คุยกันแน่ แต่คงไม่เคลียร์….
ทรัมป์-ไบเดนและพวกเดโมแครต อาจดูเป็นอะไรที่ไม่น่าจะ
สร้างการส่งผ่านอำนาจที่ราบรื่นได้เลย
จุดยืนหลายเรื่อง ทั้งในและนอกประเทศต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และเล่นการเมืองกันตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา
รุนแรงมาก ดูแบบน่าจะฆ่ากันได้เลย
แต่ดูเหมือน สิ่งที่เราคิดกัน มันอาจไม่ใช่แบบนั้นซะแล้ว
…เกมส์การเมือง ความต่างของวิธีการ ก็ว่ากันไป….
…เพราะสุดท้ายจะทรัมป์หรือไบเดน ก็คืออเมริกัน
ที่คิดแบบอเมริกัน ว่าข้าต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ….
ถ้าลองดูมาตรการช่วงหลังที่ไบเดนทิ้งทวนออกมา
ในหลายประเด็นแล้ว
เราจะพบว่า สิ่งที่ไบเดนทำ มันค่อนข้างเป็นประโยชน์
กับทรัมป์ค่อนข้างมากทีเดียว โดยเฉพาะประเด็นต่างประเทศ
เอาแค่เรื่องแซงชั่นรัสเซียนี่แหละชัดเจนดี
ถึงมุมหนึ่งจะดูว่า มันทำให้คุยกันเรื่องสงบศึกยากขึ้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับไปทำให้สหรัฐอยู่ในสถานะ
ที่ดีขึ้นไปอีก ถ้ามีการเจรจา
และการแซงชั่นนี้ ยังมีผลเหมือนกระสุนนัดเดียว เล่นทั้งฝูงด้วย
…เราจะเห็นว่า สส. ฝั่งรีพับลิกันนั้น ไม่มีการคัดค้าน
หรือตำหนิอะไรไบเดนเลย กับประเด็นเหล่านี้ ….
มาตรการแซงชั่นที่สหรัฐโดยไบเดนทิ้งทวนมาล่าสุดนั้น
เป็นการตีตรงแบบชุดใหญ่ที่สุด ในการสกัดน้ำมันรัสเซีย
โดยสรุปเนื้อหาคือ
- ตัดเส้นทางการเงินที่เคยเว้นไว้เผื่อ ชาติยุโรปเล็กๆทั้งหมด
ทางยุโรปตะวันออกที่ยังต้องพึ่งพลังงานรัสเซีย ที่เห็น
ชัดเจนและคงเคยได้ยินกันมา คิอการแบน Gazprom bank
- เล่นงานไปที่บริษัทหรือชาติ ที่ทำตัวเป็นคนกลางขายน้ำมัน
จากรัสเซีย ซึ่งอันนี้ตีตรงๆ ไปที่ จีน ตุรกี และบริษัทตะวันตก
บางชาติด้วยเลยในรอบเดียว
- แบนบริษัท และเรือขนส่งที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียทั้งหมด
กับท่านที่ไม่ได้ตามข่าว อาจนึกได้ว่า ก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่
อันนี้คงต้องทำความเข้าใจว่า มันไม่ใหม่จริง
แต่มันไปปิดช่องที่พวกเขาเปิดไว้เองก่อนหน้านี้
เพื่อลดผลกระทบในช่วงที่แบนรัสเซียใหม่ๆ
ให้ชาติพันธมิตรเล็กๆรอดได้
แต่ตอนนี้ พวกเขาปิดช่องนั้นทั้งหมดอย่างจริงจังแล้ว…
กลไกของมาตรการ คืออะไร ?
