Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
17 ม.ค. เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กสิกรไทย ตีโจทย์ “Cybersecurity” เป็นความท้าทายธนาคารไทยปี 68
กสิกรไทย เผยความท้าทายธนาคารไทยปี 68 คาดกลุ่มธนาคารหันมาเพิ่มงบด้าน “Cybersecurity” มากขึ้น พร้อมแนะนำหุ้นเด่น KTB
บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ “Banking Sector : การเพิ่มงบด้าน Cybersecurity ความท้าทายธนาคารไทยใหม่ปี 68” โดยระบุว่า การเพิ่มงบประมาณด้าน cybersecurity กำลังกลายเป็นแนวโน้มทั่วโลก โดยเชื่อว่างบประมาณด้าน cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธนาคารกำลังกลายเป็นแนวโน้มทั่วโลก กรอบความรับผิดชอบร่วม (SRF) ของประเทศสิงคโปร์มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับการหลอกลวงทางฟีชชิ่ง
กสิกรไทย ตีโจทย์ “Cybersecurity” เป็นความท้าทายธนาคารไทยปี 68
โดยเรียกร้องให้สถาบันการเงินและกลุ่มโทรคมนาคมต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2567 กรอบความรับผิดชอบร่วมกำหนดมาตรการต่าง ๆ เช่น cooling-off periods เป็นเวลา 12 ชั่วโมง, การแจ้งเตือนการทุจริตแบบเรียลไทม์และการกรองข้อความ SMS อย่างเข้มงวด มีการประเมินความรับผิดชอบตามลำดับขั้น เริ่มต้นจากสถาบันการเงิน ตามมาด้วยกลุ่มโทรคมนาคมและผู้บริโภค หากทั้ง 2 ฝ่ายปฎิบัติตามหน้าที่
นอกจากนี้กลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง cybersecurity เป็นอันดับต้น ๆ ในปี 2568 โดยตั้งเป้ารับมือกับภัยคุกคามที่มากขึ้น โดย 43% ระบุว่าเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญสูงสุด
บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
คาดกลุ่มธนาคารไทยจะดำเนินตามแนวโน้มดังกล่าว
คาดว่ากลุ่มธนาคารไทยจะต้องเพิ่มการลงทุนด้าน cybersecurity ในปี 2568 หนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ การโจมตีด้านไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น, การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบีบบภายใต้ SRF และค่าใช้จ่ายด้าน IT ที่สูงขึ้น การโจมตีด้านไซเบอร์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 61 เหตุการณ์ ในปี 2564 มาอยู่ที่ 2,135 เหตุการณ์ ในปี 2567 SRF
ที่ได้รับต้นแบบจากสิงคโปร์จึงกำหนดให้กลุ่มธนาคารและโทรคมนาคมต้องร่วมรับผิดชอบต่อการหลอกลวงออนไลน์ซึ่งทำให้ธนาคารไทยต้องอัปเกรดระบบตรวจจับการทุจริตโดยร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมและเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัย ปัจจุบัน
ธุรกิจในประเทศไทยใช้จ่ายเงินแค่ 0.2% ของรายได้ ในด้านความปลอดภัยด้าน IT น้อยกว่าของประเทศพัฒนาแล้วที่อยู่ที่ 0.7% แม้ความถี่ของการโจมตีมากกว่าก็ตาม
ความท้าทายมากขึ้นในการลดสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้
คาดว่าการใช้จ่ายเงินด้าน IT ในกลุ่มธนาคารของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2568 จากการลงทุนด้าน cybersecurity และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบซึ่งจะเพิ่มความท้าทายในการลดสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ เราคาดว่าสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้นจาก 45% ในปี 2567 มาอยู่ที่ 46% ในปี 2568-69 และคาดกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก เช่น TISCO, KKP และ TTB จะประสบกับความท้าทายมากกว่าจากการประหยัดต่อขนาดที่มีน้อยกว่า
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นคาดจะมาจากการอัปเกรดเทคโนโลยี (ระบบตรวจจับการหลอกลวง, การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์), ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (การช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง, การฝึกอบรมพนักงาน) และการติดตามเรื่องการปฎิบัติตามกฎระเบียบ ค่าใช้จ่ายด้าน IT เพิ่มขึ้นจาก 6.7 พันลบ. ในไตรมาส 1/2563 มาอยู่ที่ 1.51 หมื่นลบ. ในไตรมาส 3/2567 และคิดเป็นสัดส่วนที่ 15% ของ Opex และ 5% ของรายได้รวม
กสิกรไทยยังคงมุมมองลบต่อกลุ่มธนาคารจากรายได้ดอกเบี้ยที่คาดเติบโตขึ้นเล็กน้อยในปี 2568 จากสินเชื่อที่เติบโตช้าลง NIM ที่ลดลงจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย และปัจจัยเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงอยู่แม้ออกมาตรการบรรเทาหนี้ใหม่ การใช้จ่ายเงินด้าน IT ที่สูงขึ้นสำหรับเรื่อง cybersecurity อาจกดดันกำไรแม้คาดผลกระทบจะจำกัดก็ตาม
หุ้นเด่น KTB ซื้อ : TP 23.00 บาท
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/240658
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTV Wealth :
https://www.facebook.com/PPTVWealth/
YouTube Wealth :
www.youtube.com/@PPTVWealth
กสิกรไทย
ธนาคาร
เศรษฐกิจไทย
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย