3 เคล็ดลับ! เริ่มต้นฝึกหมาเชิงบวกสำหรับมือใหม่
ผมเชื่อว่าตอนนี้หลายคนน่าจะเข้าใจแล้วว่าการฝึกหมาด้วยวิธีการทำร้ายหมานั้นไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพในการฝึกหมา แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะยังงง ๆ อยู่ว่าถ้าเราอยากฝึกในแบบที่ดีกับหมาต้องเริ่มยังไง วันนี้ผมเลยจะมาเล่าให้ฟังถึง 3 พื้นฐานสำคัญที่ควรรู้และนำไปต่อยอดได้เพิ่มเติมด้วยครับ
1. โฟกัสให้ถูกจุด
หลักสำคัญที่สุดของการฝึกหมา และอาจรวมไปถึงการสอนมนุษย์คนอื่นด้วยคือการโฟกัสกับสิ่งที่เราอยากให้เกิด มากกว่าโฟกัสกับสิ่งที่ทำผิด เพราะการโฟกัสถูกจุดแบบนี้หมายถึงว่าเราจะสามารถให้รางวัล และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกได้ดีกว่าการโฟกัสกับเรื่องแย่ ๆ แต่ใช้การลงโทษ
รองลงมาคือนอกเหนือจากพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจงแล้ว เราต้องเข้าใจด้วยว่าหมานั้นมี soft skills เช่นเดียวกับคน หมาสามารถฝึกความใจเย็นได้ ให้มองโลกในแง่ดี ให้มีสมาธิ ให้ยืดหยุ่นได้มากกว่าแค่การฝึกให้ทำอะไร ๆ การฝึก soft skills ที่เป็นพื้นฐานของหมาเหล่านี้เป็นเบื้องหลังของพฤติกรรมที่ดี เช่น หมาที่มีสมาธิดีจะทำตามที่เราบอกได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะเวลาที่ออกนอกบ้าน
2. สร้างความไว้ใจ และการสื่อสารที่ดี
หมานั้นมีวิธีที่จะสื่อสารกับเราไม่เยอะครับ ทั้งหมดที่เขามีคือ 5 อย่าง ภาษากาย การร้อง การเห่า การขู่ และการกัด การที่เราทำความเข้าใจความต้องการเขาได้ผ่านการสื่อสารที่ค่อนข้างจำกัดเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความไว้ใจกับหมาได้ดีมาก ๆ
โดยหลัก ๆ แล้วนั้นหมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเขาเอง และหวังพึ่งเราในการช่วยเขาในเรื่องนี้ เช่น ในเวลาที่กิน หรือนอนหมาจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นพิเศษ หลายครั้งที่หมาไม่สบายใจที่เราเข้าใกล้เขาในสถานการณ์เหล่านี้ แต่การที่เราเข้าใจความต้องการเขาในจุดนี้และตอบสนองให้ถูกจุด เช่นการให้พื้นที่ส่วนตัวกับเขา ให้เขารู้สึกปลอดภัยว่าจะไม่มีใครมาแย่งอาหารเขาไป หรือทำร้ายเขาตอนที่นอน จะทำให้หมาไว้ใจเรามากขึ้นและให้เราเข้าหาพื้นที่อ่อนไหวเขาได้อย่างสบายใจ
นอกจากนั้นแล้วในการสร้างความไว้วางใจกับหมาเราต้องเลี่ยงการพาหมาไปเจอกับสถานการณ์ที่เขาไม่สบายใจ หรือยังไม่พร้อม เช่น หมาที่ไม่เคยเจอคนเยอะอาจจะไม่เหมาะที่จะพาไป Pet Expo รวดเดียว สถานการณ์เหล่านี้สร้างความเครียดให้กับหมาในการอยู่กับเรา และมองเราเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ไม่ดีของเขา ในกรณีแบบนี้เราควรช่วยเตรียมตัวเขาให้พร้อมด้วยการฝึกเจอคน ฝึกควาใจเย็น และความมั่นใจก่อน
สุดท้ายคือเราต้องเขาใจด้วยว่าการสื่อสารของหมานั้นมีแค่ 5 วิธี และ 2 อย่างนั้นมักถูกมองว่าเป็นความก้าวร้าว คือ การขู่ และการกัด จริง ๆ สองวิธีนี้มักจะไม่ใช่การแสดงความก้าวร้าวโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารว่าอย่าเข้าใกล้โดยไล่ระดับตั้งแต่ขู่ จนไปถึงกัด
ความเชื่อโบราณมองว่าการขู่คือการแสดงความเป็นใหญ่ แต่ในความเป็นจริงคือการพยายามสื่อสารว่าอย่าเข้าใกล้ด้วยหลายเหตุผล ตั้งแต่ความหวงของ ความกลัว หรือแม้แต่ความอยากอยู่คนเดียว และหลายครั้งที่การแสดงออกเหล่านี้ได้รับการตอบสนองด้วยการลงโทษ หรือทำร้ายจากเจ้าของซึ่งนำไปสู่ความก้าวร้าวจริง ๆ ได้ ดังนั้นเวลาที่หมาขู่เราควรมองว่าเขาพยายามจะสื่อสารบางอย่าง และถอยออกมาเพื่อดูให้ดีว่าเขาต้องการอะไรกันแน่
3. มองหาวิธีการฝึกเชิงบวก ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
หลักการใหญ่ ๆ ของการฝึกเชิงบวกมี 2 อย่างที่เราทำควบคู่กันไป คือ
1. ป้องกันไม่ให้เขาทำพฤติกรรมที่เราไม่ต้องการด้วยการจัดการกับสภาพแวดล้อม เช่น การให้หมานอนในตรงเพื่อให้เขาไม่ขับถ่ายในบ้าน และไม่ทำลายเข้าของ
2. สร้างนิสัยที่ดีให้กับพฤติกรรมที่เราต้องการด้วยการให้รางวัลเวลาที่เขาทำ เช่น ให้รางวัลเมื่อเขาฉี่บนจุดที่เรากำหนด หรือเมื่อเขาแทะของเล่นหมาแทนขาโต๊ะ
หลักการทั้งสองอย่างนี้เราสามารถที่จะใช้ได้กับทุก ๆ พฤติกรรมที่เราต้องการแก้ไขและสร้าง และยิ่งเราสร้างนิสัยที่ดีได้เท่าไหร่ การป้องกันยิ่งไม่จำเป็นขึ้นเรื่อย ๆ หมาที่ฉี่เป็นที่ และแทะของเล่นจนเป็นนิสัยแล้วสามารถที่จะมีอิสระได้เต็มที่ไม่บ้านโดยไม่ต้องกลัวเขาจะทำลายข้าวของ หรือฉี่ในบ้าน และกรงก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
สรุป
จุดเริ่มต้นทั้ง 3 ข้อนี้จะเป็นพื้นฐานให้เวลาที่เราใช้ร่วมกับหมาได้อย่างมีความสุขขึ้น สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงระหว่างกัน และสำคัญคือมันทำให้การฝึกหมาเป็นเรื่องสนุกไปในตัว ซึ่งคือหัวใจสำคัญที่สุดของการฝึกหมา สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกหมาด้วยตัวเองในวิถีที่ดีกับหมาสามารถติดตามและอ่านบทความอื่น ๆ ของเราได้ที่ www.dogology.org
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
