28 ก.พ. เวลา 16:15 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

About Black sea and Mediteranian .Part 1

จากตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึง มหากาพย์Enuma Elish ที่เอามาจากข้อเท็จที่ว่า ดวงดาวนิบิรุครั้งหนึ่ง ได้เคยพุ่งเข้ามาเฉียดใกล้โลกและได้มีการพุ่งเฉี่ยวชนกัน จนชิ้นส่วนของทั้งสองดวงดาวได้กระจัดกระจาย กลายเป็นดาวเคราะห์น้อย แล้วไปโคจรหลังดวงพระอาทิตย์ จนปัจจุบัน ดาวโลกได้กลายสภาพเป็นเหลือเพียงครึ่งใบ และเกิดแอ่งที่จะรองรับมหาสมุทรแปซิฟิคในอนาคต ตลอดจนทวีปเลอมูได้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ประเดี๋ยวในตอนต่อๆไป ผู้เขียนจะนำมหากาพย์เรื่องนี้มาขยายสืบความ ซึ่งก็มีความน่าสนใจอยู่มิน้อย แต่ในที่นี้ จะขออนุญาตเว้นไว้ก่อนนะครับ
ในจารึกของชาวสุเมเรียนโบราณบนแผ่นดินเหนียวคูนิฟอร์ม ได้เขียนเอาไว้ว่า ในสมัยหนึ่ง ดาวนิบิรุได้เคลื่อนตัวมาใกล้โลก และก่อให้เกิดสภาวะ "น้ำขึ้น" จนทำให้เกิดน้ำท่วมโลกขึ้นมา และอ้างว่า เป็นการให้เป็นไปของเทพเอนริ เพื่อที่จะสั่งสอนและกำราบประชากรโลกขณะนั้น ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในความดี เว้นไว้ก็แต่โนอาห์เพียงคนเดียว และ"พระองค์ "คือ พระยะโฮวา ในคัมภีร์ไบเบิ้ล นั่นล่ะ ก็ได้มอบชีวิตอันอมตะให้กับโนอาห์รึว่า ชิตสุดา ของชนชาวสุเมเรียนโบราณ
น้ำท่วมโลกของโนอาห์ Noah
เป็นเรื่องราวที่เก่าแก่กว่าพระคัมภีร์ และนักวิจัยยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับรากเหง้าเรื่องนี้ หนึ่งในเรื่องราวในพระคัมภีร์
ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ตามพันธสัญญาเดิม
" เมื่อโนอาห์มีอายุได้***** 600 ปี 
ในเดือนที่ 2 วันที่ 17 ของเดือนนั้น 
ในวันนั้นเองน้ำพุใต้ดินที่ลึกมาก
น้ำทั้งหมดก็พลุ่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิด"
ปฐมกาล 7:11
.ตามข้อความบอกเล่า
พระเจ้าเห็นความชั่วร้ายภายในมนุษย์ และสั่งให้น้ำท่วมโลก
แต่โนอาห์เป็นคนชอบธรรม พระเจ้าจึงสั่งให้เขาต่อเรือลำเบ้ง(มหึมา) ให้ครอบครัวของโนอาห์
และให้ช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยง สัตว์ร้าย นก
และสัตว์เลื้อยคลานได้ตามจำนวนที่ระบุ ให้ครอบครัวของโนอาห์
แต่น้ำท่วมของโนอาห์เกิดขึ้นจริงหรือไม่???!!!
สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่นอนจากธรณีวิทยา คือ น้ำท่วมโลกไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ถ้าคุณมองว่า น้ำท่วมโลกจริง ๆ น้ำจะท่วม/ปกคลุมภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
ผมขอโทษที่จะบอกว่า
ต่อให้น้ำบนโลก/น้ำจนหมดโลก ไม่เพียงพอที่จะทำอย่างนั้นได้เลย "
David Montgomery
ศาสตราจารย์ด้านธรณีสัณฐานวิทยา
University of Washington ใน Seattle
และเป็นผู้แต่งเรื่อง The Rocks Don't Lie
: A Geologist Investigates Noah's Flood
(W. W. Norton & Company, 2012)
ตอบทางอีเมลกับ Live Science
.
.
เรือโนอาห์ จะมีอยู่ในประวัติศาสตร์จริงๆรึไม่
หากสวรรค์/ท้องฟ้าเปิดออกจริง น้ำทั้งหมดในชั้นบรรยากาศ กลายเป็นฝนตกลงมาสู่พื้นโลก โลกจะจมอยู่ใต้น้ำที่มีน้ำขึ้นสูง * ประมาณ 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร)
น้ำไม่เพียงพอสำหรับเรือแคนู
แล้วนับประสาอะไรกับเรือขนาดเติบ(ใหญ่)
U.S. Geological Survey
แล้วถ้าน้ำที่มีมากกว่าน้ำจากสวรรค์ หากธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง ทั้งหมดของโลกละลาย ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น มากกว่า 195 ฟุต (60 เมตร)
ตามข้อมูลของ NASA
น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย ผลการศึกษาในปี 2016
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience ในชั้นเปลือกโลกลึก 1.2 ไมล์ (2 กิโลเมตร) ประมาณการว่า จะกักเก็บน้ำบาดาล/น้ำใต้ดิน ไว้ ได้ 5.4 ล้านลบ.ไมล์ (22.6 ล้านลบ.กม) ซึ่งเพียงพอที่จะปกคลุมพื้นที่ รองรับน้ำที่ระดับความลึก 590 ฟุต (180 ม.)
ทั้งยังมีเมืองที่อยู่เหนือ ระดับน้ำทะเลหลายพันฟุต
ยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
อยู่เหนือระดับน้ำทะเล มากกว่า 29,000 ฟุต (8,849 ม.)
ยิ่งไปกว่านั้น
นักธรณีวิทยาต่างไม่เคยเห็น หลักฐานของน้ำท่วมโลก
ในบันทึกจากก้อนหิน
(ต้องมีร่องรอยคราบน้ำ ตะไคร่น้ำ)
เรื่องราวในพระคัมภีร์ ภาค Genesis ก็ยังมีข้อกังขาน่าสงสัยอื่น ๆ
เช่น โนอาห์อายุ 600 ปีเมื่อน้ำท่วมเริ่มขึ้น
คนเราอายุคงไม่ยืนยาวอยู่ได้นานขนาดนั้น เป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดมากสำหรับอายุขัยของมนุษย์ปุถุชน
สปีชีส์สัตว์ส่วนใหญ่ จะอยู่ไม่รอดจากการผสมพันธุ์
จากคู่ผัวตัวเมียเพียง 2-7 คู่เท่านั้นเพราะไม่มีความหลากหลายทางพันธุกรรม มากพอที่จะสร้างประชากรที่มีศักยภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า สัตว์ทุกตัวจะขึ้นไปบนเรือได้อย่างไร?????
.
"เจ้าและครัวเรือนทั้งหมดของเจ้า จงเข้าไปในเรือ
เพราะในชั่วอายุคนรุ่นนี้ เราเห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้าเรา
จงเอาสัตว์ใช้งานที่ไม่เป็นมลทินทุกชนิด ไปกับเจ้าด้วยอย่างละ **7 คู่ (ตัวผู้กับตัวเมีย)
สัตว์ใช้งานที่เป็นมลทินอย่างละหนึ่งคู่ นกในอากาศอย่างละ 7 คู่ เพื่อรักษาพันธุ์สัตว์ให้มีชีวิตทั่วพื้นแผ่นดิน
เพราะว่าอีก 7 วันเราจะทำให้ฝนตก บนแผ่นดิน 40 วัน 40 คืน เราจะทำลายล้างมนุษย์
และสัตว์ทั้งหมดที่เราสร้างจากพื้นแผ่นดิน "
ปฐมกาล 7:1-24
Noah s flood by William Ryan and Walter Pitman
ลองจินตนาการ นกเพนกวิน เดินเตาะแตะจากแอนตาร์กติกา เพื่อเดินทางไปยังตะวันออกกลาง
เตรียมลงเรือของโนอาห์
(คงใช้เวลาเดินนานนับปี)
ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์ 
น้ำท่วมของโนอาห์ เป็นการเล่าถึงเรื่องราวที่เก่ากว่า
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเชิงเปรียบเทียบ มากกว่าการเล่าเหตุการณ์ตามตัวอักษร
เรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล พันธสัญญาเดิมซึ่งเขียนไว้
