เมื่ออนาคตเราไม่ต้องบอก AI ว่าทำอะไร แต่ในอนาคตคุณแค่บอกว่าต้องการอะไร?
เทรนด์ของ AI มาแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้ Generative AI ถือเป็นเรื่องปกติใหม่สำหรับทุกคนแล้ว และแน่นอนว่าเทคโนโลยีก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างงาน CES 2025 ล่าสุด! ก็มีการพูดถึงเรื่องของ Physical AI และ Agentic AI อยู่ไม่น้อยเช่นกัน นับเป็นเรื่องใหม่ และโอกาสใหม่ ที่เราทุกคนจะได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน
- Agentic AI คือ การพัฒนาต่อยอดมาจาก Generative AI คือเป็นมากกว่าแค่การถามคำถามทั่ว ๆ ไป แต่เทคโนโลยีของ Agentic AI จะสามารถ ‘ตัดสินใจ’ ได้ด้วยตัวเอง ตัดสินใจแทนเราได้ โดยมีลักษณะเหมือนตัวแทน (Agent) ที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองคำสั่ง แต่ยังสามารถดำเนินการหรือทำงานที่ซับซ้อนแทนมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ, จัดการข้อมูล และแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ เป็นต้น
4. ตัวอย่างเรื่องของ Agentic AI คือการทำงานที่มากกว่าแค่การตอบคำถาม แต่สามารถ Action ได้ เช่น เราบอก AI ว่าวันนี้ผักสดที่บ้านเราหมด เราสามารถบอก ‘ความต้องการ’ ได้ว่า อยากได้ผักที่เป็น Organic, ราคากลาง ๆ แบบมีโปรโมชัน สั่งมาให้หน่อย ซึ่งเจ้า Agentic AI จะไปหาข้อมูลอันมหาศาลนี้ และสั่งมาให้เราได้เลย เรียกได้ว่ามันมากกว่าแค่ถามตอบ แต่ Agentic AI สามารถ Action สั่งของให้เราได้ทันที
5. หรืออีกตัวอย่างในอนาคต Agentic AI อาจจะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ สมมุติเราอยากจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก ที่เหมาะกับงบของเรา หลังจากนี้จะไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไป Agentic AI จะเข้ามาจัดแพ็กที่เหมาะสมให้กับเราได้ทั้งหมด ขอเพียงแค่เราบอกความต้องการได้ครบ เสมือนมีตัวแทนมาคอยทำให้นั่นเอง
6. หรืออีกสักตัวที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ Agentic AI ในอนาคตคือ การหยิบมาทำ Workflow ในการทำงานขององค์กร เช่น Agentic AI สำหรับบัญชี, Agentic AI สำหรับฝ่ายขาย แล้วสุดท้ายนำมาทำงานร่วมกันเป็น Process แล้วระบบก็จะสื่อสารกันเป็น Workflow ที่เหมาะสมในแต่ละบริษัท
8. Agentic AI Tools ในปัจจุบันอยู่ในช่วงที่หลายบริษัทมีการพัฒนาอยู่ ไม่ว่าจะบริษัท Anthropic ที่พัฒนา Claude หรือบริษัท Google, Microsoft's เองก็มีการพัฒนาอยู่เช่นกัน ในวันนี้มันอาจจะยังไม่เวิร์กมาก ยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน แต่สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นอนาคตอันใกล้ภายใน 1-2 ปี ซึ่งการรู้ไว้ก่อน จะทำให้เรามีเตรียมความพร้อมได้
9. Generative AI หน้าที่ของมันคือการเอาใจพวกเรา เพราะระบบจะพยายามหาคำตอบมาให้ได้ ทุกวันนี้ก็ยังมีความมั่วอยู่บ้างเหมือนกัน ในทางกลับกัน Agentic AI เองก็ยิ่งใหม่ใหญ่เลย มีการใช้ AI หลายจุดมาก ดังนั้นขั้นตอนซับซ้อนกว่ามาก ยังมี Error อยู่มาก การจะใช้ AI สิ่งสำคัญต้องระมัดระวัง ใช้สติ ใช้การคิดวิเคราะห์ให้บ่อย อย่าพึ่งเชื่อข้อมูลจาก AI โดยไม่ทันคิด!
11. โดยสรุปเรื่องของ Agentic AI พวกเราทุกคนมีโอกาสจะได้ใช้งานแน่นอน แต่มันอาจจะมีเงื่อนไขที่ไม่ได้ง่ายเหมือน Generative AI ในช่วงแรก เพราะหากสังเกตดี ๆ Generative AI ที่ใช้งานได้ง่ายทั่วถึง เพราะมี AI Tools สำเร็จรูปให้เราได้ใช้นั่นเอง ดังนั้นจับตาดูกันต่อไปในอนาคต
12. อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจจากในงาน CES2025 ที่ผ่านถึงการมาของเทคโนโลยีจากฝั่ง Nvidia นั่นก็คือ Physical AI หรือ AI ที่จับต้องได้ ตัวอย่างเช่น อย่าง Jensen Huang CEO ใหญ่จาก Nvidia จับมือกับ OpenAI ที่จะทำ Humanoid หรือหุ่นยนต์ออกมา เพราะ AI จะไม่ได้อยู่แค่ในจอแล้ว แต่จะกระโดดออกมาเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ มีการ Interactive เกิดขึ้นร่วมกันระหว่างมนุษย์ และ AI ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
13. Jensen Huang CEO ใหญ่จาก Nvidia มีการทำโมเดลที่มีชื่อว่า World Foundation Model (WFM) โดยเป็น AI ที่มีความเข้าใจโลก เพราะเมื่อก่อน AI จะเข้าใจแค่ตัวหนังสือที่เราพิมพ์ แต่การจะทำ Physical AI ให้ได้ประสิทธิภาพสูงจำเป็นต้องมี AI ที่เข้าใจโลก เช่น เข้าใจบริบทของมนุษย์ หรือรู้หลักวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ อย่างการเห็นการเดินของมนุษย์ แยกได้ว่านี่คือถนนนะ นี่คือบันไดนะ นี่คือบันไดเลื่อนนะ ถ้าเดินผิดบาดเจ็บได้นะ เป็นต้น
เมื่อ AI ประเภท Physical AI รับรู้ถึงบริบทเหล่านี้ได้มากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้นจริงเสมือน AI เป็นมนุษย์คนหนึ่งก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยข้อมูลมหาศาลนี้ทำให้ AI ฉลาดขึ้นไม่พอ แต่ฉลาดในการเข้าใจโลกด้วย
15. การที่ AI มันขับเคลื่อนเร็วขนาดนี้ เราต้องไปมองถึงภาพระดับโลกด้วย เพราะระดับโลกเขาคุยกันไปไกลแล้ว เขาคุยเลยเรื่อง AGI (Artificial general intelligence) หรือ AI ที่มีความสามารถในการเรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้หลากหลายเหมือนมนุษย์ เช่น สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ในหลากหลายบริบท เช่นเดียวกับมนุษย์ หรือมีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ในสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เป็นต้น
16. ระดับโลกตอนนี้เขาแตะ และคุยกันจริงจังไปถึง ASI (Artificial Super Intelligence) หมายถึง AI ที่มี ความฉลาดเหนือมนุษย์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคิด วิเคราะห์ หรือการใช้ทักษะต่าง ๆ โดยคุณสมบัติของ ASI ที่น่าสนใจ 3 ด้านที่เป็นไปได้คือ
19. วันนี้กลุ่มพนักงานคนทำงานประจำ ไม่ต้องกลัวตกงาน! เพียงแค่เราต้องเรียนรู้ ปรับตัวให้ได้ในเรื่อง AI เหมือนในยุคที่คอมพิวเตอร์เกิดใหม่ ถ้าเราปรับตัวใช้คอมเป็นเราก็มีงาน ดังนั้น AI ก็เช่นกัน แค่เราต้องปรับตัวหันมาใช้ AI ให้เป็น ต้องทันอย่างเข้าใจ เพราะในอนาคตประชากร AI จะมีมากกว่า ประชากรมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์จะเป็นสิ่งที่หายากและมีคุณค่า หน่วยงานไหนมีมนุษย์ที่เก่ง AI จะมีคุณค่าในระดับสูง
20. ทักษะความเห็นอกเห็นใจสำคัญสำหรับมนุษย์มาก เป็นสิ่งที่ AI ยังทำแทนไม่ได้ ดังนั้นอย่ากลัวว่า AI มาแล้วจะตกงาน แต่คุณต้องปรับตัวให้ทัน AI พัฒนาทักษะที่ AI ยังทำแทนไม่ได้ และพัฒนาทักษะในการควบคุม เข้าใจ AI อยู่เสมอ ความยืดหยุ่นก็เป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะของใหม่มาตลอดเวลา ต้องเรียนรู้อยู่เสมอ
23. สุดท้ายนี้ หากเราลองกลับมาคิดเรื่องของ Physical AI ว่าวันนึง AI จะมาบุกโลกยึดครองโลกเสมือนในหนัง ไม่ใช่ว่ามันอาจไม่มีจริง แต่ในเชิงของการทำสงคราม อาจเป็นไปได้เหมือนกัน ดังนั้นเรื่องนี้เสมือนเป็นอำนาจต่อรองในแต่ละประเทศ ให้มองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ไม่ต่างจากนิวเคลียร์ในอดีต AI ก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน