“กริเซลดา บลังโก (Griselda Blanco)” เจ้าแม่ยาเสพติดสุดโหดแห่งโคลัมเบีย
“กริเซลดา บลังโก (Griselda Blanco)” คือนามที่กระฉ่อนนามหนึ่งในโคลัมเบีย และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ใน Netflix
เธอเป็นใคร? มีที่มาอย่างไร? ผมจะเล่าให้ฟังครับ
“กริเซลดา บลังโก (Griselda Blanco)” เกิดที่โคลัมเบียเมื่อปีค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) และโตมาท่ามกลางบ้านเมืองที่เป็นจลาจล เกิดการลุกฮือขึ้นประท้วงและก่อจลาจล บ้านเมืองไม่ปกติสุข
กริเซลดา บลังโก (Griselda Blanco)
และด้วยความที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมของกลียุคและยากจน ทำให้บลังโกตระหนักเองว่า
“อำนาจมักจะมาจากความรุนแรง”
บลังโกเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ทำให้เธอหันเหเข้าสู่โลกอาชญากรรมตั้งแต่อายุเพียง 11 ขวบ โดยเธอเริ่มลักพาตัวเด็กชายในท้องถิ่นไปเรียกค่าไถ่ ก่อนจะทำการสังหารเด็กชายเนื่องจากไม่ได้รับเงินค่าไถ่
หลังจากนั้น บลังโกก็ก่ออาชญากรรมทุกประเภท ทั้งลักทรัพย์ ล้วงกระเป๋า และทำแบงค์ปลอม
บลังโกแต่งงานกับชายที่ชื่อ “คาร์ลอส ทรูจิลโล (Carlos Trujillo)” ซึ่งหาเลี้ยงชีพด้วยการรับปลอมแปลงเอกสารและค้ามนุษย์ โดยทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสามคน ก่อนจะหย่ากันในเวลาต่อมา
หลังจากหย่า ทรูจิลโลก็เสียชีวิตกระทันหัน โดยบ้างก็ว่าทรูจิลโลนั้นมีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว แต่หลายคนก็คิดว่าบลังโกเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
ในยุค 70 (พ.ศ.2513-2522) เป็นยุคดิสโก้ ซึ่งตามมาด้วยการเสพยาของเหล่าวัยรุ่น และโคลัมเบียก็กลายเป็นศูนย์กลางยาเสพติดยอดฮิตอย่างโคเคน ทำให้บลังโกมองเห็นช่องทางรวย
บลังโกได้ร่วมมือกับ “อัลเบอร์โต บราโว (Alberto Bravo)” สามีคนที่สองและพ่อค้ายาเสพติด ร่วมกันสร้างอาณาจักรโคเคนในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และมักจะทำการขนย้ายยาเสพติดผ่านชุดชั้นในเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
แต่ในขณะที่อาณาจักรโคเคนของทั้งคู่กำลังเติบโต แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบลังโกกับบราโวมีแต่จะถดถอย และจบลงด้วยความตายของบราโว
บลังโกให้การสารภาพในเวลาต่อมาว่าเธอเป็นคนยิงปืนกรอกปากของบราโว
การตายของบราโวทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวและเกรงบลังโกเป็นอย่างมาก ภาพลักษณ์ของบลังโกคือ “แม่ม่ายดำ” ภรรยาผู้สังหารสามีหลังจากหมดประโยชน์
สำหรับความมั่งคั่งของบลังโกนั้น ในช่วงพีค เธอสามารถสร้างรายได้จากโคเคนได้ถึงเดือนละ 80 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,700 ล้านบาท) โดยตลาดใหญ่ที่สุดของบลังโกก็คือนิวยอร์ก ไมอามี และแอลเอ
นอกจากความร่ำรวยแล้ว ความโหดและรุนแรงของบลังโกก็เป็นที่ร่ำลือ โดยลูกน้องของบลังโกมักจะสังหารศัตรูอย่างเลือดเย็น อีกทั้งเหตุการณ์ที่เป็นที่ร่ำลือมาก ก็เกิดขึ้นในปีค.ศ.1982 (พ.ศ.2525)
ในปีนั้น บลังโกส่งคนไปสังหารหุ้นส่วนที่ชื่อ “จีซัส คาสโตร (Jesus Castro)” ซึ่งบังอาจเตะบุตรชายของเธอ
แต่ปรากฎว่ามือปืนที่บลังโกส่งไปนั้นทำงานพลาด แทนที่จะสังหารคาสโตร แต่ดันไปสังหารบุตรชายวัยสองขวบของคาสโตร
ในทีแรกที่บลังโกทราบว่ามือปืนทำงานพลาด เธอนั้นโมโหมาก แต่เมื่อทราบว่าถึงแม้ว่าเป้าหมายจะไม่ตาย แต่บุตรชายของคาสโตรผู้เป็นเป้าหมายนั้นก็เสียชีวิตแทน บลังโกก็หายโกรธ และกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าหายกัน
ต่อมาในปีค.ศ.1983 (พ.ศ.2526) สามีคนที่สามของบลังโกก็ถูกฆ่า และเป็นไปได้สูงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือบลังโก
โดยรวมแล้ว ทางการคาดว่าบลังโกน่าจะมีส่วนในการฆาตกรรมไม่น้อยกว่า 40 รายในสหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมา บลังโกมักจะนำหน้าเจ้าหน้าที่อยู่หนึ่งก้าวเสมอ จนกระทั่งหน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐได้ตามจับบลังโกอย่างหนัก และสามารถจับตัวบลังโกได้ในปีค.ศ.1985 (พ.ศ.2528) ทำให้บลังโกต้องขึ้นศาล ถูกตัดสินว่ามีความผิด และต้องรับโทษจำคุก 15 ปี ก่อนที่อีกเก้าปีต่อมา จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม
บลังโกถูกส่งตัวกลับโคลัมเบียในปีค.ศ.2004 (พ.ศ.2547) และพักอาศัยอยู่ในย่านคนรวยของเมืองเมเดยิน ก่อนที่อีกแปดปีต่อมา วันที่ 3 กันยายน ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) ขณะที่บลังโกวัย 69 ปีกำลังเดินออกมาจากร้านขายเนื้อ ก็ได้มีมอเตอร์ไซค์ขี่มาประกบ และลั่นกระสุนสองนัดใส่บลังโก
บลังโก เจ้าแม่โคเคนผู้ยิ่งใหญ่แห่งโคลัมเบีย ล้มลงกับพื้นและเสียชีวิตทันที
เป็นอันปิดฉากเจ้าแม่ยาเสพติดผู้ซึ่งทางการต้องใช้เวลาตามล่าอยู่หลายปี
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
