‘โลกร้อน’ คุกคามท่าเรือน้ำมันสำคัญทั่วโลก ดันน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 1-3 เมตร ท่าเรือเสี่ยงพินาศในอนาคต
☝️Click >> วิกฤตระดับน้ำทะเลสูง ท่าเรือน้ำมันหลักของโลกเผชิญภัยคุกคาม
🔎Clear >> ถือเป็นอีกหนึ่งภัยคุกคากที่น่าห่วงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นั่นก็คือ ‘ระดับน้ำทะเล’ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อ ‘ท่าเรือน้ำมันหลัก’ หลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะในซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอเมริกา
จากการวิเคราะห์โดย International Cryosphere Climate Initiative (ICCI) ได้ชี้ว่า หากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 1 เมตร ท่าเรือน้ำมันสำคัญถึง 13 แห่ง จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยท่าเรือสำคัญ เช่น ราสทานูรา และ ยานบู ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกน้ำมันกว่า 98% ของประเทศ มีความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำใกล้ระดับน้ำทะเล
ขณะที่ท่าเรือในเมือง ฮูสตัน และ กัลเวสตัน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีชื่ออยู่ในรายการนี้เช่นกัน รวมถึงท่าเรือสำคัญในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่า ในต้นทศวรรษ 2100 ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นถึง 3 เมตร แต่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 1 เมตร อาจกลายเป็นความจริงภายในเวลาไม่ถึงศตวรรษ หรือเร็วที่สุดในปี 2070 หากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกยังคงดำเนินต่อไป และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังไม่ได้รับการควบคุม และผลกระทบที่รุนแรงยิ่งกว่า คือ ในช่วงต้นทศวรรษ 2100 ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นถึง 3 เมตร
ด้าน แพม เพียร์สัน ผู้อำนวยการ ICCI ระบุว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ท่าเรือสำคัญเหล่านี้อยู่ต่ำเพียง 1 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในขณะที่การใช้พลังงานฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็นต้นเหตุให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
บวกกับคลื่นพายุซัดฝั่งรุนแรงขึ้นและน้ำเค็มซึมเข้าสู่พื้นดินชายฝั่ง กำลังกัดกร่อนฐานรากของโครงสร้างสำคัญในหลายประเทศ รวมถึงท่าเรือน้ำมัน ที่มีมูลค่าการส่งออกน้ำมันรวมกว่า 20% ของการส่งออกน้ำมันทั่วโลกในปี 2023 ซึ่งจะนำมาสู่มูลค่ามหาศาลที่เสี่ยงเสียหายอย่างมาก เช่น ท่าเรือราสทานูราและยานบูของซาอุดีอาระเบีย มีมูลค่าการส่งออกน้ำมันรวม 214,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 อาจสูญสลายไปในอนาคต
อนึ่ง ภัยคุกคามที่ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสร้างความขัดแย้งอย่างชัดเจน เพราะการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก กลับเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นวิธีเดียวที่สามารถชะลอวิกฤตินี้ได้
นั่นจึงทำให้บรรดานักวิจัยและนักอนุรักษ์ต่างเรียกร้องให้รัฐบาลและภาคธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ควรเร่งดำเนินการอย่างจริงจังในการลดการปล่อยมลพิษ เพื่อป้องกันไม่ให้ท่าเรือน้ำมันหลักของโลกจมหายไปพร้อมกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ไม่เพียงช่วยลดความเสียหายจากวิกฤตสภาพอากาศ แต่ยังสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาวอีกด้วย
ที่มา: Thansettakil
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
