เมื่อวาน เวลา 02:09 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องราวคาถาอาคม สิ่งได้ก็คือกรรม นรกอเวจี เป็นที่หมายให้จิตไปสถิตย์ เมื่อไม่มีกาย แล้วสิ่งเหล่านี้ มันทำลายกาย ทำลายจิตของตัวเอง ทั้งคนที่เรารัก ..เหมือนนำไฟ มาเผาเรือนของตัวเอง เอาสิ่งสกปรกมาทับถมตัวเอง น้ำเลือดน้ำหนองก็เป็นสีดำ มีแต่กรรมที่เกิดขึ้น .หาความสุขกายสุขใจไม่ได้ พอไม่พอใจ ..อารมณ์โกรธโมโห ..ก็รุนแรง เป็นทวีคูณ เพิ่มพูนไปด้วยกรรม .มันเหมือนไฟนรก ที่เกิดขึ้นใน LA เผาเรือนกายคนนั้นคนนี้ ..ไปเรื่อย ทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด
เรื่องของคาถาอาคม นั่นเป็นเรื่องราวของความยึดถือ เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านก็ไปเรียนเรื่องกายฤาษี ที่ทำกายนิ่ง จิตนิ่งได้ แต่ฤาษี ทำกายใหนิ่งจิตนิ่งได้ นั่งนิ่ง จิตยึดท่องคาถา หวังให้ได้ อิทธิฤทธิ์โลกีย์ พระสิทธัตถะท่าน ก็ทำตามเรียนรู้เรื่องราวของฤาษี แต่เห็นว่า สิ่งที่ไปท่องนั้น ไม่ได้ทำให้จิตหลุดพ้นไปได้ หลุดพ้นความเกิดแก่เจ็บตายไม่ได้
พระสิทธัตถะ ท่านนั่งนิ่ง จิตนิ่งเฉย สังเกตดูว่าว่าสิ่งอะไรเกิดขึ้นในเรือนกาย อะไรมันเกิดขึ้น ท่านก็นั่งนิ่ง ทำจิตเฉย ..ปลดเปลื้องสิ่งต่างๆ ที่ไหลออก จากที่ไหนบ้าง ท่านก็ปลดเปลื้อง..ออกไป ทำด้วยจิตนิ่งๆ เฉย ด้วยความขันติเป็นบารมี
เมื่อท่านทำกายนิ่ง จิตนิ่ง ท่านก็สังเกตว่า มีแสงสว่าง ส่องเข้ามา ในกายในจิต ท่านก็เรียนรู้ว่า แสงนั้นมาจากไหน เมื่อกายนิ่งจิตนิ่ง มีแสงต่างที่เป็นมงคล เป็นแสงที่ดี ท่านก็หมั่นเพียรกระทำ ด้วยบุญบารมี ที่สะสมมาเต็มที่ ..สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ในกายท่าน ก็นั่งนิ่ง จิตนิ่ง ปลดเปลื้องอารมณ์ ด้วยสติสัมปชัญญะ ขัดกายขัดจิต จนเป็นแก้วเจียระไน
เรื่องราวของคาถาอาคม ..ที่ท่อง ก็เพราะ หลงเชื่อว่า คาถาอาคมจะบันดาล สิ่งนั่นสิ่งนี้ให้ จิตก็ยังจมอยู่ หลงอยู่กับอารมณ์โลภโกรธหลง ยิ่งท่อง ก็ยิ่งไปดึงในสิ่งที่เรียกว่า ม่ามหมอกมนต์ดำ มาปกปิดจิตขิงตัวเอง เกิดอารมณ์อุปทานต่างๆมากมาย จิตก็จมโคลนตมลงไปเรื่อยๆ พอแก่เฒ่าชรา ก็เดินเอียงโขยกเขยก ปวดเข่า ลุกเดินไม่ไว ..ต้องนอนลง ทุกข์ทรมาน ด้วยกายนั้นแบกของหนัก เคลื่อนที่ไปไหนไม่ไหว บ้างก็มีโรคภัยแปลกๆ หาสาเหตุไม่ได้
พระพุทธเจ้า ท่านมีแต่บอกให้สร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรมก็ ให้ท่องพุทโธไว้ก่อน ท่องอยู่สองคำนี้ไปก่อน จะได้ไม่ไปหลงยึดเรื่องราวของอารมณ์ ท่านก็นำเรื่องราว รอยทั้งสี่ ยืนสมาธิ นั่งสมาธิ เดินจงกรม นอนไสยศาสตร์ จิตไม่นึกคิดอะไร ..ทำให้กายนิ่ง จิตนิ่ง ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ปัญญาธรรมเกิดขึ้น เหมือนมีพระ ส่งกระแสส่องแสง เข้าไปที่จิต.ค่อยๆเรียนรู้ จักคำว่าธรรม ให้รู้จักกรรม นำพาไปไหน ให้รู้จักธรรม แล้วก็สร้างบุญกุศลบารมี หนีกรรม มัวแต่ท่องคาถาอาคม จะเอาอะไีรไป หนีเวรกรรม
มัวแต่ท่องคาถาอาคม มุ่งมั่นหากรรม ธรรมที่ไหนจะส่งเข้าไปถึงจิต ก็มุ่งมั่นท่องคาถาอาคม สร้างแต่กรรม มีกรรมมีแต่อารมณ์ทะเยอทะยาน อยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ยึดสิ่งนั้นสิ่งนี้ กายมันก็แก่ไปเรื่อย ..แล้วรู้จักกรรมมั้ย รู้จักคำว่าบุญกุศลมั้ย รู้จักคำว่า พระคุณของธาตุนะโม มีการตอบแทนพระคุณของธาตุนะโม ให้ธาตุนั้นเป็นบุญเกิดขึ้นมั้ย รู้จักธาตุนะโม ก็รู้จักเรื่องของธาตุทั้งสี่ได้มั้ย
เพราะสิ่งเหล่านี้ที่อยู่กับคำว่า ธาตุทั้งสี่. เป็นรายละเอียด ที่จิตแต่ละดวงจิต สะสมเวรกรรมบันทึกเอง ทำเอง ..แล้วจะเอาอะไร ไปแก้ไข สิ่งต่างๆ ที่สะสมกรรมมาอยู่กับธาตุทั้งสี่ แล้วพระท่านบอกว่า ให้นำเรื่องราวรอยทั้งสี่ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำฝึกหัดปฏิบัติ . รอยนี้ ไม่มีอารมณ์นึกคิด ..ให้ฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมา สลัดละเรื่องราวต่างๆออกไป
จิตจะโตขึ้น ..เกิดสิ่งที่เรียกว่า ..จิตมีบารมี รู้จักอารมณ์กรรมตัวกระทำ รู้จักว่าอารมณ์กรรมนั้นนำจิตไปทางไหน นำพาจิตสร้างเวรกรรมขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อรู้จัก จิตก็จะรู้จักกรรม ผลักไสสลัดอารมณ์กรรมออกไป
เรื่องราวของคาถาอาคม พญามาร ท่านส่งเสริม ..นำพาจิตลงอบายภูมิ เมื่อจิตหมดกายที่อาศัย นั่นจึงไปเรื่องราวที่ว่า อยู่ในอุ้งมือมารอยู่แล้ว ..หนีเค้าไม่ได้เลย ก็สร้างแต่กรรม สืบสานในตัวตนในจิตของตัวเอง สืบต่อไป .โมฆะก็เกิดขึ้น
เมื่อเกิดโมฆะ ที่ว่า มาอาศัยกายพ่อแม่เป็นมนุษย์ทั้งที .หมดโอกาสไปหนึ่งขาติ ชาติหน้าไม่รู้ว่าจะได้ธาตุพ่อแม่ เป็นรูปกรรมอะไร ..ส่วนมากคนเค้าก็ไม่คิดถึงชาติหน้า เค้าก็เอาแค่ชาติปัจจุบัน .ให้กายที่แก่เจ็บตายได้. เลี้ยงกายด้วยกรรม หวังให้สุขสบายในชาตินี้ แต่กายเค้าก็มีแต่กรรม ความเจ็บป่วย กรรมตัดรอน มันก็บั่นทอนอายุไปเรื่อยผุพังไปเรื่อยๆ กินกันนอน แก้ไขนำจิตไปสู่สถานที่ดีๆไม่ได้เลย
โฆษณา