เมื่อวาน เวลา 07:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุป ควรจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไร ในวันที่โลกหมุนรอบดอนัลด์ ทรัมป์ ในมุมของ InnovestX

วันนี้ทาง InnovestX ได้เจาะลึกแนวโน้มเศรษฐิกจ และกลยุทธ์การลงทุนในไตนมาส 1 ปี 2568 ในงาน “2568 ปีงูเล็กต้องรอด เจาะลึก Playbook ลงทุนอย่างไรให้ชนะตลาด”
โดยเริ่มจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและการลงทุนในปี 2568 จะอยู่ในสภาพของ “ความผันผวนสูง แต่ผลตอบแทนต่ำ” ทำให้กลยุทธ์ที่เหมาะสมคือ การลงทุนแบบการเก็งกำไร เนื่องจากภาพรวมตลาดหุ้นนั้น ไม่ได้ Undervalue เหมือนกับในช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมานี้แล้ว
ซึ่งเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะถูกขับเคลื่อนด้วย 4 T ได้แก่
- Transition การที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่สภาวะ Soft Landing
- Trump การกลับมาของคุณดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมาพร้อมกับนโยบาย America First
- Technology ด้วยพลังขับเคลื่อจาก AI และเทคโนโลยีสีเขียว
- Turmoil จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเจอกับความท้าทาย 4 ประการ ซึ่งแบ่งเป็น 4 T เช่นกัน ได้แก่
- Tightened Economy จากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตไทย
- Time to Cut นโยบายการเงินที่ตึงตัวเกินไปของไทย จนทำให้ ธปท. อาจจะพิจารณาลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
- Tax Reform การปฏิรูปภาษีของภาครัฐครั้งใหญ่ รวมถึงมาตรการทางการคลังต่าง ๆ ที่จะตามมา
- Temperature Rising ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ตลอดปีนี้ สิ่งที่นักลงทุนจะต้องติดตามก็คือ
1. นโยบายเศรษฐกิจ ของคุณดอนัลด์ ทรัมป์ ที่จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจ และตลาดทุน
2. ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ว่าจะกระทบทิศทางการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน
3. การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
4. นโยบายการคลังและการเงินของไทย จะสร้างความเชื่อมั่นได้มากน้อยแค่ไหน
5. ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ในตลาดหุ้นไทย จะเติบโตได้ตามที่คาดหรือไม่..
เห็นได้ว่าการกลับมาของคุณดอนัลด์ ทรัมป์ เป็นปัจจัยใหญ่ที่นักวิเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก ค่อนข้างให้ความสำคัญมาก
จนทำให้หลายคนน่าจะเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วเราควรลงทุนอย่างไร ในวันที่ทั่วโลกต่างหมุนรอบคุณดอนัลด์ ทรัมป์ แบบนี้ ?
ซึ่งคุณวิศกรณ์ คีรีวรรณ, CFA ผู้อำนวยการ Investment Strategist ฝ่าน Wealth Product & Strategy ของ InnovestX ก็ได้แนะนำการจัดพอร์ตไว้ว่า
ในปีนี้การลงทุนแบบ Core and Satellite ในส่วน Core Portfolio ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินระยะยาว และความผันผวนต่ำ เช่น กองทุนรวมหุ้นโลก กองทุนรวมดัชนี S&P 500 และกองทุนรวมตราสารหนี้โลก
จะมีบทบาทสำคัญค่อนข้างมากในปีนี้ จากความผันผวนที่สูงในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องพิถีพิถันกับการลงทุนมากขึ้น เพราะถึงแม้ดัชนี S&P 500 ในปีที่ผ่านมา จะให้ผลตอบแทนดีมาก
แต่ด้วย Valuation ปัจจุบันที่ค่อนข้างสูง ทำให้การคาดหวังผลตอบแทนในระดับสูงเหมือนแต่ปีที่แล้ว อาจจะยากขึ้น และต้องเตรียมเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน จากนโยบายต่าง ๆ ของคุณดอนัลด์ ทรัมป์ ที่จะตามมาอีกด้วย
ส่วนในด้านของ Satellite Portfolio ที่เป็นพอร์ตการลงทุนส่วนน้อย ที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจาก Core Portfolio นั้น สำหรับหุ้นสหรัฐฯ คุณวิศกรณ์ แนะนำเป็น หุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็ก ที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษี และลดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของคุณดอนัลด์ ทรัมป์
ส่วนในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่หรือ Emerging Market ที่น่าสนใจนั้น ก็คือ จีน, อินเดีย และเวียดนาม ที่ยังน่าสนใจอยู่
โดยเฉพาะจีน ที่อาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากนัก ด้วยการที่บริษัทจีนในปัจจุบันพึ่งพาการส่งออกน้อยลง
ส่วนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ตราสารหนี้โลก และทองคำ ก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในปีนี้
โดยสรุปแล้ว ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ทาง InnovestX มองว่า ควรจะเน้นการลงทุนไปที่หุ้น Defensive และหุ้นที่พึ่งพาการบริโภคจากในประเทศ รวมถึงหุ้นที่มีปันผลสูง พร้อมทั้งมีการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่น ๆ ด้วย เพื่อลดความผันผวนของการลงทุนในปีนี้
และเศรษฐกิจไทย ที่ก็มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ แต่อาจจะเติบโตช้า ซึ่งก็ต้องดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยสนับสนุนอีกที ว่าจะช่วยกระตุ้นได้มากน้อยแค่ไหน
และยังมองเป้าตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนี SET ปีนี้จะอยู่ที่ 1,550 จากการเติบโตของหุ้นกลุ่มเชิงรับ ที่มีรายได้จากในประเทศสูง เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มพาณิชย์..
โฆษณา