เพื่อตอบคำถามนี้ให้เข้าใจง่าย ก็คงต้องใช้สถานการณ์
ที่ผ่านมาในการอธิบาย
เดิมนั้น แม้ตะวันตกจะบอกว่าแบนน้ำมัน ก๊าซ ของรัสเซียก็จริง
แต่พวกเขา ยังเปิดโอกาสใ้ห้ชาติเล็กๆ ทำการซื้อขายได้
เพราะมองว่าประเทศพวกนี้เล็ก และไม่ได้สร้างเม็ดเงินอะไร
ให้รัสเซียแบบเป็นเนื้อเป็นหนังได้
ช่องที่เปิดไว้ มันทำให้เกิดการซื้อน้ำมันผ่านทางประเทศ
พวกนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกับตุรกี ที่ทำตัวเป็นนายหน้ารัสเซีย
และตัวแสบอีกชาติ คือฮอลแลนด์ ที่ใช้การซิกแซกผ่านเอกชน
ซื้อน้ำมันรัสเซียไปขายต่อ
และเพราะการซื้อขายทางนี้ยังเปิดช่องทางการชำระเงินสากลอยู่ มันจึงเป็นช่องให้รัสเซียบอกกับจีน อินเดียจ่ายผ่านทางนี้เป็น major currencies นั่นทำให้รัสเซียยังมีเงินสกุลหลักในมือมากพอที่จะพอถูไถสงครามไปได้
และก่อนหน้านี้ สหรัฐเองก็ไม่ได้แบนบริษัทเดินเรือรัสเซีย
แต่ใช้วิธีบีบบริษัทประกันแทน ทำให้รัสเซีย ยังพอจะขนน้ำมัน
ไปให้ลูกค้าได้นั่นเอง
…แต่ปัจจุบัน กับมาตรการล่าสุด สหรัฐแบนสิ่งเหล่านี้
แบบสิ้นเชิง และแบนในระดับที่ว่า ใครฝ่าฝืนมาตรการ
ของตัวเอง พวกเขาก็จะตอบโต้แบบจริงจัง
…ดังนั้น ตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับมาตรการนี้อีกแล้ว
แม้แต่จีน อินเดีย ที่ต้องปล่อยให้เรือรัสเซียลอยลำ และไม่ยอมให้เข้าเทียบท่า เป็นจำนวนมาก….
…เพราะทรัมป์นั้นจ้องหาเรื่องอยู่แล้ว ใครจะกล้าล่ะ….
ที่สหรัฐใช้วิธีนี้แล้วคนทั้งโลกต้องเกรงใจ
มันไม่ใช่เพราะพวกเขาอาวุธเยอะหรืออะไรหรอก
แต่มันคือเรื่องผลประโยชน์ของชาติตัวเองทั้งนั้น
บนโลกใบนี้ ถ้าคุณค้าขายอะไรสักอย่าง
อเมริกาจะเป็นตลาดที่ทุกคนต้องใฝ่ฝันถึง
คือ กำลังซื้อเขาสูง ขายของได้ราคา และอเมริกาไม่ค่อย
ผลิตอะไรที่มันง่ายๆ มาแข่งกับของนำเข้ามากนัก
ต่างจากจีน ที่พวกเขาผลิตเองทุกอย่าง
ใครส่งอะไรเข้าไป ก็สู้กับพวกเขาในตลาดจีนไม่ไหว
มันทำให้ทุกชาติ ที่แม้จะเกลียดกันเหมือนขี้
ก็ยังต้องอยากค้าขายกับเขา
อย่างจีนกับสหรัฐเนี่ย เหมือนจีนเป็นโรงงาน
เมื่อผลิตของออกมา ก็ต้องอยากวางบนห้าง
มีมาตรฐานห้างที่ทุกคนยอมรับ ซึ่งห้างก็คือสหรัฐ
มันเลยเป็นอะไรที่ตัดไม่ตายขายไม่ขาด
แม้ว่าในทางการเมือง พวกเขาจะเกลียดกันก็ตาม
และเมื่อคุณค้าขายกับเขา คุณก็ต้องมีเงินสกุลของเขาติดตัว
มีปัญหามากๆ เขาไม่จ่ายหนี้คืน ยึดตังคุณ หรือไม่รับของคุณ
เพราะทะเลาะกัน คุณก็จะเจ๊ง
ยังมีสินค้าเทคโนโลยีผูกขาดของพวกเขาอีก
มันทำให้ทั้งโลกต้องเกรงใจ เพราะสิ่งเหล่านี้
สหรัฐจึงใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้ บีบได้ทั้งโลก
ว่ากันเฉพาะในทางเศรษฐกิจ รัสเซียเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น
ในสายตาของสหรัฐ พวกเขาจะบีบยังไงก็ได้
…สิ่งที่เกิดขึ้น แม้สหรัฐไม่ได้ห้ามที่ตัวรัสเซียโดยตรง
แต่บอกว่าจะเล่นงานคนที่ค้าขายกับรัสเซีย มันจึงได้ผล….
