16 ม.ค. เวลา 11:36 • ข่าวรอบโลก

สถานที่ที่เงียบที่สุดในโลก

ตั้งแต่ปีค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) ห้องทดลองสองแห่งได้แข่งขันกันสร้าง ”ห้องที่เงียบที่สุดในโลก“ ขึ้นมา
ห้องทดลองสองแห่งนั้น หนึ่งคือห้องทดลอง “Orfield” ที่มินนิอาโพลิส ส่วนอีกแห่งเป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “Microsoft” ที่ซึ่งห้องทดลองอยู่ในวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ในปีค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) ห้องทดลอง Orfield ได้ครองแชมป์เจ้าของห้องที่เงียบที่สุดในโลก ก่อนจะถูก Microsoft โค่นสถิติไปในปีค.ศ.2015 (พ.ศ.2558) โดยห้องทดลองของ Microsoft มีระดับความดังเสียงภายในห้องอยู่ที่ (-) 20 เดซิเบลเอ
ห้องเงียบของ Orfield
แต่ Orfield ก็ไม่ยอมแพ้ และได้กลับมาในปีค.ศ.2021 (พ.ศ.2564) ด้วยการสร้างห้องที่สามารถเอาชนะ Mocrosoft ได้ โดยห้องทดลองของ Orfield มีระดับเสียงอยู่ที่ (-) 24.9 เดซิเบลเอ
จะเห็นได้ว่าทั้งสองห้องนั้นเงียบมากซะจนระดับเสียงติดลบทั้งคู่ หากแต่เป็น Orfield ที่เฉือนชนะไปในที่สุด
จนถึงปัจจุบัน ห้องทดลอง Orfield ยังครองตำแหน่งห้องที่เงียบที่สุดในโลก โดยห้องทดลองของ Orfield ยังเปิดให้คนภายนอกเข้ามาสัมผัสได้อีกด้วย ต่างจากของ Microsoft ที่ไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้าชม
หลายคนอาจจะสงสัยว่าห้องที่มีระดับเสียงอยู่ที่ (-) 24.9 เดซิเบลเอนี่มันจะเงียบขนาดไหน และเป็นอย่างไร
ต้องบอกว่าผมเองก็ยังไม่เคยไปสัมผัสเหมือนกัน นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นอย่างไร แต่จากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยได้เข้าไปสัมผัส ต่างบอกว่าประสบการณ์ภายในห้องนั้น ความรู้สึกคือรู้สึกแปลกประหลาด กระสับกระส่าย และคุ้มคลั่ง
นั่นก็เพราะเมื่อเราไปอยู่ในสถานที่ที่เงียบมากๆ จริงๆ เสียงเดียวที่เราจะได้ยินก็คือเสียงจากร่างกายเราเอง โดยมีรายงานจากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยเข้ามาในห้องทดลองแห่งนี้ ต่างบอกว่าห้องทดลองนี้เงียบซะจนสามารถได้ยินเสียงการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเสียงโลหิตที่ไหลเวียนในกะโหลกศีรษะ เสียงกระดูกและเส้นเอ็นที่เคลื่อนตัวขณะเราเคลื่อนไหว และเสียงลมหายใจที่แม้จะหายใจเบาๆ แต่กลับดังจนบาดแก้วหู
บางรายถึงกับกล่าวว่าได้ยินเสียงกระพริบตาด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศเช่นนี้ทำให้หลายคนที่เข้ามาแล้วรู้สึกอึดอัด ไม่สบาย และหากอยู่ในห้องนี้นานๆ ก็อาจจะคุ้มคลั่งได้
คนส่วนมากที่เคยได้เข้ามาสัมผัสในห้องนี้ต่างอยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่นาที ก่อนจะขอออกจากห้องโดยไว โดยมีเพียงส่วนน้อยมากๆ ที่สามารถทนอยู่ได้เกินหนึ่งชั่วโมง
สำหรับสาเหตุที่ห้องทดลองนี้เงียบขนาดนี้ ก็เนื่องจากมีการสร้างด้วยวัสดุเก็บเสียงอย่างดี มีการสร้างกำแพงและห่อหุ้มด้วยชั้นต่างๆ หลายชั้น ซึ่งวัสดุที่ใช้ก่อสร้างก็ล้วนแต่เป็นวัสดุเก็บเสียง
สำหรับสาเหตุที่มีการสร้างห้องทดลองนี้ขึ้นมา หลักๆ ก็เพื่อใช้ทดลองผลิตภัณฑ์ต่างๆ ดูว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีระดับเสียงเป็นอย่างไร
สำหรับคนที่สนใจอยากลองสัมผัสกับห้องที่เงียบที่สุดในโลกนี้ ก็ย่อมทำได้
ทางห้องทดลอง Orfield คิดค่าพาทัวร์เริ่มต้น 200 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,000 บาท) โดยจำกัดกลุ่มละสองคนเท่านั้น ทัวร์หนึ่งรอบใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง โดยจะได้สำรวจห้องทดลองทั้งหมด รวมทั้งได้ใช้เวลาในห้องที่เงียบที่สุดในโลกนี้เป็นเวลา 20 นาที ซึ่ง 20 นาทีนี้ก็เกินพอแล้วสำหรับคนส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่จะทนไม่ไหว ขอออกก่อนด้วยซ้ำ
และหากอยากจะได้บรรยากาศเข้าไปอีก ก็สามารถจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อให้ดับไฟ ทำให้ห้องนั้นมืดสนิท ได้ทั้งความเงียบและความมืด ซึ่งจะสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่หนึ่งถึงสี่ชั่วโมง (แต่แน่ใจนะครับว่าทนอยู่ได้เป็นชั่วโมง?)
1
เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจทีเดียว หากใครอยู่สหรัฐอเมริกาหรือมีแพลนจะไปสหรัฐอเมริกา ห้องทดลอง Orfield ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าแวะเข้าชมอีกแห่งจริงๆ ครับ
4
โฆษณา