Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 07:13 • ปรัชญา
watthakhanun
เมื่อเสร็จธุระแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางเข้าสู่ที่พักวัดอุทยาน เพื่อเตรียมตัวในการที่จะเข้ารับการอบรมเจ้าสำนักศาสนศึกษา ตามปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ซึ่งทางสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวงถือว่าเป็น "เสือปีนไว" ทำการอบรมเจ้าสำนักศาสนศึกษาแผนกธรรมเสียก่อน คาดว่าอีกไม่นาน ทางแม่กองบาลีก็คงจะจัดอบรมเจ้าสำนักศาสนศึกษาแผนกบาลีด้วย ซึ่งทางวัดท่าขนุนนั้นมีทั้งสำนักศาสนศึกษาแผนกธรรมและสำนักศาสนศึกษาแผนกบาลี ก็แปลว่ากระผม/อาตมภาพจะต้องโดนอบรมอย่างน้อยก็อีกหนึ่งงาน..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตอนนี้ได้มีกฎหมายเกี่ยวกับพระปริยัติธรรมขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณมาสนับสนุนบุคลากร ซึ่งทำงานอยู่ในสำนักศาสนศึกษาต่าง ๆ โดยเฉพาะตำแหน่งเจ้าสำนักศาสนศึกษา ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ตำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ตำแหน่งอาจารย์ประจำสำนักศาสนศึกษา และตำแหน่งเลขานุการสำนักศาสนศึกษา เหล่านี้เป็นต้น
ปีที่แล้วได้งบประมาณมา ๙ ล้านบาท จึงได้จัดสรรให้กับเลขานุการเจ้าสำนักศาสนศึกษาไปก่อน เนื่องเพราะว่าจะเป็นบุคคลที่ทำงานหนักที่สุด ในด้านเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ มาปีนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่เจ้าสำนักศาสนศึกษา จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพในฐานะเจ้าสำนัก ต้องมารับการอบรมว่า เงินก้อนนี้ใช้จ่ายในส่วนใด ? และรายงานผลอย่างไรบ้าง ? โดยเฉพาะแนวทางในการบริหารจัดการสำนักศาสนศึกษาแผนกธรรมให้ก้าวหน้าไปยิ่งกว่านี้
ท่านทั้งหลายที่ได้ยินว่าปีที่แล้วได้รับการจัดสรรงบประมาณมา ๙ ล้านบาท อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นจำนวนมาก เนื่องเพราะว่าสำนักศาสนศึกษาของแต่ละวัดทั่วประเทศนั้นมีอยู่มากมาย ก่อนหน้านี้ต่างก็ดำเนินการกันเองด้วยศรัทธา ก็คือศรัทธาของเจ้าสำนัก
ซึ่งตนเองเรียนนักธรรมเรียนบาลีแล้วประสบความสำเร็จ ไม่อยากให้พระภิกษุสามเณรบวชแล้วมาอยู่ว่าง ๆ จนกระทั่งอาจจะสร้างปัญหาให้กับวัดวาอารามได้ จึงพยายามหางบประมาณจากแรงศรัทธาที่ญาติโยมทั้งหลายมีต่อเจ้าสำนักนั้น ๆ ส่งเสียให้บรรดาพระภิกษุสามเณรได้เข้ารับการศึกษาสูง ๆ ขึ้นไป เพื่อเปิดโอกาสในการดำเนินชีวิตให้แก่เขาทั้งหลายเหล่านั้น
ญาติโยมทั้งหลายจะเห็นว่ามีบรรดา "มหาเปรียญลาพรต" ตามสำนวนของนักข่าว ได้สึกหาลาเพศออกไป ทำหน้าที่สำคัญต่าง ๆ กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของอนุศาสนาจารย์กองทัพต่าง ๆ ระบุเอาไว้ชัดเจนเลยว่าจะต้องมีเปรียญธรรมอยู่ในวิทยฐานะของผู้ที่เข้ามาสมัครด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็ถือว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะสอบเข้าเป็น
อนุศาสนาจารย์ และบรรดาครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ นั้นก็เป็นเปรียญลาพรตกันเสียส่วนมาก เพราะว่าสมัยก่อนนั้น โรงเรียนกับวัดอยู่ใกล้ชิดกัน บางทีวัดก็ให้พื้นที่เพื่อสร้างโรงเรียนด้วย จึงมีโรงเรียนชื่อวัดโน้นวัดนี้จำนวนมากมาย บรรดามหาเปรียญลาพรตก็มาเป็นครูบาอาจารย์สอนนักเรียนต่อ และวิชาการในสมัยก่อนนั้น ก็เข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง
เราท่านจะเห็นว่ามี "พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)" ซึ่งสร้างตำราเรียนเอาไว้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นตำราเรียนเกี่ยวกับมูลบทบรรพกิจ วาหนิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ พิศาลการันต์ เหล่านี้เป็นต้น
หรือว่ามหาเปรียญลาพรตอย่าง "พันเอกปิ่น มุทุกันต์" ท่านก็ขึ้นถึงตำแหน่งอธิบดีกรมศาสนา และสามารถจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพระสงฆ์และวัดวาอารามทั่วประเทศได้เป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันนี้ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อกล่าวถึงในเรื่องของผู้บริหารในด้านงานพระพุทธศาสนา ก็มักจะต้องยกตัวอย่างพันเอก ปิ่น มุทุกันต์ ขึ้นมากล่าวถึงอยู่เสมอ เนื่องเพราะว่าท่านเป็นผู้ทรงความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม สามารถบริหารงานตามหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จากการที่เราท่านทั้งหลายส่งเสียให้พระภิกษุสามเณรเรียน ด้วยงบประมาณจากความศรัทธาของญาติโยม ปัจจุบันนี้ได้รับงบประมาณจากทางด้านรัฐบาล กระผม/อาตมภาพก็ยังหนักใจอยู่ว่า เราเองจะกลายเป็น "ลูกจ้างฆราวาส" อย่างที่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ. ๙) หรือท่านเจ้าคุณอาจารย์ชัยวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านพูดถึงหรือเปล่า ?
เพราะว่าเมื่อรับเงินเขามา ก็ต้องทำงานตามที่เขาชี้นิ้วสั่งการ
อย่างที่กระผม/อาตมภาพเมื่อคืนต้องเตรียมเอกสารหลายต่อหลายชุด และกรอกเอกสารตัวจิ๋ว ๆ เท่ากับแมลงหวี่เป็นเอกสารถึง ๓ หน้าด้วยกัน..! ระบุข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นส่วนตัว ตลอดจนกระทั่งวิทยฐานะ ประสบการณ์ในการทำงาน และจะต้องส่ง
สำเนาเอกสารต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าใบตั้งสำนักศาสนศึกษา ตราตั้งเจ้าอาวาส สำเนาสมณศักดิ์ ตลอดจนกระทั่งเอกสารอื่น ๆ เพื่อที่จะระบุตัวตนให้ชัดเจน เนื่องเพราะว่าเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ มีกระทั่งใบรับรองแพทย์..! ซึ่งกระผม/อาตมภาพทำเมินไปเสีย เนื่องเพราะว่าทางด้านล่างเขามีช่องให้ขีดไว้ว่าขาดเอกสารส่วนใดบ้าง
เอกสารอื่นเกือบ ๒๐ ฉบับก็นับว่ามากพอแล้ว ยังจะต้องการใบรับรองแพทย์ไปเพื่อประโยชน์อะไร ? กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกัน จึงจัดสรรไปให้ตามที่พอจะหาได้ เวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว ใครจะไปขอใบรับรองแพทย์ได้ทัน..!? ดังนั้น ถ้ากระผม/อาตมภาพมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการจัดสรรงบประมาณของทางราชการ ก็ให้รู้ว่าเป็นเพราะขาดใบรับรองแพทย์เพียงใบเดียวเท่านั้น..!
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย