18 ม.ค. เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์

ย้อนรอย “ลอสแอนเจลิส” ดินแดนนางฟ้าที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เหตุการณ์ไฟป่าที่ลอสแอนเจลิสนับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในทศวรรษนี้ ซึ่งการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนใจและสร้างผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาในหลาย ๆ ด้านด้วย
1
ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน (17 มกราคม) ไฟป่าลอสแอนเจลิสก็ยังคงดำเนินอยู่ ท่ามกลางความหวังของผู้คนที่ปรารถนาจะให้เหตุการณ์ดังกล่าวสงบลงได้ในเร็ววัน
“ลอสแอนเจลิส” นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดีจากในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่โด่งดัง ไปจนถึงฐานะของเมืองที่เจริญเป็นอันดับต้น ๆ อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
แต่ในขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของลอสแอนเจลิสก็ชวนให้นึกสงสัยขึ้นมาว่า ลอสแอนเจลิสที่ใคร ๆ ก็รู้จักนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
จากดินแดนของสเปน สู่เมืองที่มีประชากรเยอะที่สุดในสหรัฐอเมริกา คอลัมน์ All About History จึงจะขอพาย้อนรอยอดีตของดินแดน “ลอสแอนเจลิส” ดินแดนแห่งนางฟ้าที่รุ่มรวยไปด้วยสังคมและวัฒนธรรมเมืองกัน
📌“เมืองแห่งนางฟ้า” ของชาวอาณานิคมสเปน
ที่มาของชื่อลอสแอนเจลิส หรือที่แปลว่าเมืองแห่งนางฟ้านี้ ฟังดูอาจจะคล้ายกับชื่อ กรุงเทพมหานคร city of angels แต่อย่างไรก็ดี ที่มาของชื่อลอสแอนเจลิสนั้นเกิดขึ้นจากชื่อเดิมที่แสนจะยาวเหยียดซึ่งตั้งขึ้นมาโดยทางการอาณานิคมสเปนซึ่งตั้งชื่อเมืองของพวกเขาว่า
El Pueblo de Nuestra Señora la Reina de los Ángeles (เมืองแห่งแม่พระ ผู้เป็นราชินีแห่งเหล่านางฟ้า)
1
ซึ่งคำว่าลอสแอนเจลิส หรือเหล่านางฟ้าในชื่อนี่เอง ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
เดิมทีก่อนที่ชาวสเปนจะได้มาตั้งถิ่นฐานในเมืองแห่งนี้ พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นชุมชนอินเดียนแดงมาก่อน ก่อนที่ชาวสเปนซึ่งนำโดยนักสำรวจนาม Juan Rodríguez Cabrillo และ Sebastián Vizcaíno เดินทางมาถึง
หลังจากการตั้งอาณานิคมสเปน ทางผู้ว่าการแคลิฟอร์เนียของสเปนก็วางแผนที่จะขยายเมืองในศตวรรษที่ 18 โดยส่งประชากรกลุ่มแรกมาตั้งถิ่นฐาน ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรนั้นเป็นกลุ่มผู้อพยพลูกครึ่งสเปน-อเมริกันพื้นเมืองที่เรียกกันว่า “เมสติโซ” นี่เอง
การมาของผู้คนและสังคมเมืองได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ให้กับลอสแอนเจลิส เกิดสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ไม่ได้มีแค่คนเชื้อสายสเปน หากแต่ยังมีชาวอเมริกันพื้นเมืองอาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งชาวอเมริกันพื้นเมืองเหล่านี้เป็นคนที่ทางการจ้างมาเพื่อเป็นแรงงานในการพัฒนาเมือง ตลอดจนมีการติดต่อค้าขายกันกับชนพื้นเมืองด้วย
การติดต่อค้าขายนับว่าเป็นกุญแจสำคัญในพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจของลอสแอนเจลิส เพราะด้วยลักษณะของภูมิประเทศและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งทะเล ทำให้มีผลผลิตสำคัญเป็นสินค้าที่สามารถส่งออกไปยังเมืองอื่น ๆ ในรัฐได้ ซึ่งทางอาณานิคมเองก็มองว่าลอสแอนเจลิสจะเป็นเมืองท่าสำคัญของเศรษฐกิจในอนาคต
ลอสแอนเจลิสตกกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณานิคมสเปนจนถึงราวช่วงปี 1821 ที่ซึ่งเกิดเหตุการณ์สำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ นั่นก็คือการประกาศอิสรภาพของเม็กซิโก ซึ่งได้มีลอสแอนเจลิส เป็นส่วนหนึ่งในประเทศที่ก่อตั้งใหม่นั้นด้วย
การก่อตั้งเม็กซิโกนับว่าเรื่องใหญ่ที่ชาวแคลิฟอร์เนียเฉลิมฉลอง เมืองต่าง ๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนียต่างพากันเข้าร่วมกับประเทศก่อตั้งใหม่นี้ รวมไปถึงลอสแอนเจลิสด้วย
ซึ่งผลดีของเอกราชที่ได้รับมา ทำให้เศรษฐกิจของลอสแอนเจลิสเติบโตขึ้นมามากขึ้น ตลอดจนประชากรเองก็มีเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากผู้อพยพผิวขาวจากภูมิภาคอื่น ตลอดจนชนพื้นเมืองที่มาเข้าร่วม ทำให้ในระยะเวลา 20 ปี ประชากรของลอสแอนเจลิสก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากจำนวนเดิม
นอกจากนี้ทางการเม็กซิโกเองก็เข้ามามีส่วนสำคัญในการจัดการเมืองด้วย โดยกลุ่มคนที่มีอำนาจในเมืองจะเป็นกลุ่มคนที่มีที่ดินมาก ซึ่งการปศุสัตว์ และการเกษตร เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของลอสแอนเจลิสในยุคนี้
📌ราชินีแห่งเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี การปกครองเม็กซิโกเหนือดินแดนแคลิฟอร์เนียและลอสแอนเจลิสนั้นไม่ได้ยืนยงมากนัก เพราะหลังการประกาศอิสรภาพของเม็กซิโก 20 กว่าปี เม็กซิโกก็เกิดสงครามกับสหรัฐอเมริกาที่เรียกกันว่าสงครามเม็กซิกันอเมริกันที่กินเวลาสั้น ๆ 2 ปี
ผลของสงครามดังกล่าวนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของลอสแอนเจลิส โดยได้ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา พร้อมกันทั้งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ส่งผลดีอย่างก้าวกระโดดให้กับลอสแอนเจลิสด้วย
หนึ่งในนั้นคือการที่ลอสแอนเจลิสกลายเป็นแหล่งผลิตเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในยุคตื่นทองของแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งได้ส่งออกเนื้อจำนวนมหาศาลให้กับเหล่าคนงานเหมืองผู้เหนื่อยยาก และเป็นเมืองที่มีฝูงปศุสัตว์ใหญ่ที่สุดในประเทศขณะนั้น
ความเจริญของสหรัฐอเมริกา นำมาซึ่งทางรถไฟที่เชื่อมต่อมาถึงลอสแอนเจลิส ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้า ตลอดจนการเดินทางของผู้คนเข้ามาสู่เมืองแห่งนี้ กระทั่งเกิดการค้นพบสำคัญในปี 1892 ที่ยิ่งดึงดูดผู้คนให้เข้ามาในดินแดนแห่งนี้มากขึ้น สิ่งนั้นก็คือ “บ่อน้ำมัน”
ในยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมที่กำลังรุ่งโรจน์ น้ำมันได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม แล้วมันก็ผลักดันความมั่งคั่งของลอสแอนเจลิสได้อย่างรวดเร็วในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยจากจำนวนประชากรที่ในปี 1870 มีแค่ 5,000 คน ก็พุ่งสูงถึง 100,000 คนในปี 1900
ซึ่งประชากรเหล่านี้ก็มีหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวอเมริกันที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่กำลังรุ่งเรือง ไปจนถึงเหล่าคนงานจากทางไกล ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน หรือชาวยุโรปที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาลอสแอนเจลิส
📌ต้นกำเนิดเมืองแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงของโลก
ถึงแม้ว่าลอสแอนเจลิสจะมีชื่อในฐานะของเมืองที่มั่งคั่งทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้น ๆ ของชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา แต่ถึงอย่างนั้น นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้ลอสแอนเจลิสพุ่งทะยานเป็นเมืองสำคัญของประเทศและของโลกได้
สิ่งต่าง ๆ ที่ไหลเข้ามายังลอสแอนเจลิสหลังการขุดพบบ่อน้ำมันไม่ได้มีเพียงแค่แรงงานและอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้น้ำมันกับเครื่องจักรเท่านั้น หากแต่ยังมีอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่จะเนรมิตให้ลอสแอนเจลิสกลายเป็นดาวเด่นของโลกได้ อุตสาหกรรมนั้นก็คือ “อุตสาหกรรมภาพยนตร์”
ราวช่วงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20 ได้มีบริษัทภาพยนตร์มากมายมาตั้งสตูดิโอในลอสแอนเจลิส โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่พวกเขาเดินทางมาไกลถึงที่นี่ก็เพื่อหลบหลีกการฟ้องของ Motion Picture Patents Company ที่มี Thomas Edison เป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์การใช้งานเครื่องถ่ายทำภาพยนตร์ การหนีมาไกล ๆ จึงเป็นการหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องจากบริษัทดังกล่าว
นอกจากนี้ด้านทิวทัศน์และสภาพอากาศของลอสแอนเจลิสนั้น เหมาะสมกับการถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้ลอสแอนเจลิส กลายเป็นสวรรค์ของคนทำหนังให้เดินทางเข้ามา โดยในทศวรรษที่ 1920s รากฐานของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในฮอลลีวูดก็แข็งแกร่งขึ้น
มีบริษัทภาพยนตร์ใหญ่ ๆ เช่น Paramount, Universal, Warner Bros. ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ และนำพาให้ชื่อเสียงของฮอลลีวูดในลอสแอนเจลิสแห่งนี้ เข้าสู่ยุคทองของภาพยนตร์ในช่วงทศวรรษที่ 1930s เป็นต้นมา โดยมีดาราดังมากมายไม่ว่าจะเป็น ชาร์ลี แชปปลิน, มาริลีน มอนโร เป็นต้น
และนั่นทำให้ลอสแอนเจลิสและย่านฮอลลีวูดถูกผูกติดกับอุตสาหกรรมบันเทิงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
📌ประชากรและภูมิประเทศ: สูตรสำเร็จของความเจริญทางเศรษฐกิจ
ศูนย์กลางการค้า, แหล่งผลิตเนื้อที่ใหญ่ที่สุด, ดินแดนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เป็นเพียงแค่ไม่กี่สิ่งที่ลอสแอนเจลิสเป็นให้กับสหรัฐอเมริกาได้ เพราะยังมีอีกมากมายหลายอย่างที่ลอสแอนเจลิสสามารถเป็นได้ให้กับสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นก็คือการเป็น “คลังแสง” ให้กับสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
1
ด้วยทรัพยากรต่าง ๆ ตลอดจนสภาพภูมิประเทศ ทำให้ลอสแอนเจลิสในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นมีสถานภาพเป็นอู่เรือและอู่เครื่องบินที่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพ ซึ่งการที่เป็นกำลังผลิตสำคัญในการสงคราม ทำให้เม็ดเงินมหาศาลของประเทศ ถูกนำมาลงในเมืองแห่งนี้ ซึ่งลอสแอนเจลิสเองก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมการบิน
ทำให้ความก้าวหน้าของลอสแอนเจลิสในยุคสงคราม ก้าวกระโดดเหนือเมืองใหญ่อื่น ๆ ในประเทศทั้งหมด โดยในทศวรรษที่ 1940s ลอสแอนเจลิสมีจำนวนประชากรเยอะที่สุดในประเทศ ว่ากันว่าเยอะในระดับที่ว่าเยอะกว่าจำนวนคนใน 37 รัฐอเมริการวมกันเสียอีก ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้อพยพหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาหางานในเมืองแห่งนี้
หลังสงครามสงบลง ด้วยการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ ทำให้นายทุนมีเงินจำนวนมหาศาลและกว้านซื้อที่ดินในลอสแอนเจลิส ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่ทางเศรษฐกิจ จากดินแดนที่ร่ำรวยด้วยน้ำมันและการเกษตร กลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้วยความที่เป็นดินแดนแห่งอุตสาหกรรมบันเทิง ทำให้ธุรกิจประเภทธีมปาร์ค ได้เข้ามายังลอสแอนเจลิส เกิดเป็นดิสนีย์แลนด์, ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ทำให้กลายสภาพเป็นเมืองท่องเที่ยวของผู้รักในภาพยนตร์และความบันเทิงขึ้นมา พร้อม ๆ กับประชากรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
📌ไม่ใช่แค่เมืองของสหรัฐฯ แต่เป็นเมืองของโลก
ถึงแม้ว่าในยุคหลังสงครามเย็น ลอสแอนเจลิสจะพอลดบทบาทในฐานะของเมืองที่เป็นทุกอย่างให้สหรัฐฯ ลงไปบ้างจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นการหายไปของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
ตลอดจนอุตสาหกรรมแรกเริ่มอย่างการเกษตรและปศุสัตว์ก็ได้ถอยร่นไปยังนอกเมือง และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ย้ายที่ไปยังเมืองที่ค่าแรงขั้นต่ำถูกกว่า อาจจะทำให้ลอสแอนเจลิสซบเซาไปบ้าง
แต่ในแง่ของการที่เป็นดินแดนแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวนั้นยังคงมีอยู่ไม่ไปไหน ตลอดจนเป็นบ้านของศิลปินหลายต่อหลายคน และไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงของโลกด้วย
การเดินทางของลอสแอนเจลิสจากจุดเริ่มต้น ถึงศตวรรษที่ 21 ในปัจจุบันนี้ ก็นับว่าผ่านพ้นอะไรมากมาย
อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของลอสแอนเจลิสในวันนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยการเผชิญหน้ากับไฟป่าเป็นเรื่องราวที่มีการเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง เพียงแต่ว่าในครั้งนี้มันใหญ่กว่าที่เคยเป็น ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมอยู่ไม่น้อย จากสถานการณ์การเปลี่นแปลงของสภาพอากาศ
สุดท้ายนี้ก็ได้แต่คาดหวังและภาวนาให้เหตุการณ์ไฟป่าลอสแอนเจลิสจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน
Bnomics ขอเป็นกำลังใจให้กับชาวลอสแอนเจลิสทุกท่าน
1
ผู้เขียน: ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ: บริษัทก่อการดี
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
#Bnomics #ประวัติศาสตร์ #ประกันชีวิต #BBL #ธนาคารกรุงเทพ #BangkokBank
Cleland, Robert Glass. A history of California: the American period, accessed from Internet Archive
โฆษณา