16 ม.ค. เวลา 00:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ

✅ เงินเฟ้อสหรัฐฯชะลอตัว งบแบงก์แข็งแกร่ง หุ้นพุ่ง 🔥

ตลาดหุ้นเอเชียเตรียมได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดสหรัฐฯ หลังข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) สหรัฐฯ ชะลอตัวในเดือนธันวาคม โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ และเป็นการชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาคาดหวังว่า Fed อาจเริ่มลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น เป็นแรงหนุนให้กับสินทรัพย์เสี่ยงในหลายตลาด
📊 ตลาดหุ้น/อื่นๆ
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งถือเป็นวันที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
Nasdaq 100 พุ่งขึ้น 2.3% นำโดยหุ้นเทคโนโลยี
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ลดลง 14 จุด (basis points) สู่ระดับต่ำกว่า 5%
Bitcoin ใกล้แตะ $100,000 อีกครั้ง สะท้อนถึงแรงเก็งกำไรในตลาดคริปโต
น้ำมันดิบ WTI ราคาพุ่งทะลุ $80 ต่อบาร์เรล จากปริมาณน้ำมันคงคลังที่ลดลง
ทองคำราคาทรงตัวใกล้ $2,694 ต่อออนซ์
💰ผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ลดลง
ข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน ชะลอตัวลงที่ 0.2% ต่อเดือน และเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตัวเลขนี้ช่วยกระตุ้นให้ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ยังมองว่าการลดดอกเบี้ยอาจเริ่มในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
Chris Zaccarelli จาก Northlight Asset Management กล่าวว่าการลดลงของเงินเฟ้อช่วยลดแรงกดดันในตลาดหุ้นและพันธบัตร ขณะที่ Seema Shah จาก Principal Asset Management มองว่าการลดดอกเบี้ยในเดือนมกราคมยังไม่เป็นไปได้ แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องอาจเปลี่ยนแปลงมุมมองของ Fed ได้ในเร็ว ๆ นี้
🛑 การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสเริ่มขึ้น โดยข้อตกลงระบุว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 คน ในขณะที่อิสราเอลจะถอนทหารจากพื้นที่ชุมชนในกาซาและปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคน สถานการณ์นี้ช่วยลดแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค และมีผลต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ในขณะเดียวกัน การคว่ำบาตรรัสเซียที่กระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ (WTI) พุ่งเกิน $80 ต่อบาร์เรล
📱TikTok และสงครามเทคโนโลยี
รายงานล่าสุดระบุว่า Donald Trump กำลังพิจารณาการออกคำสั่งผู้บริหารเพื่อระงับการแบน TikTok ซึ่งเดิมทีเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Meta และบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มโซเชียลมีเดีย
ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกข้อกำหนดใหม่ที่เข้มงวดต่อการส่งออกชิปขั้นสูงให้กับจีน โดยเฉพาะจาก TSMC ซึ่งคาดว่าจะรายงานการเติบโตของกำไรสูงสุดในรอบ 2 ปี สถานการณ์นี้สะท้อนถึงการรุกคืบของสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นค่ะ
🏦 ผลประกอบการของธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ
ธนาคารใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ JPMorgan Chase, Wells Fargo, Citigroup และ Goldman Sachs รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่แข็งแกร่ง
ธนาคารใหญ่ๆ ใน Wall Street ได้ทำกำไรสูงเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ รองจากปีแรกของ Biden โดยเฉพาะ JPMorgan Chase & Co. ที่ทำกำไรทะลุ 50 พันล้านดอลลาร์ กลายเป็นธนาคารแรกในสหรัฐฯ ที่ทำกำไรได้มากขนาดนี้ในหนึ่งปี ขณะที่ Citigroup ก็ทำรายได้สูงสุดในหลายแผนกหลัก
ความสำเร็จเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่ช่วยเพิ่มรายได้จากการเทรดและการปล่อยกู้ รวมถึงการฟื้นตัวของค่าธรรมเนียมด้าน Investment Banking ที่เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2023 นอกจากนี้ชัยชนะของ Donald Trump ในการเลือกตั้งยังสร้างความคึกคักในตลาด ส่งผลให้การเทรดในไตรมาสสุดท้ายเติบโตดี โดยเฉพาะ Goldman Sachs ที่ทำรายได้จากการเทรดหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อ Trump เข้ามา CEOs ของธนาคารใหญ่ๆ คาดหวังว่ากฎระเบียบจะถูกผ่อนคลาย เช่น การลดความเข้มงวดของการกำกับดูแล และข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการถือครองทุนสำรอง ซึ่งทำให้ธนาคารมีความมั่นใจมากขึ้นในการเพิ่มการจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น Citigroup ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยดันราคาหุ้นขึ้น
Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan และ David Solomon CEO ของ Goldman Sachs ต่างกล่าวว่าบรรยากาศการทำงานภายใต้ Trump น่าจะมีความ “สร้างสรรค์” มากขึ้น โดยมีความคาดหวังว่ากฎระเบียบใหม่จะเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและปลดล็อคโอกาสในการทำกำไรของธนาคาร
🎯 สรุป ตลาดหุ้นโลกกำลังตอบรับสัญญาณเชิงบวกจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในตลาดที่ผันผวน
👉🏻 ความเห็นส่วนตัวของนิคกี้
ตลาดกังวลเรื่องเงินเฟ้อมากเกินไปค่ะ ถ้าเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มชะลอตัวแบบนี้ เฟดจะยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ได้อยู่ค่ะ ประกอบกับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังน่าสนใจต่อไปเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้เรื่องเงินเฟ้อผ่านไปแล้ว ตลาดน่าจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่การประกาศงบเป็นหลักค่ะ ถ้าใครไม่อยากพลาด อย่าลืมเข้าช่อง Broadcast กันด่วนๆค่ะ เดี๋ยวแปะลิงค์ไว้ในคอมเม้นค่ะ
โฆษณา