…เหมือนเด็กทะเลาะกันน่ะครับ ถ้าแกเล่นกับมัน
ฉันก็จะไม่เล่นกับแก…
แล้วใครจะเลือกประเทศจนๆ ที่กำลังถังแตกสุดๆ
ให้ตัวเองเสียประโยชน์ล่ะ มันก็ธรรมดานั่นแหละ…
สหรัฐน่าจะบีบรัสเซียขึ้นโต๊ะเจรจาแบบตัวเองคุมเกมส์ได้
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่าเร็วที่สุด ตัองภายในเดือนนี้
( ลืม 24 ชั่วโมงไปซะ 555)
ยูเครนน่ะยังไงก็ต้องว่าตามสหรัฐ
แต่รัสเซียนี่ คงมาแบบจำใจ เพราะเริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
ปัญหาคือ การที่สหรัฐถือไพ่เหนือกว่ามากแบบนี้
ข้อเสนอต่อรัสเซีย มันอาจเป็นอะไรที่ปูตินรับไม่ได้เลย
ประเด็นที่น่าจะคุยกันยากมาก ก็คือเรื่องคว่ำบาตรนี่แหละ
สมมุติ ทรัมป์ยอม แต่ยุโรปบอกชั้นจะคว่ำต่อ
รัสเซียเองก็คงไม่รับ และทรัมป์ก็จะตีมึนว่าไม่ใช่ความผิดเขา
…ก็ให้คุยแล้วไง มันไม่รับกันเองอ่ะ…
ด้วยมรดกที่ไบเดนทำไว้ นวดรัสเซียจนงอมไปหมดแล้ว
มันอยู่ในวิสัย ที่ยุโรปลำพัง จะรับมือรัสเซียได้ครับ
ทรัมป์เองก็ทราบเรื่องนี้ เขาและสหรัฐจะลอยตัวเหนือปัญหาได้
โดยไม่กระทบภาพรวมของสถานการณ์
จะรบกันต่อ พวกเอ็งก็รบไปสิ ข้าขายอาวุธ ขายน้ำมันต่อ
ไม่มีอะไรเลย ที่อเมริกาจะต้องสนใจ
ยูเครนอยากได้เงินเหรอ มากู้เอาสิ เดี๋ยวชนะแล้ว
ค่อยมาว่ากัน ว่าต้องเสียอะไรให้สหรัฐบ้าง
นั่นเท่ากับ สหรัฐจะควบคุมยูเครนได้ในระยะยาว
แบบที่จีนทำกับลูกหนี้นั่นล่ะครับ
สหรัฐมีแต่ได้กับได้
ในขณะที่รัสเซีย ถ้ารบต่อ ความฝันบุกยุโรปของปูติน
ก็แทบจะต้องจบไปเลย เพราะยังไงการฟื้นฟูกองทัพนั้น
คงต้องใช้เวลาอีกมาก เขาอาจแก่เกินไปแล้วเมื่อถึงวันนั้น
และอาจไม่มีวันนั้นด้วยซ้ำ ถ้าดูจากสภาพเศรษฐกิจรัสเซีย
สหรัฐเอง ถ้ารัสเซียยังรบต่อ พวกเขาก็จะใช้ข้ออ้างนี้แหละ
เล่นงานพันธมิตรรัสเซียและ BRICS
เรื่องนี้ เล่นซะซาอุดีอาระเบียต้องประกาศถอนตัวออกมาแล้ว
เช่นเดียวกับบราซิลและอินเดีย เจ้าของอักษรตัวแรก
และตัวที่สามของ BRICS ซึ่งเริ่มไม่โอเคกับสถานการณ์
รัสเซียโดนแบน สหรัฐตามขยี้คนคบค้ากับรัสเซีย
แบบนี้ BRICS แท้งแน่นอนครับ
…สำหรับสหรัฐ รัสเซียหยุดหรือไม่หยุดก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น
โดยที่ตัวเอง แทบไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย….
มันจึงยากมาก ที่รัสเซียจะยอมหยุด เพราะหยุดไม่หยุดก็ยับ
สู้ไปให้มันสุดทาง วัดเอาข้างหน้าดีกว่า
…ขึ้นโต๊ะเจรจากันน่ะชัวร์…
…แต่คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก…
…มันจะเหมือนที่ทรัมป์เคยคุยกับคิม ในสมัยแรกแหละครับ…
…จะต่างกันหน่อย ตรงรอบนี้ ปูตินคงไม่กล้ามาเองหรอก…
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