ระหว่าง 800 ปีก่อนคริสตกาล  และ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช น่าจะมาจากประเพณีปากเปล่า บอกเล่าเรื่องราวตำนานทรงจำ ที่เก่ากว่าจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง
เรื่องราวที่แตกต่างกันเล็กน้อย
เกี่ยวกับเรื่องราวน้ำท่วมของโนอาห์ ในหนังสือทางศาสนาอื่น ๆ เช่น คัมภีร์กุรอาน  ในขณะที่น้ำท่วมใหญ่ครั้งก่อน ๆ เกิดจากตำราโบราณของ ชาวเมโสโปเตเมีย
ข้อสังเกตมีเรื่องราวน้ำท่วมของ ชาวสุเมเรียน
ที่บันทึกไว้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ที่มีอายุย้อนไปถึงปลาย 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
 
ใครจะรู้ว่าเรื่องราวย้อนกลับไปไกลได้แค่ไหน "
Ipra Spar ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาโบราณ
ที่ Ramapo College of New Jersey 
เขียนตอบอีเมลกับ Live Science 
หากเราเชื่อว่า น้ำท่วมในโนอาห์ เป็นน้ำท่วมในระดับภูมิภาค และไม่ใช่น้ำท่วมทั่วโลก ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
และเป็นไปได้ทางธรณีวิทยา ที่พื้นที่บางแห่งอาจเคยเกิดขึ้นจริง
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องราว/ตำนาน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990  นักสมุทรศาสตร์วิทยา
William Ryan และ Walter Pitman ตั้งสมมติฐานในการประชุมของ American Geophysical Union
ทะเลสาปดำ ในสมัยเมื่อราวๆ7500 ปีก่อน สันนิษฐานว่าเป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของตำนานโนอาห์
เมื่อประมาณ 7,500 ปีก่อน  ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเริ่มไหลลงสู่ทะเลดำ ที่ แยกตัวออกไปในขณะนั้น ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่รอบ ๆ ทะเลดำ เป็นต้นกำเนิดของน้ำท่วมของโนอาห์
วารสาร Science รายงานในปี 1998
คือ เหตุการณ์เริ่มต้นน้ำท่วมโลก ท่วมทั้งโลกที่รู้จักต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น และนั่นอาจดำเนินต่อไปเพื่อสืบเรื่องราว ของน้ำท่วมโลกของโนอาห์ จากผู้รอดชีวิตที่หนีไปยัง เมโสโปเตเมีย ดินแดนหลายอาณาจักร/จักรวรรดิ์
หลายพันปีแล้ว ตำนานน้ำท่วมใหญ่ยังคงดำรงอยู่ ในเรื่องราวพระคัมภีร์ไบเบิลของโนอาห์ และในตำนานตะวันออกกลาง เช่น มหากาพย์กิลกาเมซ
วิลเลียม ไรอัน กับ วอลเตอร์ พิตแมน นักธรณีฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงสองคน
ได้ค้นพบเหตุการณ์ภัยพิบัติ ที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อ7600 ปีที่แล้ว ในพื้นที่ทะเลดำในปัจจุบัน โดยใช้คลื่นเสียงร่วมกับอุปกรณ์ขุดเจาะ เพื่อสำรวจพื้นที่ทะเลด้านล่าง เผยให้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ผืนน้ำภายในทะเลแห่งนี้ เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลด้านนอก ที่อยู่สูงกว่าหลายร้อยฟุต
ทะเลสาปแบล้คซี (แดง) ,ทะเลสาปดาดาเนเลช (เหลือง), และทะเลมาร์มาร่า ในบริเวณประเทศตุรกี
เทคนิคการค้นหาที่สลับซับซ้อน ยืนยันว่าเมื่อ 7,600 ปีก่อน น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นได้หลายบ่า ผ่านหุบเขาช่องแคบ Bosporus หรือช่องแคบตุรกี
น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ไหลบ่า
ผ่านหุบเขาช่องแคบ Bosporus และน้ำเค็มของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ไหลลงสู่ทะเลสาบน้ำจืด ด้วยแรงเหนือจินตนาการ ไหลบ่าลงมาเหนือชายหาดและแม่น้ำ ทำลายหรือไล่ฆ่าทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหน้า ริมทะเลสาบที่เคยเป็นโอเอซิส ****สวนเอเดน สำหรับฟาร์มและหมู่บ้าน ในพื้นที่กึ่งทะเลทรายที่กว้างใหญ่ กลายเป็นทะเลทรายแห่งความตาย ผู้คนต่างหลบหนี และ
กระจายภาษา พันธุกรรม และความทรงจำของพวกเขา
หมายเหตุ
มีเค้าความเป็นไปได้ว่า หอคอยบาเบล
อาจจะเคยมีเคยอยู่ที่นี่ในทะเลดำอาจจะเคยมีเคยอยู่ที่นี่ในทะเลดำ ก่อนถูกน้ำท่วมจนล่มสลาย *** พร้อมกับผู้คนหนีตายกระจัดกระจาย ไปตามที่ต่างๆรอบๆทะเลดำ พร้อมกับภาษาที่แตกต่างกัน พันธุกรรมที่ไม่เหมือนกัน ตามตำนานว่า ท้าทายพระเจ้า ด้วยการสร้างอาคารสูงเสียดฟ้า จะโบยบินไปหาพระเจ้าข้างบน
ช่องแคบอิสตันบูล/Bosporus น่าจะเป็นทางเดินเรือออกทะเลอีกแห่ง ทางเดินเรืออาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือชาวบ้านขุดเจาะเป็นทางเดินเรือ ที่แต่เดิม ควบคุมน้ำทะเลไว้ได้ แต่ปรากฏการ์ณพลิกผันทำให้กว้างขึ้น ทำให้น้ำเค็มไหลบ่าเข้าหาน้ำจืด
Mesopotamia ดินแดนในอดีต Washukanni,Nineveh,Hatra,Assur,Nuzi,Palmyra,Mari,Sippar,Babylon,Kish,Nippur,Isin,Lagash,Uruk,Charax Spasinu และ Ur เหนือจรดใต้
ปัตตานี (ปัตตา+ธานี=เมืองข้าว) ที่นี่เคยเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญ มีเหตุการณ์ขุดคูคลองเพื่อการค้า /ทางเรือ ทำให้น้ำเค็มจากทะเลไหลบ่าเข้าคลองน้ำจืด น้ำเค็มทำให้นาข้าวล่มไปหลายแห่ง
มีในงานวิจัยของม.สงขลานครินทร์
ผลการศึกษาในปี 2009  ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Quaternary Science Reviews ได้โต้แย้งว่า น้ำท่วมทะเลดำ ในยุค Holocene **** 11,700 ปีที่แล้ว น่าจะน้อยกว่าประมาณการของ William Ryan กับ Walter Pitman
ในขณะที่แรงบันดาลใจ
สำหรับเรื่องราวน้ำท่วมของโนอาห์ ทำให้เกิดการอภิปรายถกเถียงกัน
ยังมีเรื่องราวน้ำท่วมอื่น ๆ อีกมากมาย จากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากเหตุการณ์น้ำท่วมระดับภูมิภาค
เรื่องราวเกี่ยวกับน้ำท่วมของ ชนพื้นเมืองอเมริกัน ชนเผ่าในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ น้ำท่วมที่ฟังดูคล้ายกับ คลื่นสึนามิ ที่คลื่นยักษ์ซัดเข้าหาชายฝั่งทะเล
เพราะการเกิดแผ่นดินไหวในอเมริกาใต้
และหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ (เกาะพีพี ป่าตอง)
David Montgomery ให้ความเห็นเพิ่มเติม
อนึ่ง ยังมีตำนานน้ำท่วมโลกของทางฝ่ายพุทธมหายานที่สำคัญๆ ก็อย่างเช่น ตำนานขุนบรม แห่งอาณาจักรอ้ายลาว หนองแส ผู้อพยพมาจากแผ่นดินจีน และเง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นต้น
* ถ้านับจากความสูงของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกขึ้นไป เมื่อน้ำท่วมโลก.
