จะเป็นกุญแจที่ช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ โดยสิ่งที่เขาเข้ามาพัฒนาและปรับปรุง เริ่มตั้งแต่
- มุ่งเน้นการสร้างระบบการศึกษาที่เป็นสากล และมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้สามารถผลิตแรงงานที่มีทักษะ สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของสิงคโปร์
1
- สร้างครูที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้สามารถพัฒนาการสอนแบบมืออาชีพ
รวมทั้งยกระดับมหาวิทยาลัยของสิงคโปร์ ให้ก้าวมาเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพด้านการเรียนการสอน ที่สามารถแข่งขันกับมหาวิทยาลัยระดับโลก อย่างในสหรัฐอเมริกา หรือในอังกฤษได้
 
- มีการผลักดันนโยบายการเรียนการสอน แบบ 2 ภาษาอย่างเข้มข้น โดยให้มีการใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ใช้ในการเรียน และการทำงาน
2
ซึ่งการที่คุณลี กวนยู ต้องการให้ชาวสิงคโปร์สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เพื่อต้องการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมาที่นี่
1
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณภาพด้านการศึกษาของชาวสิงคโปร์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังมีความเป็นสากล
เรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ในเวลาต่อมา สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เช่น
1
- ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางน้ำ มีท่าเรือสิงคโปร์
ซึ่งเป็นท่าเรือตู้สินค้า เปลี่ยนถ่ายเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลก
1
- เป็นศูนย์กลางการเงินที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นรองจากนิวยอร์ก และลอนดอน
2
- Singapore Exchange (SGX) หรือตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความสำคัญในภูมิภาคเอเชีย
2
เมื่อเริ่มเป็นศูนย์กลางในด้านต่าง ๆ นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มเข้ามาลงทุน
ซึ่งก็กลายเป็นอีกส่วนสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตแบบก้าวกระโดด
สะท้อนให้เห็นจากในช่วงระหว่างปี 1960 ถึงปี 1990 นั้น เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตเฉลี่ยปีละ 9%
1
โดยการลงทุนพัฒนาและให้ความสำคัญในด้านการศึกษาของสิงคโปร์นั้น ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของชาวสิงคโปร์เท่านั้น
แต่ยังทำให้มหาวิทยาลัยของสิงคโปร์ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของทวีปเอเชีย และสามารถแข่งขันกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้ แม้จะก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน
1
หากเรามาดูข้อมูลจากสถาบันจัดอันดับการศึกษา ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
จาก QS World University Rankings ระบุว่าในปี 2025 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย 7 แห่งแรก ประกอบไปด้วย
1. National University of Singapore ของสิงคโปร์
2. Peking University ของจีน
3. Nanyang Technological University ของสิงคโปร์
4. The University of Hong Kong ของฮ่องกง
5. Tsinghua University ของจีน
6. Seoul National University ของเกาหลีใต้
7. The University of Tokyo ของญี่ปุ่น
1
โดย National University of Singapore ยังถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ในอันดับสูงกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา อย่างมหาวิทยาลัย California Institute of Technology (Caltech), University of Pennsylvania, University of Chicago รวมไปถึง Yale University
1
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ งบประมาณด้านการศึกษาของสิงคโปร์
รู้หรือไม่ว่า ในปี 2021 งบประมาณด้านการศึกษาของสิงคโปร์ สูงถึง 476,000 ล้านบาท
หรือเฉลี่ยแล้วชาวสิงคโปร์ จะมีงบประมาณด้านการศึกษา คนละ 86,600 บาท
1
สูงกว่าประเทศไทยถึง 16 เท่า
ที่เฉลี่ยแล้วจะมีงบประมาณด้านการศึกษา คนละ 5,400 บาท
 
อีกทั้งรัฐบาลสิงคโปร์ ยังให้ความสำคัญกับบุคลากรที่ทำอาชีพครู เพราะสิงคโปร์เชื่อว่า ครูถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ขับเคลื่อนให้การศึกษาของสิงคโปร์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
2
โดยรัฐบาลจะมีการคัดเลือกครูที่มีคุณภาพสูง
ในที่นี้ก็คือ ครูทุกคน ต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการสอน ที่สถาบันการศึกษาแห่งชาติของประเทศ
1
บวกกับในแต่ละปี กระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์ จะมีการตรวจสอบช่วงเงินเดือนเริ่มต้นของสายอาชีพครู และมีการปรับเงินเดือนของครูให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ
รวมทั้งยังให้ครูมีค่าล่วงเวลา และโบนัสตามผลงาน
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อดึงดูดบัณฑิตที่เก่ง ๆ ให้เข้ามาทำงานในด้านนี้
เห็นได้ว่าความสำเร็จของระบบการศึกษาของสิงคโปร์ในวันนี้ เกิดขึ้นจากการวางรากฐานของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นระบบ และมีการวางแผน เพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว
ซึ่งมันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้เดิมทีประเทศแห่งนี้จะเป็นเพียงแค่เกาะเล็ก ๆ
ไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าใด ๆ เลย จนหลายคนมองว่าอาจเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ
1
แต่สำหรับคุณลี กวนยู นั้น
เขาเชื่อเหลือเกินว่า แม้จะไม่มีทรัพยากร
แต่เขายังมีขุมทรัพย์อีกอย่าง ก็คือ “ประชากร” ในประเทศของเขาเอง
ที่จะเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มในการพัฒนาเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ได้
2
จนท้ายที่สุด ก็เหมือนว่าความคิดของคุณลี กวนยู จะถูกต้อง
เพราะการลงทุนในด้านการศึกษา ให้แก่คนของเขาอย่างต่อเนื่อง และทำอย่างจริงจังนั้น
ได้ผลลัพธ์ที่งอกเงย จนทำให้ในวันนี้ สิงคโปร์ กลายมาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และร่ำรวยในระยะเวลาแค่ชั่วอายุคน อย่างที่เขาหวังไว้ในที่สุด..
1
โฆษณา