Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Book Gossip: เล่มนี้ต้องขยาย
•
ติดตาม
18 ม.ค. เวลา 09:02 • หนังสือ
เจ้าชายเดียวดายในอาณาจักรล่องหน
#เจ้าชายเดียวดายในอาณาจักรล่องหน หนังสือภาพเล่มใหญ่จาก สำนักพิมพ์มติชน เล่มนี้ มองเผินๆเหมือนนิทานสำหรับเด็ก แต่แท้จริงเนื้อหากลับลึกซึ้งเข้มข้น เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ห่างเหินกับครอบครัว เพราะพ่อของเขาเป็นพระราชาชราที่มักเก็บตัวอยู่แต่ในห้องสมุด ส่วนแม่ก็เป็นพระราชินีที่ต้องวุ่นวายกับพระราชกรณียกิจแทนพระสวามีแสนสันโดษ พวกเขาจึงไม่เคยมีเวลาให้กับลูกชายคนเดียวของตัวเอง
และด้วยภาระหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกิด ทุกๆวันเด็กชายต้องร่ำเรียนศาสตร์ต่างๆกับครูที่เข้มงวด เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับตำแหน่งพระราชา เขาไม่เคยได้เที่ยวเล่นสนุกสนานตามประสาเด็กวัยเดียวกันและไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน แม้ในวังจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่คอยปรนนิบัติรับใช้จนเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลย ถึงกระนั้นเด็กชายก็ยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ดี
จะมีก็แค่คนขัดรองเท้าที่อยู่ชั้นใต้ดินของพระราชวังเท่านั้นที่ปฏิบัติกับเขาเฉกเช่นที่คนปกติปฏิบัติต่อกัน คนขัดรองเท้ามอบปากกาล่องหนให้กับเจ้าชายสำหรับใช้สร้างสิ่งที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวขึ้นมา เจ้าชายน้อยจึงนำมันมาวาดเมืองในจินตนาการของเขา เมืองที่ทุกคนจะมองเห็นและพูดคุยกับเขาเหมือนคนทั่วไปคนหนึ่ง แล้ววันหนึ่งเจ้าชายก็เริ่มอยากจะออกไปสัมผัสบรรยากาศของโลกภายนอกจริงๆสักครั้ง
หนังสือมีภาพประกอบ 4 สีสวยงามตลอดเล่ม ตัวอักษรเยอะพอสมควร แต่คิดว่าเด็กประมาณช่วงประถมปลายก็น่าจะอ่านได้ไม่ยากนัก ผู้ใหญ่เองก็อ่านสนุกและได้ขบคิดถึงความเป็นจริงของชีวิตว่าทุกสิ่งอาจจะไม่ได้เป็นดั่งใจเรา และหลายครั้งความจริงเหล่านั้นก็รสชาติขมไม่น้อย
ไม่เคยมีใครถามเขาเลยว่าเขาฝันอยากเป็นใคร ฝันอยากจะทำอะไร
เวลาผู้ใหญ่เจอเด็ก เรามักจะถามพวกเขาว่าโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร แต่สำหรับเจ้าชายในเรื่องแล้วเขาไม่เคยได้รับคำถามนี้เลยสักครั้ง เพราะทุกคนรู้ดีว่าชะตาชีวิตของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นพระราชา ไม่ว่าจะอยากเป็นหรือไม่ ซึ่งเท่ากับว่าเจ้าชายผู้มีเพียบพร้อมทุกอย่างจนเด็กวัยเดียวกันอาจจะนึกอิจฉา กลับไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกความฝันของตนเอง เป็นคนที่เหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็ติดอยู่ในกฏเกณฑ์มากมายจนไม่ต่างอะไรกับนักโทษ
คนเราเศร้าโศกมากขนาดนี้กับการจากไปของคนที่ไม่รู้จักกันได้ยังไงนะ
ในระหว่างพิธีศพของพระราชา เจ้าชายเห็นประชาชนร้องไห้ให้กับการจากไปของพระบิดาของเขา ภาพเหล่านั้นทำให้ตัวเขานึกสงสัยว่าคนเราสามารถเสียใจให้กับการตายของคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยได้ด้วยหรือ จากนั้นเจ้าชายจึงตระหนักได้ว่าไม่ใช่แต่ประชาชนเท่านั้น ตัวเขาเองก็กำลังเสียใจให้กับชายคนหนึ่งที่เขาเองก็ไม่ได้รู้จักเช่นกัน
การเติบโตมาในชีวิตที่การขยับตัวแต่ละครั้งต้องเป็นระเบียบแบบแผน ส่งผลให้เขาไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพ่อแม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ กว่าจะได้เจอกันแต่ละครั้งจะต้องรอให้ได้รับอนุญาตเสียก่อน และเมื่อได้เข้าเฝ้าก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกันนัก ขนาดจะอยู่กันเพียงลำพังก็ยังทำไม่ได้ จวบจนวาระสุดท้ายของพระราชา เจ้าชายก็ไม่อาจเข้าไปเยี่ยมได้ตามใจต้องการ ถ้านี่คือสิ่งที่ต้องแลกมาในฐานะเชื้อสายราชวงศ์ผู้ทรงเกียรติ มันก็คงจะโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง 😢