** ตัวเลข 7 คือลำดับของดาวโลกหรือเทียมัตในอดีต ที่นับ เข้ามาจากดวงพระอาทิตย์ ในระบบสุริยะจักรวาล ตามที่พวกอนันนาคิได้สั่งสอนแก่ชาวสุเมเรียน
*** แม้นักวิจัยและนักประวัติศาสตร์ ได้สันนิษฐานเอาไว้ว่า หอบาเบลน่าจะตั้งอยู่ในทะเลสาปดำ แต่ปัจจุบัน เราก็ยังไม่สามารถค้นพบหรือยืนยันได้เลยว่า อะไรคือซากปรักหักพังของมัน หอบาเบล มันตั้งอยู่ที่นี่จริงหรือ ? มันไม่ได้อยู่ที่นั่น เพราะตามในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล นักประวัติศาสตร์ว่า มัน
ตั้งอยู่ที่บริเวณสุเมเรียโบราณ ที่เรียกว่า ซิกกูแรต ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน น่าจะเป็นเช่นนี้ คือ เมื่อได้เกิดเหตุการ์ณที่น้ำแข็งบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียนละลายและได้ไหลลงท่วมสู่ทะเลดำ และทำให้ผู้คนหนีตาย กระจัดกระจายไปรอบๆทะเลดำ จนกระทั่ง ส่วนหนึ่งไปอยู่ที่สุเมเรีย ไปตั้งรกรากและดำรงชีพอยู่ที่นั่นเป็นการถาวร
หอบาเบลนี้ มันไม่ได้มีอยู่จริง ณ ทะเลดำ แต่ผู้ปกครอง คือ อนันนูกิ อาจจะแต่งเรื่องหลอกชาวสุเมเรียในภายหลังจากที่รอดชีวิต ว่ามันเคยมีอยู่ ณ ที่นั่น อย่างไรก็ดี ผู้เขียน ก็ยังไม่มีหลัก
ฐานพอจะยืนยันตอนนี้ ได้ว่า มันมีอยู่ตรงนั้น จริงหรือเปล่า แต่ก็เดาว่า หอบาเบล ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใดบนโลก มันน่าจะเป็นการแต่งเรื่องของชาวอนันนูกิ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์และมนุษยวิทยาที่ว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์มีการเคลื่อนที่ ย้ายถิ่นฐานออกไปจากที่เดิมที่เคยอยู่อาศัยตลอดเวลา และภาษาของมนุษย์ในสมัยที่ยังไม่มีภาษาพูด จนกระทั่ง วิวัฒนาการมามีภาษาต่างๆของตนเองในปัจจุบัน พวกเขาพยามทึกทักและโมเม เพื่อจะควบคุม
โดยว่า มันเกิดมาจากพวกเขานี้ล่ะ ที่ทำให้มนุษย์มีภาษาพูดที่แตกต่างกัน
เป็นไปมิได้ ที่"พระเจ้า"หรือ "พระยะโฮวา"จะสั่งให้มนุษย์ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่ใช้สำหรับบูชาสักการะพวกเขาขึ้นมา และดังนั้น หอบาเบลนี้ก็ไม่น่าจะตั้งอยู่ในบริเวณทะเลสาปดำด้วยอย่างที่นักประวัติศาสตร์และนักวิจัยบางส่วนวิเคราะห์
**** ช่วงเวลานี้ น่าจะ หลังจากมีการเคลื่อนตัวของมหาทวีปแพนเจียเมื่อราว335-250ล้าน
ปีก่อนไปแล้ว ซึ่งหลังจากนั้น ก็ทำให้เกิดภาวะน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นมาก อันเนื่องจากน้ำแข็งในหลายแห่งบนโลกได้เริ่มละลายลง
และจนกระทั่ง อาจเหมือนดูน้ำจะมาท่วมโลก มันได้พัดท่วมบ้านเรือนผู้คนและสัตว์ต่างๆล้มตายเป็นจำนวนมาก ดั่งที่ปรากฏอยู่ในแผ่นหินคูนิฟอร์ม ของชนชาวสุเมเรียนที่มาค้นพบในภายหลัง จริงๆแล้ว มันก็อาจจะเป็นแค่ ปรากฏการ์ณที่น้ำแข็งกำลังละลายเท่านั้นก็เป็นได้ แต่ถูกพวกอนันนูกิ หลอกให้พวกเขาเข้าใจว่า ดาวนิบิรุ ได้เคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลกเวลานั้น จึงเกิดเรื่องเล่านี้บนแผ่นหินคูนิฟอร์มของชาวสุเมเรีย
**** อายุที่มากมายเกินความเป็นจริง
ของอายุขัยมนุษย์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล น่าจะมาจากหลังจากที่อนันนูกิ ได้ทำการผ่าตัดสายพันธุ์มนุษย์ใหม่ เป็นโฮโมแล้ว พวกเขาจึงอ้างได้ว่า ได้มีความสามารถควบคุมและกำหนดความเป็นรึว่าตายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้แล้วอย่างเต็มภาคภูมิ นั่นเอง
จะสังเกตอายุขัยในวาระสำคัญๆของชีวิตของบุคคลสำคัญในพระคัมภีร์ อยู่ที่หกร้อยปีพอดิบพอดี ก็อาจจะบ่งบอกคร่าวๆได้ว่า เรื่องของโนอาห์และน้ำท่วมโลก มิใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังไม่มีอยู่บนโลก เมื่อราวๆห้าแสนสามหมื่นปี
ก่อนคริสต์ศักราช แต่ชาวนิบิรุ เริ่มประสบภัยพิบัติ ณ ดวงดาวของพวกเขาและลงมายังโลกเรา เมื่อราวๆห้าแสนถึงสี่แสนห้าปีก่อนคริสต์ศักราช ส่วนมหาทวีปแพนเจีย เกิดขึ้น เมื่อราวๆสองล้านห้าสิบปีก่อน ก่อนทวีปต่างๆจะค่อยๆแยกตัวออกมา เมื่อ
และแผ่นเปลือกโลกแอฟริกาได้เคลื่อนเข้ามาใกล้และพุ่งชนแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียพอดี แผ่นดินแอฟรืกาใต้ส่วนหนึ่งได้มุดเข้าไปอยู่ในแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย ทำให้ผู้คนสองทวีปนี้สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ และยังทำให้เกิดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนขึ้นมาบนโลก และเกาะแก่งต่างๆมากมายอีกด้วย
ระหว่างกรีซและตุรกี น้ำได้ท่วมยอดเขาต่างๆ เกิดทะเลอีเจี้ยน เป็นต้น ตอนนี้ล่ะครับ ที่อาจจะมองดูว่า คล้ายว่าได้มีน้ำทะเลมากมายมหาศาล ท่วมสูงขึ้นถึงยอดเขาเลยทีเดียว
และประเทศที่อยู่ตรงกลางของแผ่นรอยต่อนี้ คือ อิตาลี นั่นเอง
แสดงว่า เมื่อในตอนที่พวกเขาลงมาบนโลก อาจจะเจอทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว
พวกชาวอวกาศและมนุษย์ต่างดาว มักเปรียบว่า อวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลเหนือศรีษะของเราขึ้นไปนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับมหาสมุทรสีฟ้าอันกว้างใหญ่และดูลึกลับ มืดมนอนธกาล พวกเขาใช้มันเดิน
ทางกันบ่อยๆ ไปมาหาสู่กันระหว่างดวงดาวต่างๆ ที่เปรียบดั่งเกาะแก่งและประเทศต่างๆบนโลก (แต่ว่าไปอยู่บนจักรวาลแทน) ด้วยยานอวกาศ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับ"เรือ"ในโลกยุคโบราณสมัยก่อน
ดังนั้น ผู้เขียนคิดว่า ถ้าน้ำท่วมโลกไม่ได้มีอยู่จริงๆ เป็นเพียงปรากฏการ์ณทางธรรมชาติอย่างหนึ่งเท่านั้น เรือโนอาห์นั้น ก็อาจจะไม่ได้มีอยู่จริงๆบนโลกใบนี้ เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นในพระคัมภีร์เท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับปรากฏการ์ณทางธรรมชาติ
เรียบเรียง/ที่มา
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
The Rocks Don't Lie | David R. Montgomery | W. W. Norton & Company
The global volume and distribution of modern groundwater | Nature Geoscience
Ira Spar - School of Humanities and Global Studies (HGS)
Noah's Flood | Book by William Ryan, Walter Pitman | Official Publisher Page | Simon & Schuster
สวนอีเดนอยู่ที่ไหน ในยุโรปหรือแอฟริกา? | BrandThink
ไขปริศนาหอคอยบาเบล มีจริงหรือแค่อิงตำนาน
โฆษณา