ลูกเอ๋ย จงอย่าหวั่นกลัว พ่อจะอยู่ข้าง ๆ ลูกตลอดไป
ในเรื่องมีความแอบช็อตฟีลอยู่หลายครั้ง เช่น จังหวะที่เจ้าชายนำกุญแจโบราณที่พระบิดาของเขามอบให้ก่อนสิ้นลมไปไขสถานที่แห่งหนึ่งได้สำเร็จ และได้พบกับข้อความลึกซึ้งกินใจที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้จนรู้สึกว่าหัวใจของตนได้ถูกเติมเต็ม เสมือนได้ฟังถ้อยคำทั้งหมดนี้ด้วยน้ำเสียงของพระราชาองค์ก่อนอย่างไรอย่างนั้น
แต่หน้าถัดไปก็กล่าวว่าสถานที่นี้ไม่ได้เป็นความลับอะไรเลย มีชายคนหนึ่งเคยสร้างอนุสรณ์แห่งนี้ไว้ให้ลูกของเขา แล้วหลังจากนั้นก็กลายเป็นธรรมเนียมที่พ่อทุกคนในอาณาจักรนี้จะมอบกุญแจให้ลูกๆของตนในวันที่พวกเขาอายุครบ 18 ปี เพื่อให้ลูกได้พบกับข้อความชวนอบอุ่นหัวใจที่ตัวเองไม่ได้เขียนไว้ด้วยซ้ำ 😒
เราว่าดูค่อนข้างสมเหตุสมผลดีที่ความจริงของเรื่องนี้คือพระราชาก็แค่ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ส่งต่อกันมา แม้มันจะค่อนข้างเจ็บปวดที่ได้รู้ว่าพระราชาที่เอาแต่เก็บตัวเขียนนู้นเขียนนี้อยู่ในห้องสมุดตลอดเวลา ไม่ได้เขียนข้อความชี้แนะอันใดทิ้งไว้ให้ลูกชายของตนเองเลย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าเขาจะเป็นพ่อที่คำนึงถึงลูกขนาดนั้น ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เขาก็คงเอาใจใส่ลูกชายมากกว่านี้ แทนที่จะใช้คำว่าขี้อายของตนมาปลีกตัวออกห่างจากภาระของบ้านเมืองและหน้าที่ของความเป็นพ่อ
และเอาจริง ๆ ผมก็อดเป็นห่วงราชาหนุ่มไม่ได้ เขาจะอยู่รอดมั้ยเมื่อไม่มีสิ่งที่เคยคุ้นจนมองข้ามไป?
หรืออีกจังหวะคือ ตอนจบที่เจ้าชายตัดสินใจว่าจะไม่ทนอยู่กับเส้นทางชีวิตที่ตนไม่ต้องการ หันหลังให้หน้าที่พระราชาและออกเดินทางสู่ชีวิตใหม่นอกรั้ววัง ก็ยังมิวายโดนแซวว่าเจ้าชายคงจะลืมคิดไปว่าจากนี้จะอยู่ยังไง เพราะที่ผ่านมามีแต่คนคอยดูแลจัดแจงทุกอย่างให้ตลอด การละทิ้งตำแหน่งพระราชาก็ไม่ต่างกับการละทิ้งความสะดวกสบายทั้งหมดที่เคยได้รับ แล้วต้องทำทุกอย่างเองทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิต
หนังสือเล่มอื่นๆมักจะจบลงด้วยความเท่ของตัวเอกที่ตัดสินใจหันหลังให้กับชีวิตแบบเดิม แล้วออกไปเผชิญโลกใบใหม่ที่มีเรื่องราวอีกมากมายรอให้เราไปสัมผัส แต่ไม่มีสักครั้งที่จะเล่าต่อว่าฉากต่อไปจากนั้นตัวเอกจะต้องไปล้มลุกคลุกคลานแบบใดบ้าง ในขณะที่หนังสือเล่มนี้ดึงสติคนอ่านกลับมาว่าการตัดสินใจของเจ้าชายอาจจะดูเจ๋ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากระทำการอย่างหุนหันพลันแล่น ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจนำความเดือดร้อนมาสู่ตนได้
เจ้าชายหนีออกจากวังไปแบบตัวเปล่า มีแค่เสื้อผ้า 1 ชุดที่ใส่อยู่ เงินก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี คนรับใช้ก็ไม่มี มีแค่ความคิดที่ว่าโลกภายนอกมีแต่สิ่งสวยงามน่าตื่นตา แต่ไม่ได้ตระหนักว่าโลกนี้ยังมีด้านแย่ๆที่ซุกซ่อนอยู่เช่นกัน ความอ่อนต่อโลกทำให้เขาหลงคิดไปว่าการแอบออกไปโบยบินเล่นชั่วครั้งคราวแล้วกลับมานอนพักในรังทองคำแสนสบาย จะทำให้นกในกรงแบบเขารู้จักป่าดีพอที่จะออกไปอยู่ที่นั่นได้ตลอดไป โดยไม่เฉลียวใจแม้สักนิดว่าตัวเองนั้นแค่จะหาหนอนกินยังทำไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป
พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มันคือนิทานเด็กที่เรียลจนดาร์กเหมือนกันนะเนี่ย 🤣
ปล.เล่มนี้ไม่มีชี้เป้าให้นะคะ พอดีว่ามันค่อนข้างหายากแล้ว และส่วนใหญ่ก็น่าจะมีแต่มือสอง ใครสนใจลองหาตามกลุ่มหนังสือกันดูได้ค่า
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย